Posts

โป๊ปฟรานซิสภาวนาเพื่อครูและนักเรียนที่ต้องปรับตัวในวิกฤติโรคระบาด

Image
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงภาวนาเป็นพิเศษเพื่อครูและนักเรียนที่ต้องปรับตัวเรียนทางออนไลน์ในวิกฤติโรคระบาด  ทรงสอน พระเยซูชอบที่จะอยู่ท่ามกลางประชาชนจำนวนมาก แต่บรรดาศิษย์ไม่ชอบ ดังนั้น พระองค์จึงทดลองใจบรรดาศิษย์เป็นประจำ เพื่อฝึกพวกเขาให้มีจิตใจของความเป็นผู้อภิบาลมากยิ่งขึ้นและไม่กลัวการอยู่ท่ามกลางประชากรของพระเจ้า  ทรงย้ำ มันเป็นความจริงที่ว่า ประชากรของพระเจ้าทำให้ผู้อภิบาล "เหนื่อย" ยิ่งเป็น "ผู้อภิบาลที่ดี" งานจะเยอะขึ้นและเหนื่อยเป็นพิเศษ เพราะคนจะพุ่งไปหาด้วยเหตุผลหลากหลาย  ทรงชี้ อำนาจของผู้อภิบาลคือการรับใช้ ถ้าผู้อภิบาลใช้อำนาจอื่นที่ไม่ใช่การรับใช้ เขาก็ทำลายกระแสเรียกของตน และกลายเป็นผู้จัดการธุรกิจอภิบาล ไม่ใช่ผู้อภิบาล Photo: Vatican Media ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซานตา มาร์ธา ช่วงเริ่มพิธี พระสันตะปาปาทรงเชิญทุกคนภาวนาให้ "ครูอาจารย์" ที่ต้องทำงานหนักขึ้นเพราะต้องเตรียมการสอนผ่านระบบออนไลน์ เช่นเดียวกัน พระสันตะปาปาเชิญภาวนาเพื่อ "นักเรียน&

ใจความสำคัญบทเทศน์ของโป๊ปฟรานซิส ประจำมิสซาเช้าวันที่ 23 เมษายน 2020

Image
สรุปใจความสำคัญบทเทศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประจำมิสซาเช้าวันที่ 23 เมษายน 2020 วันระลึกถึงนักบุญจอร์จ (ฆอร์เค่) ซึ่งเป็นศาสนนามของพระสันตะปาปาด้วย (ฆอร์เค่ แบร์โกโญ่) พระสันตะปาปาเริ่มต้นมิสซาด้วยการภาวนาให้กับครอบครัวที่ประสบปัญหาการเงินจากวิกฤติโควิด-19 จนทำให้พวกเขาต้องไปกู้เงินนอกระบบและถูกผู้ปล่อยกู้เรียกเก็บดอกเบี้ยสูงเกินควร พระสันตะปาปาเรียกสิ่งนี้ว่า เป็น "โรคระบาดทางสังคม" อีกประเภทหนึ่ง มันคือการหากินและเอาเปรียบคนที่กำลังเดือดร้อน พระสันตะปาปาเชิญภาวนาให้ครอบครัวที่เดือดร้อนพ้นทุกข์โดยเร็ว และขอพระเจ้าเปลี่ยนจิตใจของผู้ปล่อยกู้เหล่านี้ให้มีความเมตตามากขึ้น บทอ่านมิสซานี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก มหาสมณะพูดกับเปโตรที่สภาซันเฮดรินว่า เราสั่งแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่านำคำสอนของพระเยซูไปสอนประชาชน แต่เปโตรตอบกลับไปว่า "เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์" สิ่งนี้ทำให้คนที่สภาฯ โกรธมาก พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า สิ่งที่เปโตรกล่าวออกไปนั้น ทำให้เราต้องถามตัวเองว่า "นี่ใช่เปโตรคนที่ปฏิเสธพระเยซูไหมนะ ใช่เปโตรคนขี้กลัวขี้ขลาดหรือเป

ใจความสำคัญบทเทศน์ของโป๊ปฟรานซิส ประจำมิสซาเช้าวันที่ 21 เมษายน 2020

Image
Photo: Vatican Media สรุปใจความสำคัญบทเทศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประจำมิสซาเช้าวันที่ 21 เมษายน 2020 บทอ่านมิสซานี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก ใจความสำคัญคือ "กลุ่มผู้มีความเชื่อดำเนินชีวิตเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนมีเป็นกรรมสิทธิ์ของตน แต่ทุกสิ่งเป็นของส่วนรวม" ในบทเทศน์ พระสันตะปาปาให้มุมมองอีกด้านเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาและความขัดแย้งในศาสนจักรว่ามี 3 อย่าง หนึ่ง - "เงิน" เราได้เห็นเหตุการณ์นับไม่ถ้วนในศาสนจักรที่คริสตชนแตกแยกกันเพราะเงิน เงินทำให้เรารักตัวเองมากกว่าคนอื่น ไม่เฉพาะในศาสนจักร เรายังเห็นเงินเป็นสาเหตุให้เกิดความแตกแยกในครอบครัว หลายคนในครอบครัวไม่คุยกันก็เพราะทะเลากันเรื่องเงิน สอง - "ความหยิ่งผยอง ทะนงตน" ตัวอย่างชัดเจนคือฟาริสีที่ภาวนาต่อพระเจ้าว่า "ตัวเองเหนือกว่าคนอื่น" ความทะนงตนทำให้เราทำตัวเหมือน "นกยูง" ที่รำแพนหางอวดความยิ่งใหญ่ของตัวเอง สาม - "การนินทา" พระสันตะปาปาย้ำว่า "นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อพูดถึงเรื่องนี้ แต่ก็ต้องพูดซ้ำๆ เพราะมันคือความจริง"

