Pope Report

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ การเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้า ต้องไม่มีข้อแม้ในทุกสถานการณ์ ทรงชี้ เราต้องเป็นประจักษ์พยานอย่างหนักแน่นแบบที่พระเยซูสอน นั่นคือ "ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่" ทรงเชิญภาวนาเพื่อคริสตชนมรณสักขี ทั้งในศตวรรษแรกและในยุคนี้ ซึ่งน่าจะมีมรณสักขีมากกว่าศตวรรษแรกด้วยซ้ำ ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระศาสนจักรทำการระลึกถึงนักบุญปฐมมรณสักขีแห่งพระศาสนจักรกรุงโรม (บรรดาคริสตชนที่สละชีวิตเพื่อยืนยันความเชื่อในค.ศ. 64 ซึ่งเป็นช่วงที่จักรพรรดิเนโรไล่ฆ่าคริสตชน) ในส่วนบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า "ตอนเริ่มมิสซา เราได้สวดบทภาวนาว่า 'เลือดของมรณสักขีคือเมล็ดพันธุ์สำหรับพระศาสนจักร' อาณาจักรสวรรค์ก็เหมือนเมล็ดพันธุ์ เมล็ดพันธุ์คือพระวาจาของพระเจ้าที่เจริญงอกงามและกลายเป็นอาณาจักรสวรรค์ นั่นคือ มันได้กลายเป็นพระศาสนจักร และเราต้องขอบคุณพละกำลังจากพระจิตและการเป็นประจักษ์พยานของคริสตชนยุคแรกเริ่ม "พวกเรารู้ว่า พระศา

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงขอโทษเยาวชนสังฆมณฑลโรม หลังจากพระองค์ทรงออกมาพบพวกเขาช้ากว่ากำหนด ทรงแบ่งปัน เศร้าใจที่คาทอลิกบางคนไม่สนใจแม่พระ ถ้าใครเป็นแบบนี้ถือเป็นลูกกำพร้า เช่นเดียวกัน คริสตชนที่ไม่มีพระศาสนจักร ก็เป็นเด็กกำพร้าเช่นกัน  ช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการภาวนาร่วมกับกลุ่มเยาวชนของสังฆมณฑลโรม หน้าถ้ำแม่พระเมืองลูร์ด ในสวนวาติกัน การภาวนานี้ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เริ่มในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 โดยจะภาวนาก่อนวันสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล และแม้จะเปลี่ยนสมณสมัยมาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระองค์ก็ยังให้ธรรมเนียมปฏิบัตินี้ดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตาม การภาวนาเริ่มขึ้นช้าไปเกือบ 15 นาที ทันทีที่มาถึง พระสันตะปาปาทรงกล่าวขอโทษทุกคนที่ต้องมานั่งรอพระองค์ พระสันตะปาปาตรัสขอโทษทุกคนว่า "พ่อขอโทษจริงๆที่พ่อมาสาย พ่อยังอยากย้ำว่า การตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญมากๆในสังคม" จากนั้น พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันกับทุกคนว่า "ทุกวันนี้ พ่อเศร้าใจมากเมื่อต้องได้ยินคริสตชนบางคนพูด

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงมอบ "ปัลลิอุม" ให้พระอัครสังฆราชประจำอัครสังฆมณฑล พร้อมสอน อย่ากลัวชีวิตอภิบาล อย่าหนีความรับผิดชอบ และอย่าเสียเวลาไปกับการพูดจาไร้สาระ แต่จงติดตามพระเยซู เพราะพระองค์จะปลดปล่อยความกลัวทุกชนิดและทำให้เราเป็นอิสระจากการเป็นทาสทุกรูปแบบ ทรงเตือนอย่าตกเป็นเหยื่อการประจญและความทะนงตน ซึ่งล่อลวงเราให้หันไปพึ่งอำนาจฝ่ายโลกที่สามารถบันดาลความมั่นคงทางโลกได้  ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล พร้อมมอบปัลลิอุมให้กับพระอัครสังฆราชประจำอัครสังฆมณฑล จำนวน 24 องค์ที่ได้รับการแต่งตั้งในรอบปีที่ผ่านมา พิธีนี้จัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ความพิเศษของมิสซานี้ ยังมีผู้แทนพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ลมาร่วมพิธีด้วย สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า "เมื่อตอนที่เปโตรเริ่มพันธกิจอภิบาลกลุ่มคริสตชนที่กรุงเยรูซาเล็ม ความกลัวแบบสุดๆได้แผ่ขยายไปทั่วเพราะกษัตริย์เฮร็อดยังคงเบียดเบียนข่มเหงพระศาสนจักรอย่างต่อเนื่อง มีการฆ่า นั

วาติกันออกแถลงการณ์ยืนยันว่า สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส จะเป็นประธานในมิสซาสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล ในวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พร้อมมอบ "ปัลลิอุม" ให้พระอัครสังฆราชประจำอัครสังฆมณฑลที่ได้รับแต่งตั้งในรอบปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน แม้พระองค์เพิ่งจะป่วยแบบกระทันหัน จนต้องยกเลิกการเสด็จเยือนโรงพยาบาลเจเมลลี่ เมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา  การยกเลิกพันธกิจ เนื่องจากการประชวร เกิดขึ้นทั้งหมด 4 ครั้งในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา ทำให้นักข่าวสายวาติกันหลายคน เริ่มแสดงความเป็นห่วงอย่างจริงจัวถึงสุขภาพของพระสันตะปาปา หลายฝ่ายเสนอให้พระองค์ "พัก" จากการทรงงานหนักบ้าง แต่พระสันตะปาปาก็ยังก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างหนัก และทรงต้องการจะได้พบสัตบุรุษให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตามปกติ พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นคนที่ "อึด" มาก ถ้าไม่เจ็บป่วยแบบหนักๆจริงๆ พระองค์จะไม่ยกเลิกการได้ภารกิจเด็ดขาด อนึ่ง "วาเลนติน่า อลาสรากี้" นักข่าวสายวาติกันรุ่นเก๋าชาวเม็กซิกัน ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในคนที่สนิทกับสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส มากๆ ได้ส่งข้อมูลมาให้ Pope Report ทราบว

