Posts

ฟาติมาสาร - จาก “พ่อค้ายาเสพติด” สู่ชีวิต “สงฆ์คาทอลิก” (22 ก.ค. 2012)

Image
หลังจากชีวิตจมปลักอยู่กับความสำมะเลเทเมา ดำเนินชีวิตเป็นชายโฉดเจ้าชู้ ติดยาเสพติด ก่อนจะหนักเข้าจนถึงขั้นเป็นพ่อค้ายาเสพติดซะเอง ที่สุดแล้ว พระเจ้าทรงนำเขากลับมายังหนทางที่ถูกต้อง กลับมาดำเนินชีวิตด้านสว่าง ก่อนจะตัดสินใจบวชเป็นสงฆ์ในจารีตยูเครนกรีกคาทอลิก ซึ่งเป็นจารีตที่ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรคาทอลิกสากล วันนี้ เราจะพาทุกท่านไปรู้จัก “คุณพ่อทาราส ครายชุค” นักพรตผู้ดำเนินชีวิตอยู่ในอารามเขตเดอร์เวนท์ จังหวัดอัลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดา ผู้เป็นเจ้าของชีวิตที่พลิกผันก่อนจะกลับตัวกลับใจมาหาพระเจ้าได้ทันเวลา เรื่องราวของ คุณพ่อทาราส ครายชุค เป็นที่สนใจในวงการสื่อมวลชนคาทอลิกโลก หลังจากวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา คุณพ่อทาราสได้ไปแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตในการสัมมนาชีวิตครอบครัวคาทอลิกให้ผู้สนใจได้รับฟัง คุณพ่อทาราสเกิดในครอบครัวยูเครนกรีกคาทอลิกที่เคร่งครัด ท่านแบ่งปันว่าตอนเด็กๆพ่อแม่จะพาลูกๆทุกคนไปร่วมมิสซาและสวดภาวนาด้วยกันเป็นประจำ แต่เป็นตัวของท่านเองที่พยายามพาตัวเองออกห่างจากพระเจ้า กระทั่งอายุ 15 ปี ทาราสก็ได้รู้จักกับยาเสพติดและเริ่มเสพมันอย่างจริงจัง พอติดยาเข้าให้ ทาราสตัดสินใจห

ฟาติมาสาร - เมื่อสันตะสำนักและวาติกันแถลงงบการเงินประจำปี (15 กรกฎาคม 2012)

Image
หลังวันที่ 29 มิถุนายนของทุกปีซึ่งเป็นวันสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล สันตะสำนัก (HOLY SEE) และนครรัฐวาติกัน (VATICAN CITY STATE) จะมีธรรมเนียมปฏิบัติหนึ่งอย่างที่จะกระทำ นั่นคือ การแถลงงบการเงินประจำปีที่ผ่านมา (2011) ปรากฏว่า รอบปีที่ผ่านมา งบการเงินสันตะสำนักดูไม่สวยเลย เพราะติดลบเกือบ 15 ล้านยูโร ส่วนงบของวาติกัน ออกมาดูดี บวก 21 ล้านยูโร ก่อนลงลึกถึงรายละเอียด ขออธิบายซ้ำอีกครั้งถึงความแตกต่างระหว่างคำว่า “สันตะสำนัก” และ “วาติกัน” เพราะผมค่อนข้างมั่นใจว่า หลายท่านยังสับสันว่า ทั้งสองคำนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร สันตะสำนัก (HOLY SEE) หมายถึงศูนย์กลางการบริหารงานของพระศาสนจักรคาทอลิกทั่วโลกซึ่งมีพระสันตะปาปาเป็นประมุขสูงสุด งานส่วนนี้ได้แก่สังฆมณฑลคาทอลิกรวมไปถึงคณะนักบวชคาทอลิกทั่วโลก สันตะสำนักถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่สมัยคริสตชนยุคแรกเริ่ม ดังนั้น สมณทูตซึ่งเป็นผู้แทนพระสันตะปาปาประจำประเทศต่างๆ ชื่อเรียกที่ถูกต้อง ต้องเป็น “ทูตของสันตะสำนัก” ไม่ใช่ “ทูตของวาติกัน” แต่เราใช้คำว่า(สถาน)ทูตวาติกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจง่าย เช่นเดียวกัน อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ ขึ้นตรงกับสันตะสำนักซึ

ฟาติมาสาร - เปิดบัญชี “ธนาคารวาติกัน” (8 กรกฎาคม 2012)

