Posts

ฟาติมาสาร - ครบ 10 ปีเขียนฟาติมาสาร (27 พ.ค. 2012)

Image
ไม่ว่าผู้อ่านจะอ่านบทความนี้ในวันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2012 หรือวันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้า 27 พฤษภาคม 2012 สิ่งหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ วันนี้ ผมเขียนบทความลงหน้ากระดาษ “ฟาติมาสาร” ครบ 10 ปีพอดี แถมเป็น 10 ปีที่ค่อนข้างพิเศษ กล่าวคือ บทความแรกถูกตีพิมพ์ในวันสมโภชพระจิตเจ้า ส่วนบทความครบ 10 ปีนี้ ก็ถูกตีพิมพ์ในวันสมโภชพระจิตเจ้าด้วยเช่นกัน ถ้าถามความรู้สึกตัวเอง ผมยังไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่า ผมจะมีโอกาสได้เขียนบทความนี้มานาน 1 ทศวรรษ มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากๆ ผมเริ่มเขียนบทความครั้งแรกในปี 2002 ตอนที่ตัวเองมีอายุ 19 ปี ดังนั้น ปี 2012 ผมอายุเท่าไหร่แล้ว ผู้อ่านคงจะเดาได้ไม่ยาก 10 ปีที่ผ่านมา สามารถแบ่งเวลาออกเป็น 3 ช่วงหลักๆ   ... ช่วงแรก “ปี 2002-2005” – หลังกลับจากงานเยาวชนโลก 2000 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี และได้พบกับ “บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2” ผู้ทรงสอนว่า “เธอคืออนาคตของโลก เธอคือความหวังของพระศาสนจักร เธอคือความหวังของพ่อ” (VOI SIETE L'AVVENIRE DEL MONDO. VOI SIETE LA SPERANZA DELLA CHIESA. VOI SIETE LA MIA SPERANZA.) ผมก็เกิดความประทับใจในพระสันตะปาปาองค์นี้แบบสุดๆ ผมไล่อ่านข่

ฟาติมาสาร - อนาคตที่ต้องเลือกของกลุ่มเลอแฟ๊บวร์ (20 พฤษภาคม 2012)

Image
สิ้นเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ เราจะได้รู้กันแล้วว่า อนาคตของกลุ่มสมาคมนักบุญปีโอ ที่ 10 หรือชื่อที่รู้จักในนามว่า “กลุ่มเลอแฟ๊บวร์” จะมีทิศทางอย่างไร พวกเขาจะได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับวาติกันหรือไม่ และถ้ากลับเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระสันตะปาปาแล้ว สมาชิกภายในกลุ่มเลอแฟ๊บวร์จะเกิดการแตกแยกเพราะไม่เห็นด้วยหรือเปล่า อีกไม่กี่อึดใจเราคงได้ทราบกัน   ... สถานการณ์ล่าสุด “มองซินญอร์ แบร์กนาร์ แฟลเลย์” อธิการกลุ่มเลอแฟ๊บวร์ ได้ให้คำตอบวาติกันแล้วว่า กลุ่มเลอแฟ๊บวร์ยอมรับข้อเสนอปรองดองเทวศาสตร์ ได้แก่ การน้อมรับคำสอนของสังคยานาวาติกัน ที่ 2 ซึ่งกลุ่มเลอแฟ๊บวร์เคยต่อต้านมาตลอด รวมไปถึงการให้ความเคารพต่อพระสันตะปาปาหลังสังคยานาวาติกัน ที่ 2 ทุกพระองค์ เฉพาะอย่างยิ่ง บุญราศี จอห์น ที่ 23 และ บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2 (กลุ่มเลอแฟ๊บวร์มีความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นกับบุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2 เพราะพระองค์เป็นผู้ขับไล่กลุ่มนี้ออกจากพระศาสนจักร เนื่องจากพระสังฆราช มาร์กแซล เลอแฟ๊บวร์ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม ได้ทำการบวชพระสังฆราชใหม่ 4 องค์โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากพระสันตะปาปา สิ่งนี้ ผิดกฏพระศาสนจักรอย่างร้ายแรง) อย่างไรก็ต

ฟาติมาสาร - คาทอลิกเฟื่องฟูในเกาหลีใต้และจีน (13 พฤษภาคม 2012)