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน เราจะเข้าใจความรักของพระเจ้า ต่อเมื่อเราทำตัวเหมือนเด็กๆและถ่อมตัวลงด้วยความสุภาพ ทรงเตือน ใครที่หยิ่งผยองคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว เจ๋งแล้ว คนพวกนี้ไม่มีวันเข้าใจความรักของพระเจ้าได้เลย ทรงชี้ ความรักที่แท้จริงมี 2 ประการคือ การให้มากกว่ารอจะรับอย่างเดียว และ การลงมือทำมากกว่าคอยพูดอย่างเดียว ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าโอกาสวันสมโภชพระหฤทัยของพระเยซู ภายในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทเทศน์ในวันนี้ พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันเกี่ยวกับธรรมชาติและความแตกต่างระหว่างความรักของพระเจ้ากับความรักของมนุษย์ พระสันตะปาปา ตรัสว่า "มันมีรูปแบบ 2 แบบเกี่ยวกับความรัก หนึ่งคือความรักที่เป็นการให้มากกว่าการรับ สองคือความรักที่เป็นการกระทำมากกว่าคำพูด เมื่อเราให้มากกว่ารับ เราให้ความรักพูดแทนเรา เมื่อเราทำมากกว่าพูด ความรักก็ได้ก่อกำเนิดชีวิตชีวาและทำให้มันเจริญเติบโตขึ้น "เพื่อที่จะเข้าใจความรักของพระเจ้า เราจำเป็นต้องทำตัวให้ต่ำต้อยเหมือนเด็กๆ สิ่งที่พระเจ้าต้องการจากเราคือความสัมพันธ์ร

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงถาม ใครกันล่ะที่เราอยากติดตาม ใช่พวกฟาริสีที่ชอบสอนแบบเลื่อนลอยและมีนิสัยตลบตะแลงหรือเปล่า หรือว่าเราชอบติดตามพวกสงฆ์นักบวชที่ไม่มีความเชื่อ แต่มักจะต่อรองสิ่งต่างๆด้วยอำนาจและเงิน หรือเราจะติดตามพวกที่ชอบทำสงครามแห่งการปลดปล่อย แต่จุดจบไม่ได้ให้อิสรภาพแก่เรา หรือว่า เราอยากจะปลีกตัวไปไกลๆอยู่แต่ในอาราม โดยไม่สนใจใครเลย ทั้งหมดนี้ ใครกันล่ะที่เราอยากติดตาม ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ (มธ 7:21-29) พระเยซูทรงย้ำว่า "ผู้ที่ฟังพระวาจาของพระองค์แล้วปฏิบัติตาม ก็เหมือนคนที่สร้างบ้านบนหิน และเขาจะได้เข้าสวรรค์ ส่วนคนที่ฟังพระวาจาแล้วไม่ปฏิบัติตามคือคนที่สร้างบ้านบนทราย ทุกอย่างจะพังทลาย" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า "ทำไมคนมากมายถึงติดตามพระเยซู? พวกเขาติดตามพระเยซูเพราะพวกเขาได้รับความอัศจรรย์ใจจากคำสอนของพระองค์ พระวาจาของพระเยซูนำความพิศวงไปสู่จิตใจพวกเขา แต่มันยังมีคนอีกกลุ่ม ได้แก่ พวกเทศน์สอนปร

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน ไม่มีใครสามารถเป็นคริสตชนโดยไม่เป็นสมาชิกของพระศาสนจักร ทรงชี้ จริงอยู่ที่ความสัมพันธ์ของเรากับพระเยซูเป็นแบบส่วนบุคคล แต่มันไม่ใช่แบบส่วนตัวแบบลับๆ เพราะความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นและถูกหล่อเลี้ยงด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักร ช่วงสายวันพุธที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 75,000 คน โดยการเข้าเฝ้าทั่วไปวันนี้ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะ "งด" ตลอดเดือนกรกฏาคม ซึ่งเป็นช่วงการหยุดพักร้อนประจำปีของชาวอิตาเลี่ยน สำหรับหัวข้อที่พระสันตะปาปาเทศน์สอนในวันนี้ พระองค์ทรงเน้นย้ำเรื่อง "ความสำคัญของการเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร" พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า "การเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร มีคุณลักษณะเด่นๆคือ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คริสตชนจะเป็นคริสตชนตัวคนเดียว แต่เราต้องเป็นคริสตชนของพระศาสนจักร สิ่งนี้หมายความว่า เราถูกสร้างมาให้เป็นสมาชิกที่มีแนวทางของตนเองในการได้รับความเชื่อ กล่าวคือ เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมเ

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ คริสตชนต้องถ่อมตนเหมือนนักบุญจอห์น บัปติสต์ ที่รู้ตัวว่ามาเตรียมทางให้พระเยซู โดยไม่ฉกฉวยชื่อเสียงเกียรติยศของพระเยซูไปเป็นของตนเอง ทรงชี้ การดำเนินชีวิตแบบเงียบๆเรียบง่ายของคริสตชน จะช่วยให้พระเจ้าสามารถเติบโตในจิตใจของผู้อื่น ช่วงเช้าวันอังคารที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้เป็นการสมโภชนักบุญจอห์น บัปติสต์ บังเกิดด้วย พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า "วันนี้ สมโภชนักบุญจอห์น บัปติสต์ พ่ออยากจะสรุปประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับท่านนักบุญ 3 อย่าง ได้แก่ การเตรียมทาง, การหยั่งรู้แบบชัดแจ้ง และการถ่อมตน "เรื่องแรก การเตรียทาง พ่ออยากย้ำว่า นักบุญจอห์น บัปติสต์เป็นเหมือนแบบอย่างของคริสตชนทุกวันนี้ กล่าวคือ ท่านเป็นคนที่เตรียมทางให้กับพระเยซูโดยไม่แสวงหาเกียรติยศใดเพื่อตัวเองเลย คนจำนวนมากเฝ้าตามหาและคอยจะติดตามท่าน เพราะท่านเป็นนักเทศน์ผู้ทรงพลัง แต่เมื่อถูกถามว่า ท่านเป็นพระเมสซิยาห์หรือเปล่า จอห์น บัปติสต์ตอบทันทีทีว่า ท่านเป็นแค่เสียงที่มาเตรียมทางใ