Image
นับตั้งแต่ ค.ศ.1978 เป็นต้นมา ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของธนาคารวาติกันตกต่ำย่ำแย่มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นสมณสมัยของพระสันตะปาปาองค์ไหน ก็แก้ปัญหานี้ไม่ได้เลย ทั้งสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 1, สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 แม้กระทั่งสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ภาพลักษณ์ของสถาบันการเงินแห่งนี้ก็หนีไม่พ้น “ลึกลับ” และ “ไม่โปร่งใส” จะแก้ไขอย่างไรก็ดูไม่ดีขึ้นเสียที นี่คือ "อาคารสำนักงานของธนาคารวาติกัน" ความลึกลับและไม่โปร่งใสนี้ เกิดขึ้นเพราะมีแก๊งค์ฟอกเงินและมาเฟียจากแคว้นซิซิเลีย ประเทศอิตาลี เข้ามาเกี่ยวข้อง (หากใครเคยดูหนังเรื่อง “เดอะ ก็อด ฟาเธอร์” ก็น่าจะจินตนาการกันได้) แม้พระสันตะปาปาทุกพระองค์ที่กล่าวไปบนย่อหน้าแรกจะพยายามแก้ไขปัญหา ก็แก้ไม่ได้เสียที ช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ของธนาคารวาติกันก็ถูกตอกย้ำถึงความไม่โปร่งใสเข้าไปอีก หลังบอร์ดบริหารทั้งพระคาร์ดินัลและฆราวาสได้ลงมติไม่ไว้วางใจ “ก็อตติ เตเดสคี่” ประธานธนาคารวาติกัน ให้พ้นจากตำแหน่งในข้อหาไม่โปร่งใสและมีส่วนในการปล่อยเอกสารวาติกันให้สื่อมวลชนนำไปรวมเล่มขาย หลังจากปลดอดีตนายธนาคารออกไปแล้ว บอ

ฟาติมาสาร - รู้จัก “ปีแห่งความเชื่อ” แบบข้อมูลแน่นๆ (1 กรกฎาคม 2012)

Image
ปี 2012 – 2013 พระศาสนจักรคาทอลิกจะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น นั่นคือ “ปีแห่งความเชื่อ” ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงประกาศให้จัดขึ้นโอกาสครบ 50 ปีแห่งการเปิดสังคายนาวาติกัน ที่ 2 งานดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม 2012 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเปิดสังคยานา และจะลากยาวข้ามปีไปสิ้นสุดในวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2013 โอกาสวันสมโภชพระเยซูเจ้า กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล พูดถึงสังคายนาวาติกัน ที่  2 งานนี้ เริ่มในสมณสมัยของ “บุญราศี จอห์น ที่ 23” พระสันตะปาปาผู้ใจดี พระองค์ทรงเปิดสังคายนาในวันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ.1962 สังคายนานี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 3 ปี (แบ่งเป็น 4 ช่วง) โดยพระสันตะปาปาหลังจากบุญราศี จอห์น ที่ 23 ต่างเข้าร่วมสังคายนาวาติกัน ที่ 2 ทุกองค์ ไม่ว่าจะเป็น พระคาร์ดินัล โจวานนี่ บัตติสต้า มอนตินี่ (พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6), พระสังฆราช อัลบิโน่ ลูชานี่ (พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 1), พระสังฆราช คาโรล วอยติวา (พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2) แม้กระทั่ง คุณพ่อโยเซฟ รัตซิงเกอร์ สงฆ์หนุ่มวัย 35 ปี (พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “นักเทวศาสตร์ดาวรุ่ง

ฟาติมาสาร - ชุมนุมเคารพศีลมหาสนิทนานาชาติ (17 มิ.ย. 2012)

Image
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ระดับโลกของพระศาสนจักรคาทอลิกเกิดขึ้น นั่นคือ งานชุมนุมเคารพศีลมหาสนิทนานาชาติ ครั้งที่ 50 ซึ่งจัดที่กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 10-17 มิถุนายน ค.ศ.2012 งานนี้ จุดประสงค์หลักคือการเน้นย้ำความสำคัญของศีลมหาสนิท แต่กระนั้น สิ่งที่สื่อคาทอลิกต่างประเทศ รวมทั้งสถานีวิทยุวาติกันพร้อมใจโปรโมตก็คือเหตุการณ์ที่ พระคาร์ดินัล มาร์ค อวยเล็ต ประธานสมณกระทรวงเพื่อพระสังฆราช และเป็นผู้แทนพระสันตะปาปาประจำงานนี้ ได้เชิญเหยื่อสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศในไอร์แลนด์มาพบ และกล่าวคำขอโทษพวกเขาแบบรายบุคคล การพบกันเพื่อกล่าวคำขอโทษนี้ใช้เวลา 2 ชั่วโมง โดยพระคาร์ดินัลอวยเล็ต เผยว่า พระสันตะปาปาทรงฝากให้ท่านเป็นผู้แทนพระองค์เข้าไปขอโทษพวกเขาเหล่านั้น พร้อมขอร้องให้พวกเขายกโทษและเริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับพระศาสนจักรคาทอลิก (พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงทำให้เป็นแนวทางปฏิบัติภาคบังคับไปแล้ว เมื่อเสด็จเยือนประเทศต่างๆ พระองค์จะต้องเชิญเหยื่อสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศมาพบ เพื่อกล่าวคำขอโทษและเฝ้ารออย่างมีความหวังว่า พวกเขาจะให้อภัย ... พระสันตะปาปาต้องการจะบอกว่า จงกล้าขอโทษ เมื่อรู้

