โป๊ปฟรังซิส: "ใครกันล่ะที่เราอยากติดตาม ลองไปคิดดูนะ"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงถาม ใครกันล่ะที่เราอยากติดตาม ใช่พวกฟาริสีที่ชอบสอนแบบเลื่อนลอยและมีนิสัยตลบตะแลงหรือเปล่า หรือว่าเราชอบติดตามพวกสงฆ์นักบวชที่ไม่มีความเชื่อ แต่มักจะต่อรองสิ่งต่างๆด้วยอำนาจและเงิน หรือเราจะติดตามพวกที่ชอบทำสงครามแห่งการปลดปล่อย แต่จุดจบไม่ได้ให้อิสรภาพแก่เรา หรือว่า เราอยากจะปลีกตัวไปไกลๆอยู่แต่ในอาราม โดยไม่สนใจใครเลย ทั้งหมดนี้ ใครกันล่ะที่เราอยากติดตาม


ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ (มธ 7:21-29) พระเยซูทรงย้ำว่า "ผู้ที่ฟังพระวาจาของพระองค์แล้วปฏิบัติตาม ก็เหมือนคนที่สร้างบ้านบนหิน และเขาจะได้เข้าสวรรค์ ส่วนคนที่ฟังพระวาจาแล้วไม่ปฏิบัติตามคือคนที่สร้างบ้านบนทราย ทุกอย่างจะพังทลาย"

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า "ทำไมคนมากมายถึงติดตามพระเยซู? พวกเขาติดตามพระเยซูเพราะพวกเขาได้รับความอัศจรรย์ใจจากคำสอนของพระองค์ พระวาจาของพระเยซูนำความพิศวงไปสู่จิตใจพวกเขา แต่มันยังมีคนอีกกลุ่ม ได้แก่ พวกเทศน์สอนประชาชน แต่เข้าไม่ถึง(จิตใจ) ของพวกเขา ในยุคของพระเยซู คนกลุ่มนี้มี 4 ประเภท ได้แก่ ...

"ประเภทแรกคือพวกฟาริสี คนพวกนี้ทำให้ศาสนาและการสรรเสริญพระเจ้ากลายเป็นห่วงโซ่ของบทบัญญัติต่างๆ ทำให้บัญญัติ 10 ประการกลายเป็นเหมือนบัญญัติ 300 กว่าประการ พวกเขาทำให้ประชาชนต้องแบกบทบัญญัติที่มีความหนักอึ้งแบบสุดๆไว้บนหลังของตน นี่คือลดทอนความเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงชีวิต ไปสู่การมีความเชื่อในการใช้หลักศีลธรรมจรรยาที่ผิด หรือจะเรียกว่าเป็นการเล่นลิ้นพูดตลบตะแลงก็ได้ (quibbing)

"ตัวอย่างชัดๆคือ 'ท่านต้องเชื่อฟังบัญญัติประการที่ 4' (จงนับถือบิดามารดา) ฟาริสีจะบอกว่า 'ท่านต้องดูแลพ่อแม่ผู้ชราภาพ' พวกเขาเทศน์สอน แต่ไม่ทำ และอ้างว่า เราต้องนำเงินไปถวายให้พระวิหารเป็นอันดับแรก ประชาชนก็ฟังและทำตาม ผลที่ตามมาคือพ่อแม่อดตายเพราะไม่มีใครดูแล การกระทำแบบนี้มันขัดกันชัดๆ ประชาชนเคารพฟาริสี และพวกฟาริสีก็เคารพประชาชน แต่ปัญหาคือฟาริสีไม่ฟังประชาชน! พวกเขายังคงทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวต่อไป

"คนประเภทที่สองคือพวกซัดดูสี พวกนี้ไม่มีความเชื่อ พวกเขาสูญเสียความเชื่อไปแล้ว! พวกเขาทำให้กิจการต่างๆของศาสนาเป็นการต่อรองเพื่ออำนาจต่างๆ อาทิ อำนาจเด็ดขาดทางการเมือง อำนาจสั่งการ และอำนาจทางการเงิน คนพวกนี้เป็นพวกยึดติดกับอำนาจ