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ ถ้าเราถูกคนอื่นตัดสินใส่ร้าย จงอย่ากลัว เพราะพระเยซูจะปกป้องเรา ทรงชี้ พวกที่ชอบตัดสินคนอื่นคือซาตานและทำตัวหลบๆซ่อนๆในการใส่ร้ายคน จุดจบของคนพวกนี้ก็คือเขาจะถูกตัดสินให้ร้ายเป็นการตอบแทนอย่างแน่นอน ทรงกระตุ้น ถ้าเราเห็นใครถูกตัดสินใส่ร้าย เราต้องปกป้องเหมือนที่พระเยซูปกป้องเรา  ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ (มธ 7:1-5) พระเยซูทรงเทศน์สอนว่า "อย่าตัดสินผู้อื่น แล้วพระเจ้าจะไม่ตัดสินท่าน ท่านตัดสินผู้อื่นอย่างไร พระเจ้าจะตัดสินท่านอย่างไร ... เจ้าคนหน้าซื้อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของเจ้าก่อนเถิด แล้วจะได้เห็นชัดเพื่อไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาพี่น้องของเจ้า" พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่าเกี่ยวกับพระวรสารตอนนี้ว่า "คนที่ตัดสินผู้อื่นถือว่าผิด ถือว่าทำผิดพลาด และถือว่าเป็นคนแพ้ เพราะเขาเสแสร้งทำหน้าที่แทนพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระองค์เดียวที่สามารถตัดสินเราได้ คนที่ชอบตัดสินคนอื่น พระเยซูบอกว่าคนพวกนี้เป็นพวกช

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ การรักคนที่เกลียดเรา ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ความรักของพระเจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจเราได้ ด้วยการใช้ความดีตอบโต้ความชั่ว ทรงสอน การติดตามพระเยซูในศีลมหาสนิท จะทำให้ชีวิตเราได้รับพระพรและเป็นของขวัญให้ผู้อื่น  ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 55,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงเรื่องสมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ซึ่งเฉลิมฉลองกันหลายภาคส่วนของโลกด้วย พระสันตะปาปาเริ่มต้นตรัสกับสัตบุรุษว่า "พระวรสารวันนี้ พระเยซูตรัสสอนเกี่ยวกับปังที่ลงมาจากสวรรค์ พระเยซูทรงเน้นว่า พระองค์ไม่ได้มายังโลกเพื่อให้วัตถุสิ่งของ แต่มาเพื่อมอบพระองค์เองให้กับเรา ชีวิตของพระองค์คือการหล่อเลี้ยงเพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์ ในฐานะที่เราเป็นศิษย์ติดตามพระเยซู พวกเราได้ถูกรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า ทั้งนี้ เพื่อดำเนินชีวิตตามแบบพระองค์และทำให้ชีวิตของเราเป็นเหมือนปังที่ถูกบิออกแล้วส่งให

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ เมื่อใดที่การสรรเสริญพระเจ้าถูกแทนที่ด้วยการบูชาเงินและอำนาจ ถนนแห่งบาปก็เปิดต้อนรับเราทันที ทรงย้ำ พระศาสนจักรอุทิศตนให้กับการให้การศึกษา เพื่อสอนการแยกแยะผิดชอบชั่วดี ทรงสอนเยาวชน อย่าให้ใครมาขโมยความหวังเป็นอันขาด ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาที่ปิอาน่า ดิ ซิบารี่ ลานกว้างที่เมืองคาสซาโน่ อัลโล โยนิโอ จังหวัดโคเชนซ่า ทางตอนใต้ประเทศอิตาลี มิสซานี้ เป็นการปิดท้ายพันธกิจการเสด็จอภิบาลคริสตชนที่เมืองนี้ด้วย ในส่วนของบทเทศน์ประจำพิธี พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า "พี่น้องที่รัก วันนี้พ่อดีใจที่ได้มาถวายมิสซาสมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้าร่วมกับพวกท่าน การสมโภชนี้มีลักษณะ 2 ประการที่แยกจากกันไม่ได้ นั่นคือ คนที่สรรเสริญพระเจ้า และคนๆนั้นเดินร่วมทางไปกับพระองค์ "เมื่อใดที่การสรรเสริญพระเจ้าถูกแทนที่ด้วยการบูชาเงินตรา ถนนสู่บาปก็เปิดเข้าหาความต้องการส่วนตัวของเราทันที เมื่อเราไม่สรรเสริญพระเจ้า คนๆนั้นก็กลายเป็นผู้บูชาปีศาจ เหมือนอย่างพวกที่ดำเนินชีวิตในความไม่ซื้อสัตย์และ

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ พระสงฆ์ต้องอย่าหมกมุ่นกับอีโก้และทำให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของความศรัทธา เพราะมันจะกลายเป็นการอภิบาลเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อพระเจ้า ทรงแนะ การเฝ้าศีลมหาสนิทแบบเงียบๆ จะช่วยพระสงฆ์ในการตรวจสอบความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตน ทรงชี้ ความเป็นพี่น้องกันในหมู่พระสงฆ์สำคัญมาก เราทำได้ด้วยการทำงานร่วมกับพระสังฆราชของตน ช่วงเที่ยงวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปพบและให้โอวาทแก่บรรดาพระสังฆราชและพระสงฆ์ประจำสังฆมณฑลคาสซาโน่ อัลโล โยนิโอ โดยการพบปะนี้ เกิดระหว่างการเสด็จอภิบาลคริสตชนแคว้นคาลาเบรีย ทางตอนใต้ของอิตาลี โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนบรรดาพระสังฆราชและพระสงฆ์ ใจความว่า "พี่น้องพระสังฆราชและพระสงฆ์ที่รัก พ่อมีความตั้งใจอย่างมากกับการพบกันในครั้งนี้ พวกท่านต้องรับภาระอย่างมากในการทำงานอภิบาลในเขตวัดที่ตนได้รับมอบหมาย "วันนี้ พ่ออยากแบ่งปันเกี่ยวกับความชื่นชมยินดีแห่งการเป็นพระสงฆ์ มันไม่มีสิ่งใดงดงามไปกว่าการที่ชายคนหนึ่งถูกเรียกมาเพื่อเข้าสู่ศักดิ์สงฆ์ ถูกเรียกมาเพื่อติดตามพระคริสตเจ้า อยู่กับพร

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน อย่าเหนื่อยหน่ายเด็ดขาดกับการไปรับศีลอภัยบาป เพราะพระเจ้าไม่เคยเหนื่อยที่จะให้อภัยเรา ทรงหวังเห็น เรือนจำต่างๆดูแลผู้ต้องขังโดยปฏิบัติตามหลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ขั้นพื้นฐาน ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้เสด็จอภิบาลคริสตชนเมืองคาสซาโน่ อัลโล โยนิโอ จังหวัดโคเชนซ่า ทางตอนใต้ประเทศอิตาลี จากนั้น พระองค์ได้เสด็จเยือนเรือนจำกาสโตรวิลล่ารี่ เพื่อเยี่ยมผู้ต้องขังด้วย โดยการเยี่ยมนี้ เป็นพันธกิจแรกของการเยือนประจำวันนี้ด้วย ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับผู้ต้องขัง พระองค์กล่าวว่า "ผู้ที่ต้องโทษอยู่ในเรือนจำ จำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติตามหลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ขั้นพื้นฐาน ทัณฑสถานต้องเอาใจใส่และพยายามดูแลพวกเขาอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้พวกเขาได้เป็นคนที่มีประสิทธิภาพเมื่อกลับคืนสู่สังคม เมื่อใดที่เป้าหมายนี้ไม่บรรลุ การต้องโทษในเรือนจำก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือของการลงโทษและชำระแค้นที่จะส่งผลกระทบต่อทั้งตัวบุคคลและสังคม "พี่น้อง พ่ออยากย้ำว่า พระเจ้าไม่เคยดูแลเราในวิถีทางแบบนี้

วาติกันประกาศตารางเวลาของสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ประจำเดือนกรกฏาคม-สิงหาคม 2014 แล้ว ปรากฏว่า พระสันตะปาปาทรงลดตารางทำงานให้น้อยลง แต่ไม่ถึงกับหยุดพักแต่อย่างใด ส่วนมิสซาเช้า งด 2 เดือน เพราะตรงกับช่วงที่ชาวอิตาเลี่ยนพักร้อน พระสันตะปาปาจึงถวายมิสซาเช้าแบบคนเดียว ไม่เชิญสัตบุรุษมาร่วม ในส่วนของมิสซาเช้า ซึ่งตามปกติ พระสันตะปาปาจะเชิญสัตบุรุษมาร่วมทุกวัน แต่ตลอดเดือนกรกฏาคมและสิงหาคม จัดเป็นเวลาพักร้อนของชาวอิตาเลี่ยนและหลายชาติในยุโรป พระสันตะปาปาจะถวายมิสซาแบบส่วนพระองค์ โดยไม่เชิญสัตบุรุษมาร่วม เพราะไม่ต้องการรบกวนให้เจ้าหน้าที่วาติกันมาเตรียมการให้ เช่นเดียวกัน การเข้าเฝ้าทั่วไป ซึ่งปกติจะจัดทุกวันพุธ จะถูก "งด" เช่นกันตลอดเดือนกรกฏาคม แต่จะกลับมาจัดตามปกติในเดือนสิงหาคม ยกเว้นวันพุธที่ 13 สิงหาคม ที่จะงด เพราะพระสันตะปาปาจะเสด็จออกจากอิตาลี เพื่อร่วมงานเยาวชนเอเชียที่เกาหลีใต้ สำหรับการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว จะยังมีตามปกติ โดยพระสันตะปาปาจะนำภาวนาที่วาติกัน ไม่ใช่พระราชวังฤดูร้อน คาสเตล กันดอลโฟ เหมือนอย่างที่พระสันตะปาปาองค์ก่อนๆทรงปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม พระสันตะปาปาจะเสด

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือน คนที่หยิ่งยะโสและภูมิใจกับอำนาจของตน มักมีจุดจบแบบอับจนและติดคุกแทบทั้งนั้น ทรงชี้ คนที่จ้องจะสะสมความร่ำรวยอย่างเดียว จุดจบคือเขาจะสูญเสียวิญญาณของตัวเอง ทรงย้ำ ถ้าใจของเราฝักใฝ่แต่ทรัพย์สมบัติทางโลก หัวใจของเราก็จะเป็นโซ่ที่ถูกตรวนไว้ไม่ให้มีเสรีภาพ ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูทรงสอนบรรดาศิษย์ว่า "อย่าสะสมทรัพย์สมบัติบนแผ่นดิน แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์" (มธ 6:19-23) พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนถึงพระวรสารตอนนี้ ใจความว่า "ทรัพย์สมบัติทางโลกอย่างแรกคือเงิน มันมีความเสี่ยงตลอดเวลาที่จะถูกโจรขโมย เช่นเดียวกันมีความเสี่ยงจากตลาดหุ้น เงินเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเราและครอบครัว แต่คนที่มัวแต่จ้องจะสะสมความร่ำรวยอย่างเดียว จุดจบของเขาคือจะสูญเสียวิญญาณของตัวเอง "ทรัพย์สมบัติทางโลกอย่างที่สองก็คือชื่อเสียงเกียรติยศและความหยิ่งยะโสที่คนเรามักจะชอบโอ้อวดกัน มันก็เหมือนกับสิ่งที่พระเยซูตำหนินั่นแหละ พวกคนที่ท

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ คาทอลิกบางคนไม่ชอบกินอาหารปังทรงชีวิตที่พระเจ้าจัดเตรียมให้บนโต๊ะของพระองค์ แต่ชอบไปกินอาหารบนโต๊ะของทาส ทาสเงินตรา ทาสความหยิ่งยะโสและอำนาจบาตรใหญ่ ทรงย้ำ เราควรถามตัวเองบ่อยๆว่า ยังอยากจะกินอาหารรสจัดจ้านแต่เป็นอาหารบนโต๊ะทาสแบบนี้ต่อไปใช่หรือไม่ ช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาสมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ณ มหาวิหารจอห์น ลาเตรัน และแห่ศีลมหาสนิทไปยังมหาวิหาร ซานตา มารีอา มาจจอเร่ ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมพิธีจำนวนมาก สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวว่า "พระเยซูทรงจัดเตรียมอาหารให้กับผู้ที่ต้องการ ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์คือปังทรงชีวิตที่มอบชีวิตพระองค์เองให้กับโลก พระกายของพระองค์คืออาหารที่แท้จริงในรูปของขนมปัง ส่วนพระโลหิตก็เป็นเครื่องดื่มแท้จริงในรูปแบบของไวน์ (เหล้าองุ่น) พระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้าสามารถให้ชีวิตนิรันดรกับทุกคน เพราะเนื้อของปังนั้นคือความรักของพระเยซู "การดำเนินชีวิตในความเชื่อคาทอลิกหมายถึงการยอมให้ตัวเราเองได