ฟาติมาสาร - ความสับสนอลหม่านสุดๆในวาติกัน (10 มิ.ย. 2012)

Image
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์หลายฉบับของอิตาลี ปรากฏว่า หน้าหนึ่งทุกฉบับมีแต่เรื่องร้ายๆมานำเสนอผู้อ่านแบบไม่รายงานไม่ได้ ประเดิมด้วยคดีเอกสารลับวาติกันที่ถูกขโมยออกมาเผยแพร่ จนทำลายความวางใจกันและกันของคนในนั้นจนหมดสิ้น จากนั้นเป็นเรื่อง “กัลโช่ สคอมเมสเซ่” หรือภาษาไทยคือ “คดีล้มบอล” จนทำให้ทีมชาติอิตาลีสะเทือนหนักก่อนไปทำศึกฟุตบอลยูโร 2012 ปิดท้ายสัปดาห์ด้วยข่าวแผ่นดินไหวในแคว้นเอมิเลีย โรมานญ่า (แถบเมืองโบโลญญ่า, ปาร์ม่า และโมเดน่า) ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน ในส่วนพื้นที่ตรงนี้ เราคงไม่ไปแตะข่าวล้มบอลหรือแผ่นดินไหว เพราะหน้าที่หลักคือการเกาะติดข่าวคดีเอกสารลับวาติกันที่ถูก “เปาโล กาบริเอเล่” พ่อบ้านประจำวังพระสันตะปาปานำมาขายต่อให้กับ “จานลุยจิ นุซซี่” นักหนังสือพิมพ์ชาวอิตาเลี่ยน เพื่อนำไปรวมเล่มทำเป็นหนังสือขาย หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “SUA SANTITA” (แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า “ท่านสันตะปาปา” ) ... ตอนนี้ หนังสือเล่มดังกล่าว ถูกจัดเป็นหนังสือขายดีอันดับ 1 ในอิตาลีมา 3 สัปดาห์ติดกันแล้ว จากการที่ผมติดตามทำข่าวนี้แบบใกล้ชิดและอ่านบทความของนักข่าวสายวาติกั

ฟาติมาสาร: VATILEAKS – คดีหักเหลี่ยมโหดในวาติกัน (3 มิ.ย. 2012)

Image
ถ้าช่วงนี้ ผู้อ่านคนไหนติดตามข่าวต่างประเทศเป็นประจำ เชื่อว่า ต้องเห็นข่าวความวุ่นวายในวาติกันไม่บ้างก็น้อย ความวุ่นวายที่ว่าคือ “การจับกุมพ่อบ้านประจำพระราชวังพระสันตะปาปา” ในข้อหานำเอกสารลับต่างๆของพระสันตะปาปาและวาติกันมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน ... หลายคนคงสงสัย เอกสารลับนี้เกี่ยวกับอะไร และความเป็นมาของคดีนี้เป็นเช่นไร ผมขอเล่าแบบละเอียดเลยก็แล้วกัน ย้อนกลับไปช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา สื่อมวลชนต่างประเทศทุกสำนัก ได้เริ่มรายงานข่าวที่ “พระอัครสังฆราช คาร์โล วิกาโน่” สมณทูตวาติกันประจำสหรัฐอเมริกา เขียนจดหมายถึงพระสันตะปาปา เพื่อร้องเรียนการทำงานของ “พระคาร์ดินัล ตาร์ชิซิโอ แบร์โตเน่” เลขาธิการนครรัฐวาติกัน (คนนี้มีตำแหน่งเท่ากับนายกรัฐมนตรีวาติกัน ดูแลการบริหารจัดการทุกอย่าง ส่วนพระสันตะปาปาคือกษัตริย์ปกครอง) พระอัครสังฆราชวิกาโน่เขียนจดหมายไปแจ้งพระสันตะปาปาว่า พระคาร์ดินัลแบร์โตเน่บริหารงานแบบไม่โปร่งใสหลายอย่าง อาทิ การจัดจ้างบริษัทพวกพ้องเข้าไปรับเหมาทำงานให้วาติกัน แล้วจ่ายค่าจ้างในราคาที่สูงเกินความเป็นจริง รวมไปถึงการปกครองพนักงานในวาติกันแบบไม่เป็นธรรม ทำให้เกิดความขัดแย้งในกลุ่