"คนประเภทที่สามคือพวกนักปฏิวัติ หรือพวกไฟแรงเกินเหตุ คนพวกนี้ต้องการจะปฏิวัติเพื่อปลดปล่อยชาวอิสราเอลให้เป็นอิสระจากอาณาจักรโรมัน คนพวกนี้มีความรู้สึกนึกคิดที่ดี และรู้ว่า ผลไม้ใดสุกและไม่สุก พวกเขารู้ทุกอย่าง แต่ไม่ทำตามที่พระเจ้าสอน

"คนประเภทที่สี่คือพวกคนดี นี่คือพวกนักบวชที่อุทิศชีวิตเพื่อพระเจ้า แต่พวกเขาอยู่ห่างไกลจากผู้คน จนประชาชนไม่สามารถติดตามพวกเขาได้ แต่สำหรับพระเยซู เสียงของพระองค์อบอุ่นและทำให้ทุกคนได้ยินจนอัศจรรย์ใจ ประชาชนได้ยินเสียงของพระเยซูและจิตใจของพวกเขาก็อบอุ่นร้อนรน เพราะสิ่งที่พระเยซูตรัสนั้น มันไปสัมผัสจิตใจของพวกเขา

"พระเยซูเข้าหาจิตใจผู้คน ด้วยการรักษาจิตใจของพวกเขาเป็นอันดับแรก พระองค์ทรงเข้าใจความยากลำบากต่างๆ พระเยซูไม่รู้สึกอับอายเลยที่ต้องพูดกับคนบาป พระองค์ออกไปหาพวกเขาด้วยความชื่นชมยินดี และเปี่ยมสุขเสมอเมื่อได้อยู่กับประชาชน นี่แหละคือนายชุมพาบาลที่แสนดี ลูกแกะได้ยินเสียงของพระเยซูและก็พร้อมติดตามพระองค์

"พระเยซูไม่ได้เป็นเหมือนพวกฟาริสีที่ชอบตลบตะแลง หรือเป็นพวกซัดดูสีที่ทำให้ศาสนากลายเป็นการต่อรองอำนาจ นอกจากนี้ พระเยซูไม่ได้เป็น 'กอริลล่า' ที่จ้องแต่จะปลดปล่อยอิสรภาพทางการเมือง และพระเยซูก็ไม่ได้เป็นพวกนักพรตที่หมกตัวอยู่แต่ในอารามทั้งวัน โดยไม่สัมผัสกับผู้คน

"พระเยซูคือผู้อภิบาลที่พูดกับประชาชนด้วยภาษาง่ายๆ พระองค์เข้าใจ พูดความจริงกับพวกเขา พระเยซูไม่เคยค้าขายสมบัติของพระเจ้า แต่พระองค์พูดเรื่องที่คนสนใจจะฟัง และนั่นแหละเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมประชาชนถึงติดตามพระองค์

"ถามตัวเองซิว่า ใครล่ะที่เราอยากจะติดตาม ใช่พวกที่ชอบพูดแบบเลื่อนลอยและตลบตะแลงหรือเปล่า หรือว่าเราชอบติดตามพวกพระสงฆ์นักบวชที่เป็นคนของพระเจ้า แต่ไม่มีความเชื่อและมักจะต่อรองเรื่องต่างๆด้วยอำนาจและเงิน หรือเราจะติดตามพวกที่ชอบทำสิ่งต่างๆแบบตรงๆ หรือเรียกได้ว่าทำสงครามแห่งการปลดปล่อย แต่จุดจบไม่ได้ปลดปล่อยคนไปสู่หนทางของพระเจ้า หรือว่า เราอยากจะปลีกตัวไปไกลๆอยู่แต่ในอาราม ใครล่ะที่เราอยากติดตาม?

"พ่ออยากให้คำถามเหล่านี้ นำพวกท่านไตร่ตรองและภาวนาเพื่อวอนขอพระเจ้าพระบิดา ได้โปรดบันดาลให้เราติดตามพระเยซูและอัศจรรย์ใจกับสิ่งที่พระองค์ทรงสอนเรา" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย

Read More: Vatican Radio

Comments