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงยืนยัน พระศาสนจักรไม่ใช่องค์กรการกุศล แต่พระศาสนจักรคือแม่และเป็นครอบครัวที่โอบกอดมนุษยชาติเข้าไว้ด้วยกัน ทรงย้ำ แผนการของพระเจ้าที่ให้เรา เป็นทางที่มีแต่อุปสรรคและมีการล่อลวงให้เราทำบาปตลอดเวลา กระนั้น เราต้องมั่นคงและยึดมั่นในเส้นทางที่พระเจ้านำทางตลอดไป ช่วงสายวันพุธที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 75,000 คน สำหรับวันนี้ พระสันตะปาปาทรงเริ่มต้นการสอนคำสอนเรื่องใหม่ ภายใต้หัวข้อ "พระศาสนจักร" พระสันตะปาปา ทรงกล่าวสอนว่า "วันนี้ เราเริ่มต้นบทเรียนใหม่ซึ่งพ่อจะเน้นหนักไปที่พระศาสนจักร พี่น้องที่รัก พระศาสนจักรไม่ใช่สถาบันองค์กรทั่วๆไป แต่พระศาสนจักรคือแม่ พระศาสนจักรคือครอบครัวและเป็นธรรมล้ำลึกซึ่งโอบกอดมวลมนุษยชาติเอาไว้ "พระเยซูทรงตั้งพระศาสนจักรขึ้นมา พระศาสนจักรมีต้นกำเนิดมาจากพันธสัญญาเดิม ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกอับราฮัมให้ออกเดินทางไปยังแผ่นดินใหม่และทรงสัญญากับอับราฮัมว่า เขาจะเป็นบรรพบุรุษของชน

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน พ่อแม่ที่ไม่มีเวลาให้ลูกของตัวเอง ลูกก็กลายเป็นเด็กกำพร้าไปแล้ว เพราะเขาไม่มีความทรงจำใดๆกับครอบครัวเลย ทรงถาม ชีวิตวุ่นวายยุ่งเหยิงแบบต้องตื่นแต่เช้า และเดินทางไกลๆไปทำงาน พอกลับบ้านก็เหนื่อยจนไม่มีเวลาให้ลูกๆ แบบนี้มันใช่เหรอ ถ้าเป็นแบบนี้ชีวิตเราโหดร้ายไปหรือเปล่า ทรงย้ำ พระศาสนจักรไม่ใช่องค์กรการกุศล แต่เป็น "แม่" ที่พร้อมดูแลทุกคน ช่วงเย็นวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเปิดการสัมมนาของสังฆมณฑลโรม ภายในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน โดยการสัมมนานี้ เน้นเรื่องบทบาทของพระศาสนจักรในฐานะแม่ของสังคมที่มีลูกๆหลายคนมีความเสี่ยงจะเป็นเด็กกำพร้า โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสให้ข้อคิดกับทุกคนว่า "ปีที่แล้ว พ่อมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชุมชนวัดต่างๆในสังฆมณฑลโรม พ่อได้พบกับผู้คนมากหน้าหลายตา อย่างไรก็ตาม การพบปะนี้ ถึงจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่สัตบุรุษทุกคนก็ได้แสดงออกถึงความหวังและความคาดหวังที่เขามี รวมไปถึงแบ่งปันความเจ็บปวดและปัญหาต่างๆให้พ่อฟัง "หลายคนมาบอกพ่อว่า เขารู้สึกสับสนกับช

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ คนโกงคือคนที่ขายตัวให้ความชั่ว ทรงย้ำ คนโกงจะต้องถูกพระเจ้าลงโทษ ไม่เฉพาะตัวเองเท่านั้น แต่ครอบครัวของคนโกงก็จะโดนลงโทษด้วย ทรงสอน หน้าที่คริสตชนคือสวดภาวนาขอให้คนโกงได้กลับใจและสำนึกผิดในบาปที่ตนทำลงไป ช่วงเช้าวันอังคารที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้มาจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ เป็นเหตุการณ์ที่พระเจ้าสั่งให้เอลียาห์ไปตักเตือนกษัตริย์อาหับ ซึ่งเข้ายึดครองสวนองุ่นของ "นาโบธ" ผู้ถูกฆ่าตายเพียงเพราะกษัตริย์ต้องการครองสวนองุ่น หลังจากกษัตริย์อาหับได้ยินสิ่งที่เอลียาห์กล่าวตำหนิแล้ว เขาก็เป็นทุกข์ถึงบาปที่ทำไป พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปันบทอ่านนี้ว่า "เมื่อใดที่เรามีส่วนร่วมไปกับการขี้โกง เราก็สูญเสียความเป็นมนุษย์และเราก็ขายตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว มันเป็นเหมือนสิ่งที่เอลียาห์กล่าวกับกษัตริย์อาหับว่า 'ข้าพเจ้าได้เห็นท่านขายตัวให้กับความชั่วร้ายต่อหน้าพระพักตร์ของพระเจ้า' "การขายตัวให้กับความชั่วคือนิยามของการโกง มันคือสินค้าที่เราซ

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส น่าจะเป็น หนึ่งในพระสันตะปาปาที่เป็นมิตรกับสื่อมากๆ (MEDIA FRIENDLY) พระองค์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายสำนักแบบไม่มีแบ่งแยกเลยว่าเป็นสื่อคาทอลิกหรือสื่อทั่วไป สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะ พระสันตะปาปาองค์นี้ จัดตารางการขอเข้าพบและประชุมด้วยพระองค์เองทั้งหมด พระองค์เคยกล่าวว่า “ถ้าให้เลขาฯจัดการ มันมีความเสี่ยงที่พระองค์จะไม่ได้พบชาวบ้านที่มีเรื่องเดือดร้อนแน่ๆ” ดังนั้น ไม่ว่าใครขอนัดพบ พระสันตะปาปามีเวลาให้หมด เหมือนกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ... จากนี้ไป ผมจะพาไปดูประเด็นสำคัญๆที่พระสันตะปาปาทรงให้สัมภาษณ์กับ “ลา วันกวาเดีย” (LA VANGUARDIA – สื่อของแคว้นกาตาลัน เมืองหลวงของแคว้นนี้คือ “บาร์เซโลน่า” นั่นเอง) มีประเด็นไรบ้าง ไปดูกันเลย ความรุนแรงในตะวันออกกลางที่ชอบอ้างพระนามพระเจ้า พระสันตะปาปาตรัสถึงเรื่องนี้ว่า “มันขัดแย้งกันนะ ความรุนแรงในพระนามของพระเจ้าไม่สอดคล้องกับยุคปัจจุบันเลย มันคือเรื่องในอดีต ถ้าเป็นสมัยโบราณ ประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่า คริสตชนได้ทำแบบนี้ (ทำสงครามในนามพระเจ้า และบังคับชนพื้นเมืองเปลี่ยนศาสนา) แต่ตอนนี้ เรามาอยู่ในยุคที่ศาสนาขัดแย้งอย่างรุนแรงไปแล้ว”

