ฟาติมาสาร - ความสับสนอลหม่านสุดๆในวาติกัน (10 มิ.ย. 2012)

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์หลายฉบับของอิตาลี ปรากฏว่า หน้าหนึ่งทุกฉบับมีแต่เรื่องร้ายๆมานำเสนอผู้อ่านแบบไม่รายงานไม่ได้ ประเดิมด้วยคดีเอกสารลับวาติกันที่ถูกขโมยออกมาเผยแพร่ จนทำลายความวางใจกันและกันของคนในนั้นจนหมดสิ้น จากนั้นเป็นเรื่อง “กัลโช่ สคอมเมสเซ่” หรือภาษาไทยคือ “คดีล้มบอล” จนทำให้ทีมชาติอิตาลีสะเทือนหนักก่อนไปทำศึกฟุตบอลยูโร 2012 ปิดท้ายสัปดาห์ด้วยข่าวแผ่นดินไหวในแคว้นเอมิเลีย โรมานญ่า (แถบเมืองโบโลญญ่า, ปาร์ม่า และโมเดน่า) ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน


ในส่วนพื้นที่ตรงนี้ เราคงไม่ไปแตะข่าวล้มบอลหรือแผ่นดินไหว เพราะหน้าที่หลักคือการเกาะติดข่าวคดีเอกสารลับวาติกันที่ถูก “เปาโล กาบริเอเล่” พ่อบ้านประจำวังพระสันตะปาปานำมาขายต่อให้กับ “จานลุยจิ นุซซี่” นักหนังสือพิมพ์ชาวอิตาเลี่ยน เพื่อนำไปรวมเล่มทำเป็นหนังสือขาย หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “SUA SANTITA” (แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า “ท่านสันตะปาปา”) ... ตอนนี้ หนังสือเล่มดังกล่าว ถูกจัดเป็นหนังสือขายดีอันดับ 1 ในอิตาลีมา 3 สัปดาห์ติดกันแล้ว

จากการที่ผมติดตามทำข่าวนี้แบบใกล้ชิดและอ่านบทความของนักข่าวสายวาติกันชื่อดังหลายคน พอจะสรุปกระแสได้ว่า คดีนี้ทำให้วาติกันเผชิญภาวะตกต่ำสุดในรอบ 31 ปี นับตั้งแต่เกิดคดีลอบปลงพระชนม์บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2 และยังก่อให้เกิดความสับสนอลหม่านครั้งใหญ่ในวาติกัน กล่าวคือ ตอนนี้ ทุกคนในนั้นระวังตัวแบบสุดๆ ไม่มีการไว้ใจกันอีกต่อไป เพราะเราไม่มีทางรู้ว่า เรากำลังคุยกับ “สปาย” หรือคุยกับพวกเดียวกัน นอกจากนี้ มีข่าวลือว่า สำนักเลขาธิการนครรัฐวาติกัน หน่วยงานในความดูแลของ พระคาร์ดินัล ตาร์ชิซิโอ แบร์โตเน่ ผู้เป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งทั้งมวล กำลังหารือความเป็นไปได้ในการออกคำสั่งห้ามนำโทรศัพท์ที่มีกล้องถ่ายรูปทุกชนิดเข้ามาในโรมันคูเรีย ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการแบล็คเมล์ (ข่าวนี้ ผมไม่ยืนยัน แต่ถ้าเป็นจริง ผมไม่เห็นด้วยกับพระคาร์ดินัลแบร์โตเน่ เพราะโลกไปถึงไหนกันแล้ว ยังจะมาสั่งห้ามเป็นเด็กๆไปได้ และยังแสดงถึงความไม่บริสุทธิ์ใจด้วย)

