โป๊ปฟรังซิส: "การเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้า ต้องไม่มีข้อแม้ในทุกสถานการณ์"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ การเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้า ต้องไม่มีข้อแม้ในทุกสถานการณ์ ทรงชี้ เราต้องเป็นประจักษ์พยานอย่างหนักแน่นแบบที่พระเยซูสอน นั่นคือ "ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่" ทรงเชิญภาวนาเพื่อคริสตชนมรณสักขี ทั้งในศตวรรษแรกและในยุคนี้ ซึ่งน่าจะมีมรณสักขีมากกว่าศตวรรษแรกด้วยซ้ำ


ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระศาสนจักรทำการระลึกถึงนักบุญปฐมมรณสักขีแห่งพระศาสนจักรกรุงโรม (บรรดาคริสตชนที่สละชีวิตเพื่อยืนยันความเชื่อในค.ศ. 64 ซึ่งเป็นช่วงที่จักรพรรดิเนโรไล่ฆ่าคริสตชน)

ในส่วนบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า "ตอนเริ่มมิสซา เราได้สวดบทภาวนาว่า 'เลือดของมรณสักขีคือเมล็ดพันธุ์สำหรับพระศาสนจักร' อาณาจักรสวรรค์ก็เหมือนเมล็ดพันธุ์ เมล็ดพันธุ์คือพระวาจาของพระเจ้าที่เจริญงอกงามและกลายเป็นอาณาจักรสวรรค์ นั่นคือ มันได้กลายเป็นพระศาสนจักร และเราต้องขอบคุณพละกำลังจากพระจิตและการเป็นประจักษ์พยานของคริสตชนยุคแรกเริ่ม

"พวกเรารู้ว่า พระศาสนจักรจะไม่เติบโตถ้าปราศจากพระจิต เป็นพระจิตที่ทำให้พระศาสนจักรเติบใหญ่ถึงทุกวันนี้ เป็นพระจิตที่นำทุกคนมารวมตัวกันในชุมชนพระศาสนจักร แต่กระนั้น การเป็นประจักษ์พยานของคริสตชนยุคแรกเริ่มก็สำคัญไม่แพ้กัน เมื่อสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์เรียกร้องการเป็นประจักษ์พยานที่เข้มแข็ง มันก็มีบรรดามรณสักขีนี่แหละที่เป็นประจักษ์พยานอันยิ่งใหญ่ พระศาสนจักรเติบโตได้ เราต้องขอบคุณเลือดของมรณสักขี นี่คือความงามของการสละชีวิตเพื่อยืนยันความเชื่อ ทุกสิ่งเริ่มด้วยการเป็นประจักษ์พยาน มันมีเงื่อนไขหนึ่งที่สำคัญต่อการเป็นประจักษ์พยานที่แท้จริง นั่นคือ การเป็นประจักษ์พยานต้องไม่มีข้อแม้ในทุกสถานการณ์

"ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูตรัสกับสาวกว่า 'จงตามเรามา โดยปราศจากเงื่อนไข' การเป็นประจักษ์พยานต้องได้รับการยืนยันอย่างหนักแน่น ท่านต้องใช้ภาษาที่หนักแน่นแบบที่พระเยซูตรัส นั่นคือ 'ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่' (Yes is yes, No is no) เพราะนี่คือภาษาแห่งการเป็นประจักษ์พยานยืนยัน

"วันนี้ เรามาระลึกถึงบรรดามรณสักขียุคแรกเริ่มของกรุงโรมซึ่งได้สละชีวิตเพื่อยืนยันความเชื่อ ทุกวันนี้ คริสตชนหลายภาคส่วนทั่วโลกก็ถูกเบียดเบียนไม่แพ้ยุคแรก ซ้ำร้าย อาจจะเยอะกว่าด้วยซ้ำไป เฉพาะอย่างยิ่ง คริสตชนในตะวันออกกลางที่ต้องละทิ้งบ้านเรือนจากสงครามและการเบียดเบียน มิสซานี้ เราจะคิดถึงพวกเขาเป็นพิเศษ ขอให้เราภาวนาเพื่อพวกเขาด้วย" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย

Read More: Vatican Radio

Comments