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงต้อนรับ ดร.จัสติน เวลบี้ อาร์คบิช็อปแห่งแคนเทอร์บิวรี่ ผู้นำพระศาสนจักรแองกลิกัน ที่มาเข้าเฝ้าในวาติกัน พร้อมยืนยัน พระศาสนจักรทั้งสองมุ่งมั่นจะก้าวไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกันให้จงได้ แม้หนทางจะดูยาวไกลก็ตาม ในส่วนรายละเอียดของการสนทนาระหว่างผู้นำทั้งสอง สันตะสำนักแถลงว่า "พระสันตะปาปาทรงกล่าว่า พระองค์คาดหวังว่า การพบกันครั้งนี้จะช่วยให้มิตรภาพระหว่างสองพระศาสนจักรแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก พระศาสนจักรทั้งสองอุทิศตนร่วมกันเพื่อการให้อภัยและคืนดีกัน และร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในหมู่คริสตชนผู้มีความเชื่อ พระสันตะปาปายังเน้นว่า เป้าหมายของความเป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์อาจดูห่างไกล แต่มันยังเป็นเป้าหมายของเราเสมอ ซึ่งเราควรทำทุกทางเพื่อก้าวไปถึงจุดนั้น "นอกจากนี้ พระสันตะปาปาทรงขอบคุณ อาร์คบิช็อปแห่งแคนเทอร์บิวรี่ ที่ได้ต่อสู้กับการค้ามนุษย์และการค้าทาสในยุคปัจจุบัน ซึ่งสิ่งนี้จัดเป็นการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง" ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาต้อนรับอาร์คบิช็อปแห่งแคนเทอร์บิวรี่ Read More: Vatican Radio

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ คนยากไร้และเด็กๆคือคนที่ต้องมาชดใช้ผลจากการโกงของพวกนักการเมือง นักธุรกิจ รวมถึงพระสังฆราชและพระสงฆ์ ทรงย้ำ บาปใกล้ตัวเราที่จับต้องได้ก็คือบาปการโกง ทรงแบ่งปัน น่าเศร้าที่ทุกวันนี้ มีแต่ข่าวนักการเมืองร่ำรวยแบบแจกแจงที่มาของเงินไม่ได้ ถูกนำตัวไปขึ้นศาล เช่นเดียวกับพวกนักธุรกิจที่เอาเปรียบลูกจ้าง นอกจากนี้ ยังเศร้าหนัก เมื่อพระสังฆราชและพระสงฆ์บางคน ก็มีส่วนร่วมในการโกงด้วย ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้มาจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ เป็นเหตุการณ์ที่ "นาโบธ" เจ้าของสวนองุ่นถูกลากออกไปนอกเมืองและเอาหินทุ่มจนตาย เพียงเพราะไม่ยอมยกสวนองุ่นที่เป็นมรดกตกทอดของวงศ์ตระกูลให้กับกษัตริย์อาหับ พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันเรื่องนี้ ผ่านบทเทศน์ว่า "นี่คือเรื่องเศร้าสุดๆ แม้จะเป็นเรื่องเก่าขนาดไหน มันก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงบาปที่อยู่ใกล้ตัวเราแบบสุดๆ นั่นก็คือ การขี้โกง นั่นเอง เหตุการณ์ในพันธสัญญาเดิมนี้ยังคงเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน เราพบเห็

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ คนที่ไม่ดูแลใส่ใจผู้สูงอายุและทอดทิ้งเยาวชน จัดเป็นคนที่ไร้อนาคต ทรงตำหนิวัฒนธรรมยุคใหม่ที่เป็นแบบ "วัฒนธรรมทิ้งๆขว้างๆ" ให้เงินเป็นพระเจ้า ถ้าเห็นสิ่งใดหมดประโยชน์ ก็เลิกใส่ใจทันที ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้เสด็จเยี่ยมกลุ่มซานต์ เอจิดิโอ ภายในมหาวิหารซานตา มารีอา ตราสเตเวเร กรุงโรม ประเทศอิตาลี ทั้งนี้ กลุ่มซานต์ เอจิดิโอ ก่อตั้งในค.ศ. 1968 บริเวณตราสเตเวเร โดยจิตตารมณ์ของกลุ่มคือการรับใช้ผู้ยากจนและผู้ต้องการความช่วยเหลือต่างๆ นอกจากนี้ ยังทำงานด้านสังคมสงเคราะห์และดูแลผู้ลี้ภัยด้วย ปัจจุบัน กลุ่มซานต์ เอจิดิโอ มีสมาชิกกว่า 60,000 คน และดำเนินงานใน 73 ประเทศทั่วโลก ในส่วนพระดำรัสกับทุกคน พระสันตะปาปาตรัสว่า "พ่ออยากเน้นย้ำเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกัน อาทิ ความเป็นหนึ่งเดียวกันในคำภาวนา ความเป็นหนึ่งเดียวกันในการช่วยเหลือผู้อ่อนแอสุดในสังคมและผู้ด้อยโอกาส เฉพาะอย่างยิ่ง เราต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคนต่างวัยกับเรา "คนที่ไม่ใส่ใจสมาชิกผู้สุงอายุ คนที่ไม่ใส่ใจเยาวชน จัด

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงประกาศการเสด็จเยือน "แอลเบเนีย" แบบเช้าเย็นกลับในวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน 2014 พร้อมกันนี้ ทรงแบ่งปัน ในพระตรีเอกภาพ คริสตชนต้องรักกัน ไม่ใช่เกลียดกัน ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 50,000 คน ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน วันนี้ พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันเรื่องสมโภชพระตรีเอกภาพ ใจความว่า "สมโภชพระตรีเอกภาพคือการแสดงให้เห็นถึงการรำพึงไตร่ตรองและการเทิดทูนชีวิตศักดิ์สิทธิ์ของพระบิดา พระบุตร และพระจิต ชีวิตที่สนิมแนบแน่นและความรักสมบูรณ์แบบเพื่อสิ่งสร้างทั้งปวง "ในพระตรีเอกภาพ เราได้ไตร่ตรองถึงแบบอย่างของพระศาสนจักร ซึ่งเราแต่ละคนถูกเรียกมาเพื่อรักกันและกันเหมือนที่พระเยซูทรงรักเรา ความรักคือเครื่องหมายที่ชัดเจนที่แสดงออกถึงความเชื่อในพระเจ้าพระบิดา พระบุตร และพระจิต ความรักคือเครื่องหมายคริสตชน มันค่อนข้างขัดแย้งกันสักนิดที่จะคิดเกี่ยวกับคริสตชนที่เกลียดชังกัน เพราะมันเป็นสิ่งที่ปีศาจกำลังต้องการ ปีศาจต้อ