สำหรับการที่ เปาโล กาบริเอเล่ พ่อบ้านผู้ทรยศพระสันตะปาปา ซึ่งนำเอกสารต่างๆออกมาขายเอาเงินเข้าตัวเองนั้น นักข่าวสายวาติกันทุกคนเชื่อว่า ไม่มีทางที่คนๆนี้จะทำเรื่องนี้ด้วยตัวคนเดียว มันต้องมีการทำเป็นขบวนการแน่นอน เรื่องดังกล่าว สอดคล้องกับรายงานข่าวที่บอกว่า “โดเมนิโก จานี่” ผู้บัญชาการตำรวจวาติกัน ได้เบาะแสแล้วว่า มีผู้ร่วมขบวนการอีกอย่างน้อย 3 คน ทั้งหมดนี้ทำงานอยู่ในวาติกัน (ยังไม่รู้ว่าเป็นนักบวชหรือฆราวาส) งานนี้ เปาโล กาบริเอเล่ เป็นแค่ “บุรุษไปรษณีย์และหนึ่งในแพะรับบาป” ที่มีหน้าที่นำเอกสารมาส่งต่อเท่านั้น แต่คนบงการยังไม่ถูกเผยออกมาว่าเป็นใคร

อีกหนึ่งผลกระทบร้ายแรงจากคดีนี้คือ “ความขัดแย้งอย่างรุนแรงของพระคาร์ดินัลที่ทำงานในวาติกัน” แม้ว่า คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้ ผู้อำนวยการศูนย์ข่าววาติกันจะออกมาให้สัมภาษณ์ว่า คณะพระคาร์ดินัลในวาติกันเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีเรื่องขัดแย้ง แต่นักข่าวสายวาติกันหลายคนฟันธงว่าไม่จริง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการปลด ก็อตติ เตเดสคี่ ประธานธนาคารวาติกัน

สาเหตุของการปลดนายธนาคารวาติกัน เราต้องย้อนไปดูความตั้งใจของพระสันตะปาปาที่ต้องการให้ธนาคารวาติกันเป็นหน่วยงานโปร่งใสตรวจสอบได้ แต่ ก็อตติ เตเดสคี่ นายธนาคารวาติกันมีนโยบายบริหารแบบไม่โปร่งใส ประกอบกับมาทำงานแค่สัปดาห์ละ 2 วัน รวมถึงมีความเกี่ยวข้องกับการปล่อยเอกสารลับสู่สาธารณชน พอมาถึงการลงมติไม่ไว้วางใจนายธนาคารคนนี้ คณะพระคาร์ดินัล 5 องค์ที่เป็นบอร์ดบริหารธนาคารวาติกัน มีความเห็นแตกต่างกันชัดเจน ฝั่งของพระคาร์ดินัลแบร์โตเน่ ต้องการปลดเตเดสคี่ เพราะเห็นว่าทุจริต ขณะที่ฝั่งของพระคาร์ดินัล ฌอง-หลุยส์ โตร็อง อีกหนึ่งบิ๊กในวาติกัน กลับสนับสนุนเตเดสคี่สุดขั้ว เพราะมองว่า ถ้าทำธนาคารวาติกันให้ตรวจสอบได้ ปัญหามากมายอาจตามมา แต่ที่สุดแล้ว พระคาร์ดินัลแบร์โตเน่ซึ่งมีอำนาจใหญ่กว่าก็เป็นผู้ชนะ ทำให้เตเดสคี่ต้องถูกปลดออกไป