Image
ทุกวัน ผมจะอ่านข่าวจาก “เอเชียนิวส์” เว็บไซต์ภายใต้การบริหารงานของคณะปีเม่ (PIME) ซึ่งเน้นการรายงานข่าวความเคลื่อนไหวของพระศาสนจักรคาทอลิกในเอเชียเป็นหลัก วันนี้ เจอข่าวน่าสนใจมากข่าวหนึ่ง นั่นคือ “การเพิ่มจำนวนอย่างมหาศาลของคาทอลิกในเกาหลีใต้” เมื่อเป็นเช่นนี้ ขอนำมาแบ่งปันทุกท่านให้ทราบโดยพร้อมกัน   ... สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศเกาหลี ได้ตีพิมพ์สถิติประชากรคาทอลิก 2011 ออกมาเรียบร้อย ปรากฏว่า ตอนนี้ เกาหลีใต้มีคาทอลิกอยู่ถึง 10.3 เปอร์เซนต์ของประชากรทั้งประเทศแล้ว ไม่เพียงจำนวนคาทอลิกเพิ่ม จำนวนโบสถ์คาทอลิกและสงฆ์คาทอลิกก็เพิ่มขึ้นด้วย ตัวเลขสำคัญที่สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศเกาหลีภูมิใจเสนอก็คือ ปี 2011 มีคาทอลิกใหม่ในเกาหลีใต้ได้รับศีลล้างบาปถึง 134,562 คน!! ตัวเลขดังกล่าว ส่งผลให้ตอนนี้ เกาหลีใต้มีประชากรคาทอลิกถึง 5,309,964 คน คิดเป็น 10.3 เปอร์เซนต์ของประชากรทั้งประเทศ (ประมาณ 49 ล้านคน) ในจำนวน 5,309,964 คน สามารถแบ่งเป็นผู้ชาย 2,193,464 คน ผู้หญิง 3,116,500 คน ในส่วนของการแบ่งจำนวนคาทอลิกตามสังฆมณฑล แน่นอนว่า อัครสังฆมณฑลโซล เมืองหลวงของประเทศ มีอัตราคาทอลิกสูงสุดอยู่

“นี่คือพระวาจาของพระเจ้า” หรือ “พระวาจาของพระเจ้า”

Image
ในอดีต เวลาตอนจบของการอ่านพระวาจา (พระวรสาร) เรามักจะได้ยินพระสงฆ์และผู้อ่านบทอ่านกล่าวคำว่า “นี่คือพระวาจาของพระเจ้า” แต่ตอนนี้ เปลี่ยนมาเป็น “พระวาจาของพระเจ้า” หลายคนคงสงสัยว่าเพราะอะไร เพราะฟังแล้วมันดูห้วนเกินไป    ... ผมไปอ่านเจอเหตุผลที่สังฆมณฑลพอร์ทสมัธ ประเทศอังกฤษ ชี้แจงให้สัตบุรุษทราบในเว็บไซต์ทางการของสังฆมณฑล คำชี้แจงมีว่า “หนึ่งในเหตุผลที่พระศาสนจักรคาทอลิกทั่วโลกตัดสินใจยกเลิกคำว่า ‘นี่คือ’ และให้เหลือแค่ ‘พระวาจาของพระเจ้า’ ก็เพราะในหนังสือมิสซาภาษาลาติน เวลาอ่านพระวรสารเสร็จ พระสงฆ์จะพูดว่า ‘พระวาจาของพระเจ้า’ เท่านั้น ไม่มีการพูดว่า ‘นี่คือพระวาจาของพระเจ้า’ ดังนั้น การปรับเปลี่ยนจึงเกิดขึ้นเพื่อให้เหมือนกันทั่วโลก” “นอกจากนี้ เวลาอ่านพระวรสารเสร็จ พระสงฆ์บางองค์มักจะยกหนังสือขึ้นมาให้สัตบุรุษเห็นกันถ้วนหน้า พร้อมพูดว่า ‘นี่คือ’พระวาจาของพระเจ้า สมณกระทรวงเพื่อพิธีกรรมและศีลศักดิ์สิทธิ์ หน่วยงานของวาติกันจึงเกรงว่า สัตบุรุษบางคนอาจเข้าใจผิดว่า พระวาจาของพระเจ้าถูกบันทึกในหนังสือ แต่ในความเป็นจริงแล้ว พระวาจาของพระเจ้าประทับอยู่ในทุกๆที่ ไม่ใช่แค่ในหนังสือที่ถูกยกขึ้นม

โป๊ปชี้ "พระเจ้าเรียกเราให้ติดตามพระองค์ แต่เราไม่ยอมฟังเอง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงชี้ พระเจ้าทรงเรียกเราให้ติดตามพระองค์เป็นประจำ แต่เป็นเราเองที่ไม่ฟังเสียงเรียกของพระองค์ ทรงย้ำ พระศาสนจักรเป็นเหมือนสวนที่เมล็ดพันธุ์ของกระแสเรียกซึ่งพระเจ้าหว่านไว้ พร้อมจะผลิดอกออกผลตลอดเวลา พร้อมกันนี้ ทรงเตือนใจพระสงฆ์ ยิ่งแบกกางเขนหนักเท่าไหร่ สัตบุรุษก็จะสัมผัสการประทับอยู่ของพระเจ้าได้มากเท่านั้น  เมื่อช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเป็นประธานในการนำสัตบุรุษกว่า 40,000 คน สวดราชินีแห่งสวรรค์ ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทรงแบ่งปันข้อคิดโอกาสวันภาวนาเพื่อกระแสเรียก ด้วยการย้ำว่า พระเจ้าทรงเรียกเราให้ติดตามพระองค์ แต่เป็นเราที่ไม่สนใจตอบสนอง เนื่องจากถูกสิ่งรอบข้างล่อลวงตลอดเวลา นอกจากนี้ ช่วงเช้า พระสันตะปาปาทรงเป็นประธานในมิสซาบวชพระสงฆ์ใหม่ 9 องค์ โดย 3 จาก 9 องค์ มีประวัติน่าสนใจมาก คนหนึ่งเป็นชาวเวียดนามที่มีอาชีพทนายความ อีกคนหนึ่งเป็นกัปตันขับเครื่องบิน ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์เคมี พระสันตะปาปา ตรัสก่อนกา