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำในสารวันแพร่ธรรมสากล อย่ามองข้ามกระแสเรียกแพร่ธรรมในตัวฆราวาสเด็ดขาด เพราะทุกวันนี้ ฆราวาสที่ทำหน้าที่แพร่ธรรมมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอย่างจับต้องได้ ทรงชี้ ปัญหาขาดแคลนกระแสเรียกพระสงฆ์และนักบวช เกิดจากการขาดความกระตือรือร้นในชุมชนเขตวัด ทรงสอน พระสังฆราชต้องใส่ใจกับการประกาศพระวรสารในดินแดนห่างไกลและพื้นที่ที่เป็นชายขอบของสังคม ทรงเตือน พระเจ้าไม่แสดงพระองค์ให้กับคนที่ชอบอวดเก่งอวดดีและทำตัวรู้ไปทุกเรื่อง สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกสารวันแพร่ธรรมสากล ครั้งที่ 88 ซึ่งจะทำการฉลองในวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2014 โดยสาระสำคัญของสารวันแพร่ธรรมสากล 2014 มีดังนี้ - ในพระวรสารของนักบุญลูกา (10:20-21, 23) พระเยซูทรงส่งศิษย์ 72 คนไปประกาศพระวรสาร พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า "อย่าชื่นชมยินดีที่ปีศาจอ่อนน้อมต่อท่าน แต่จงชื่นชมยินดีมากกว่าที่ชื่อของท่านถูกจารึกในสวรรค์แล้ว" พระเยซูทรงต้องการให้ศิษย์ของพระองค์แบ่งปันความชื่นชมยินดีนี้ให้ผู้อื่น เพราะมันยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่งที่พวกเขาเคยสัมผัสมา - พระเจ้าทรงซ่อนพระองค์เองให้กับผู้ที่คิ

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ ความเสี่ยงที่สุดในการช่วยเหลือผู้ยากไร้คือการพูดอย่างเดียว แต่ไม่ลงมือทำอย่างจริงจัง ทรงชี้ สิ่งสำคัญสุดของการเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูคือการออกไปตามท้องถนนและช่วยเหลือผู้ยากไร้อย่างเป็นรูปธรรม ช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับสมาชิกกลุ่มมิเซริคอร์ดิเอ กว่า 30,000 คน (Misericordie) ที่มาเข้าเฝ้า ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยกลุ่มมิเซริคอร์ดิเอเป็นกลุ่มอาสาสมัครเก่าแก่ก่อตั้งมากว่า 770 ปี และคอยช่วยเหลือผู้ยากไร้ในอิตาลี โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า "จงติดตามอาจารย์ของพวกเรา (พระเยซู) พวกเราถูกเรียกมาให้อยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่นและแบ่งปันการกินอยู่กับคนที่เราได้พบ ทั้งคำพูด การกระทำ และทัศนคติของเราต้องแสดงออกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขา เราต้องไม่ทำตัวเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักความเจ็บปวดของคนอื่น เราต้องช่วยเหลือเขาด้วยความรักแบบพี่น้อง และต้องช่วยโดยปราศจากการตกเป็นเหยื่อของการครอบงำพวกเขา "เรามีสถิติและข้อมูลมากมายเกี่ยวกับความยากจนและการกดขี่มนุษย์ นี่ถื

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ เมื่อพระเจ้าเลือกใครสักคนมาทำงานให้พระองค์ พระเจ้าจะจัดเตรียมทุกสิ่งให้คนๆนั้นอย่างดี ทรงย้ำ ข้อแตกต่างระหว่างงานที่พระเจ้าทรงมอบหมายกับงานที่เจ้านายมอบให้เราทำ ก็คือ งานที่เจ้านายมอบหมาย เราต้องทำให้สำเร็จ แต่งานที่พระเจ้ามอบหมาย พระเจ้าจะนำเราเข้าสู่กระบวนการต่างๆของพระองค์ อาทิ การอ่านเครื่องหมายแห่งกาลเวลา, การทดสอบความนบนอบและซื่อสัตย์ต่อพระองค์ ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้มาจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 พระเจ้าตรัสกับเอลียาห์ให้ออกจากถ้ำ เพื่อจะได้เห็นการประทับของพระองค์ และเมื่อพระเจ้าทรงผ่านไป ลมก็พัดแรงมากและเกิดแผ่นดินไหว พร้อมทั้งมีไฟลุกออกมา แต่พระเจ้าไม่ได้ประทับในไฟนั้น อย่างไรก็ตามมีเสียงกระซิบเบาๆให้เอลียาห์ได้ยินว่า จงกลับไปตามทางที่มา เพราะพระเจ้าทรงมีพันธกิจให้ทำแล้ว พระสันตะปาปา ทรงแบ่งปันบทอ่านนี้ว่า "การที่มีเสียงกระซิบเบาๆผ่านทางไฟที่กำลังลุก จัดเป็นการเผยแสดงที่สวยงามมากๆ มันอาจดูขัดแย้งกันสักห

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแนะ จงรู้จักลดข้อขัดแย้งกับคนอื่น ด้วยการหาทางประนีประนอม แม้มันจะไม่สามารถสร้างสันติให้เกิดแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่มันพอให้เราหยุดความขัดแย้งและเกลียดชังได้บ้าง ทรงย้ำ เลิกนินทาให้ร้ายกันได้แล้ว เพราะนี่คือการฆ่าคนทั้งเป็น และมันสะท้อนถึงความเกลียดชังในจิตใจของเรา ทรงย้ำ ถ้าเรายังทะเลาะกับญาติพี่น้อง จงไปคืนดีกับเขาก่อนจะไปหาพระบิดา ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ (มธ 5:20-26) พระเยซูทรงเทศน์สอนว่า "ถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถวายพระเจ้าที่พระแท่น แต่ท่านระลึกได้ว่ายังมีเรื่องบาดหมางกับพี่น้องของตน จงวางเครื่องบูชาไว้ก่อนและกลับคืนดีกับพี่น้องของตน จากนั้นจึงกลับมาถวายเครื่องบูชาให้พระเจ้า" พระสันตะปาปา ทรงเทศน์แบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า "เราได้ยินกันชัดเจนแล้วใช่ไหมว่า พระเยซูสอนเราว่า 'ถ้าความชอบธรรมของเราไม่ได้ดีไปกว่าพวกฟาริสี เราจะเข้าสวรรค์ไม่ได้เลย' ดังนั้น เราควรรักคนอื่นอย่างไรล่ะ ถ้าเรายึดมั่นตามคำสอนข