การปลดเตเดสคี่ น่าจะเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้พระคาร์ดินัลแบร์โตเน่ได้รับคำชม เพราะที่เหลือนั้น ต้องบอกว่าพระคาร์ดินัลองค์นี้บริหารงานผิดพลาดหลายอย่าง เล่นพวกพ้อง และเป็นศูนย์กลางของความปั่นป่วนในวาติกันอย่างแท้จริง ความผิดพลาดเกี่ยวกับการเล่นพวกพ้องกันที่ถูกสื่อมวลชนโจมตีในขณะนี้ก็คือการเลือกพรรคพวกตนเองให้ถูกเสนอชื่อเป็นพระคาร์ดินัลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีอย่างที่ไหน แต่งตั้งพระคาร์ดินัลใหม่ช่วงต้นปีนี้ พระคาร์ดินัลใหม่ส่วนมากเป็นชาวอิตาเลี่ยนที่ทำงานอยู่ในวาติกันแทบทั้งสิ้น มีพระคาร์ดินัลใหม่ไม่กี่องค์ที่มาจากการเป็นประมุขปกครองสังฆมณฑลต่างๆ การที่พระคาร์ดินัลแบร์โตเน่ทำเช่นนี้ ทำให้นักข่าวสายวาติกันทั่วโลกมองว่า จงใจปูนบำเหน็จให้พวกของตนเองได้มีอำนาจและความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นในสมณศักดิ์ แทนที่จะเป็นสงฆ์ของพระคริสต์ด้วยใจรักในการอภิบาลสัตบุรุษอย่างแท้จริง

แม้ข่าวความขัดแย้งของบรรดาพระคาร์ดินัลในวาติกันจะกลายเป็นเรื่องโด่งดังไปทั่วโลก แต่เสียงจากพระคาร์ดินัลหลายองค์ที่ปกครองสังฆมณฑลตามประเทศต่างๆ กลับมองว่า การที่เอกสารลับเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกมา ถือเป็นเรื่องดีและยังเป็นการช่วยพระสันตะปาปาไปในตัว อาทิ พระคาร์ดินัล โนร์เบร์โต้ ริเวร่า ประมุขอัครสังฆมณฑลเม็กซิโก ซิตี้ ประเทศเม็กซิโก และ พระคาร์ดินัล ทิโมธี โดแลน ประมุขอัครสังฆมณฑลนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

พระคาร์ดินัล 2 องค์นี้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “แน่นอนว่า มันเศร้าที่ต้องเห็นพระสันตะปาปาถูกหักหลังโดยพ่อบ้านผู้ใกล้ชิด แต่มันอาจเป็นเรื่องดี เพราะนี่คือการทำให้พระองค์รู้ว่า ข้างล่างนั้นมีความขัดแย้งและความไม่ชอบมาพากลมากขนาดไหน” (ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า พระสันตะปาปาจะไม่ยุ่งกับการบริหารจัดการ การแต่งตั้ง และการเมือง หน้าที่นี้จะเป็นของเลขาธิการนครรัฐ ซึ่งก็คือพระคาร์ดินัลแบร์โตเน่ พระสันตะปาปาจะมีหน้าที่เป็นผู้อภิบาลฝ่ายจิตวิญญาณ พระองค์จะเน้นเรื่องการเทศน์สอนและความเชื่อ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระสันตะปาปาจะมีหน้าที่แค่ลงพระนามอนุมัติเท่านั้น)

... คดีนี้คงเป็นมหากาพย์เรื่องยาวที่ต้องใช้เวลาหลายเดือนหรืออาจจะเป็นปี กว่าจะปิดคดีได้ อย่างไรก็ตาม เราต้องร่วมกันเป็นกำลังใจให้พระสันตะปาปา เพราะถ้าไม่ตามข่าวแบบใกล้ชิด บางคนอาจเข้าใจว่า คนทุจริตเป็นพระสันตะปาปา แต่ถ้าอ่านข่าวแบบเข้าใจและอ่านเกมขาด เราจะรู้ว่า พระสันตะปาปาไม่ต่างอะไรจากแพะรับบาปของคดีนี้ พระองค์มารู้เรื่องความขัดแย้งเมื่อสายไปแล้ว เพราะคนที่เป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งจริงๆคือพระคาร์ดินัล ตาร์ชิซิโอ แบร์โตเน่ ซึ่งทำให้ทุกอย่างซับซ้อนและยากเกินจะแก้ไขภายในเวลาอันสั้นซะด้วย


AVE   MARIA


Comments