ฟาติมาสาร - ตุรกี ... อีกหนึ่งประเทศที่คริสตชนไม่ควรพลาด (ตอนจบ - 29 เมษายน 2012)

Image
สัปดาห์ที่แล้ว ผมบอกเล่ารายละเอียดของการเดินทางไปเที่ยวเมืองอิสตันบูล (ชื่อยุคโบราณคือ “คอนสแตนติโนเปิ้ล”), บ้านแม่พระ และเมืองเอเฟซุส วันนี้ เราจะมาต่อกันที่เมืองอื่นๆในทริปนี้ ซึ่งทั้งหมดนั้น มีความเกี่ยวข้องกับคริสตศาสนาและนักบุญเปาโลแทบทั้งสิ้น ก่อนลงลึกถึงรายละเอียด มีหลายคนถามผมว่า การไปเที่ยวครั้งนี้ ผมไปเองหรือซื้อทัวร์ คำตอบคือผมซื้อทัวร์จากมหกรรมท่องเที่ยวที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ปกติ ผมเป็นคนชอบเที่ยวด้วยตัวเอง ไม่ชอบไปทัวร์ แต่การไปตุรกี ผมแนะนำว่าไปทัวร์ดีที่สุด เพราะการเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งค่อนข้างยากลำบาก ดังนั้น ซื้อทัวร์จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด นอกจากนี้ การไปตุรกี ไม่จำเป็นต้องไปซื้อทัวร์จากบริษัททัวร์คาทอลิก (แต่ถ้าไปอิสราเอล ถึงจะจำเป็น) เพราะทุกที่ที่บริษัททัวร์ไปนั้น พวกเขาพาไปบ้านแม่พระและตามรอยนักบุญเปาโลอยู่แล้ว ขึ้นกับว่า เราจะสนใจหาข้อมูลก่อนไหมว่า ที่ที่ไปนั้นเกี่ยวข้องกับแม่พระและนักบุญเปาโลอย่างไร (ผมแนะนำว่า ถ้าซื้อทัวร์ไปตุรกี ให้อ่านฟาติมาสารฉบับนี้กับฉบับที่แล้วก็ได้ เพราะถ้าคุณไปตุรกี คุณก็จะไปตามเส้นทางเหล่านี้เหมือนกัน) ... อิโค

โป๊ปหวังคริสตชนเปิดใจและปัญญาเชื่อในการประทับอยู่ของพระเจ้า

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงหวังเห็นคริสตชนเปิดใจและสติปัญญาเพื่อเกิดความมั่นใจในการประทับอยู่ของพระเจ้าในโลกยุคปัจจุบัน พร้อมกันนี้ ทรงหวังเห็นพระสงฆ์, ครูคำสอน และบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครอง ดูแลเด็กๆให้เตรียมรับศีลมหาสนิทครั้งแรกอย่างดี เมื่อช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเป็นประธานในการนำสัตบุรุษกว่า 30,000 คน สวดราชินีแห่งสวรรค์ ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ทรงแบ่งปันพระวรสารประจำวันอาทิตย์ที่ 3 เทศกาลปาสกา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูืทรงแสดงพระองค์ต่ออัครสาวกหลังเสด็จกลับคืนชีพ จากนั้น พระเยซูทรงทำให้พวกสาวกเกิดความเข้าใจในพระคัมภีร์ที่ระบุว่า 'พระคริสตเจ้าจะต้องรับทรมาน, สิ้นพระชนม์ และเสด็จกลับคืนชีพในวันที่สาม ส่วนพวกสาวกต้องประกาศพระนามของพระองค์ให้นานาชาติกลับใจมาเป็นศิษย์ติดตามพระองค์' (ลูกา 24:35-48)" พระสันตะปาปา ตรัีสแบ่งปันว่า "ขอบคุณพระเจ้าสำหรับเครื่องหมายที่เป็นยิ่งกว่าความจริง บรรดาสาวกได้เอาชนะความสงสัยและเปิดใจให้กับของขวัญ