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ ถ้าเราดำเนินชีวิตเพื่ออำนาจ เงินตรา และเป็นคนขี้โกง บทสรุปบั้นปลายชีวิตของเราจบแบบไม่สวยแน่ ทรงเตือน พวกที่โกงและพวกค้ามนุษย์ เตรียมตัวตอบคำถามต่อหน้าพระเจ้าด้วยแล้วกัน พร้อมกันนี้ ทรงขอร้องนานาชาติร่วมมือต่อต้านการใช้แรงงานเด็กอย่างจริงจัง ช่วงสายวันพุธที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 70,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันพระคุณของพระจิตประการสุดท้าย นั่นคือ "ความยำเกรงพระเจ้า" พระสันตะปาปา ตรัสว่า "วันนี้ พ่อจะพูดพระคุณของพระจิตเรื่องความยำเกรงพระเจ้า สิ่งนี้ไม่ใช่การเป็นทาสรับใช้หรือนอนนิ่งต่อหน้าพระเจ้า แต่มันคือการสำนึกในความรักอันเหลือล้นสุดประมาณของพระบิดา พระเจ้าของเรา "ความยำเกรงพระเจ้าเป็นเหมือนเครื่องเตือนเราว่า เมื่อคนๆหนึ่งดำเนินชีวิตอยู่ในความชั่ว เมื่อคนๆหนึ่งสบประมาทพระเจ้า เมื่อคนๆหนึ่งเอาเปรียบผู้อื่น เมื่อคนๆหนึ่งกดขี่ข่มเหงคนอื่น เมื่อคนๆหนึ่งดำเนินชีวิตเพื่อเงินอย่างเดี

ซิสเตอร์คริสติน่า สคุชช่า ซิสเตอร์คณะอุร์สุลิน แชมป์ "เดอะ ว๊อยซ์ ออฟ อิตาลี" ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังชนะเลิศการแข่งขันว่า ที่ตนเชิญให้ทุกคนสวดบท "ข้าแต่พระบิดา" พร้อมกัน เพราะต้องการใช้โอกาสนี้ในการแพร่ธรรม ย้ำ ถ้าไม่ทำตอนนั้น แล้วจะให้ไปทำที่ไหน ยืนยัน มั่นใจในพระญาณสอดส่องของพระเจ้า ก่อนจะเตรียมตัวเข้าพิธีปฏิญาณตนตลอดชีวิต ซิสเตอร์ คริสติน่า วัย 25 ปี ซึ่งกำลังจะเข้าพิธีปฏิญาณตนตลอดชีวิต ได้กล่าวว่า "ตอนนี้ ซิสเตอร์วางแผนจะกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติ และอุทิศตนให้กับสิ่งสำคัญสุดในชีวิต นั่นคือ พระเยซูและการสวดภาวนา ส่วนอนาคตของซิสเตอร์ก็ขึ้นกับคุณแม่อธิการ ซิสเตอร์เชื่อและวางใจในพระญาณสอดส่องของพระเจ้า" ต่อข้อคำถามที่ว่า หลังได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะเลิศแล้ว ซิสเตอร์คิดอย่างไรถึงเชิญให้ทุกคนสวดบท "ข้าแต่พระบิดา" พร้อมๆกัน ซิสเตอร์ตอบว่า "ซิสเตอร์ต้องการให้พระเยซูมาร่วมอยู่กับพวกเราในห้องส่งด้วย ว่าแต่ ถ้าซิสเตอร์ไม่ใช้โอกาสนี้แพร่ธรรมและเชิญคนให้สวดภาวนาพร้อมกัน ซิสเตอร์จะไปใช้โอกาสแบบนี้ที่ไหนล่ะ" ผู้สื่อข่าวได้ถามต่ออีกว่า การชนะเลิ

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ พวกที่ชอบนินทาใส่ร้ายกันคือพวกไม่ฝักใฝ่สันติ คนพวกนี้เป็นศัตรูกับสันติภาพ ทรงเตือนสติ มันง่ายมากสำหรับยุคนี้ที่เราจะตกเป็นเหยื่อของการคดโกง และเราก็มักจะหยวนๆพูดว่า "นี่เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ" ทรงย้ำ พระเยซูไม่เคยสอนว่า "ผู้มีใจอาฆาตแค้นย่อมเป็นสุข" พระองค์พูดแต่ว่า "ผู้มีใจเมตตาย่อมเป็นสุข" ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ (มธ 5:1-12) พระเยซูทรงเทศน์สอนเรื่อง "ความสุขแท้จริง" (บุญลาภ 8 ประการ) พระสันตะปาปาจึงตรัสแบ่งปันว่า "พระวรสารเรื่องความสุขแท้จริง (บุญลาภ) ถือเป็นบัตรประชาชนของเราคริสตชน ถ้าเราถามตัวเองว่า เราจะเป็นคริสตชนที่ดีได้อย่างไร พระวรสารเรื่องความสุขแท้จริงนี่แหละคือสิ่งที่เราจะพบคำตอบที่พระเยซูตรัสกับเรา คำตอบที่ชี้ถึงทัศนคติซึ่งสวนกระแสโลกเอามากๆ อาทิ 'ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา' และ 'ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้าย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงนำภาวนาเพื่อสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ พร้อมย้ำ ทรงคาดหวังอย่างมากว่าการภาวนานี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง ทรงชี้ เราต้องวอนขอพระเจ้าโปรดประทานสันติภาพให้เรา ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการภาวนาเพื่อสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ งานนี้ พระสันตะปาปาทรงเชิญ ชิม่อน เปเรส ประธานาธิบดีอิสราเอล และ มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มาร่วมภาวนาด้วย นอกจากนี้ พระอัยกาบาร์โธโลมิว ที่ 1 ผู้นำคริสตชนออโธด็อกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล ก็มาร่วมงานเช่นกัน โดยก่อนหน้างานภาวนาจะเริ่มขึ้น พระสันตะปาปาได้รอต้อนรับ ชิม่อน เปเรส ประธานาธิบดีอิสราเอล และ มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ อยู่ในหอพักซางตา มาร์ธา ทันทีที่ผู้นำทั้งสองชาติพบกัน ก็ได้ทักทายแก่กัน "ยินดีที่ได้พบท่านอีกครั้ง" (Nice to meet you again) จากนั้น ผู้นำทั้งหมด รวมถึงพระอัยกาบาร์โธโลมิว ที่ 1 ก็ได้ขึ้นรถตู้จากหอพักซางตา มาร์ธา ไปยังสวนวาติกัน สถานที่จัดการภาวนา การภาวนา