โป๊ปฟรานซิส "ในสถานการณ์โรคระบาด นี่คือเวลาสำหรับความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงประทานการสัมภาษณ์พิเศษแก่ ดร.ออสเทน ไอเวอร์เรจห์ นักข่าวสายวาติกันชาวอังกฤษ ทรงย้ำ ในสถานการณ์โรคระบาด นี่คือเวลาสำหรับความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่านิ่งเฉยไม่ทำอะไร สิ่งที่พระองค์ทำคือสั่งให้มีการถ่ายทอดสดมิสซาเช้าทางออนไลน์และจัดการประทานพรแด่โรมและโลกเป็นกรณีพิเศษ เพราะนี่คือการเดินร่วมทางและใกล้ชิดกับคริสตชนที่กำลังเดือดร้อน ทรงสอน ในวิกฤตินี้ "พระเจ้าไม่ปล่อยให้อัศจรรย์เสร็จแบบครึ่งๆ กลางๆ" ถ้าเราให้ความร่วมมือกับบรรดา "นักบุญข้างบ้าน" ทำตามคำแนะนำของท่านเหล่านั้น เช่น หมอและพยาบาล อัศจรรย์จะเกิด และเราจะเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมทำงานนี้ด้วย  ทรงชี้ วิกฤติครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อเราทุกคน ไม่ว่ารวยหรือจน ทุกคนโดนหมด แต่สิ่งน่ากังวลคือวิกฤตินี้จะทำให้เรากลายเป็นคนเฉยชาไม่ทุกข์ร้อนกับปัญหาที่คนอื่นกำลังประสบ ตัวอย่างชัดๆ คือ นักการเมืองที่ปากพูดถึงการแก้ปัญหาความอดอยาก แต่มือยังค้าขายอาวุธสงครามต่อไป พระสันตะปาปาในการประทานพรแด่โรมและโลก 27 มีนาคม 2020/ Photo: Vatican Media ปลายเดือนมีนาคม 2020 ดร.ออสเทน ไอเวอร์เรจห์

โป๊ปฟรานซิส "ความหวังเป็นโรคติดต่อที่แพร่กระจายด้วยการสัมผัส แต่เป็นสัมผัสแบบใจถึงใจ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงแบ่งปัน ความหวังเป็นโรคติดต่อที่แพร่กระจายด้วยการสัมผัส แต่เป็นการสัมผัสแบบใจถึงใจ และความหวังที่เราส่งให้กันคือพระเยซู องค์ความหวังของเรา ทรงชี้ จริงอยู่ที่โรคติดเชื้อโควิด-19 ทำให้เราไม่ได้ไปวัดและรับศีลศักดิ์สิทธิ์ แต่พระเจ้าไม่ปล่อยให้เราโดดเดี่ยว แค่เราร่วมเป็นหนึ่งในการภาวนา พระเจ้าจะประทับอยู่กับเรา ทรงเรียกร้องให้ผู้นำประเทศต่างๆ ทำงานอย่างแข็งขันเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ชีวิตหลายคนเจอความเปลี่ยนแปลงแบบไม่ทันตั้งตัว เช่น คนที่ตกงานและคนที่ใกล้จะตกงาน ทรงย้ำ ถ้อยคำที่ไม่ควรเกิดขึ้นในวิกฤตินี้คือ การเมินเฉย การเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ความแตกแยก และการหลงลืมปัญหาของคนอื่น วิกฤตินี้ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่โยนกันไปมา Photo: Vatican Media ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาสมโภชปาสกา ซึ่งจัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน มิสซานี้ พระสันตะปาปาไม่ได้เทศน์ เนื่องจากตามประเพณีในมิสซาวันอาทิตย์สมโภชปาสกา พระสันตะปาปาจะเงียบเพื่อให้ทุกคนไตร่ตรองพระวรสาร พระองค

โป๊ปฟรานซิสสอนเรื่องความหวังและความกล้าในคืนเสาร์ศักดิ์สิทธิ์

Image
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงสอนเรื่อง "ความหวัง" และ "ความกล้า" ในคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์  จงมีความหวังแบบสตรีที่วิ่งไปคูหาฝังศพ แม้จิตใจจะเศร้าหนัก เพราะเห็นความตายของพระเยซูและไม่รู้ว่าตัวเองจะเจอแบบนั้นไหม แต่สตรีเหล่านี้ไม่สิ้นหวังจนแน่นิ่ง ในช่วงเวลาที่สังคมกำลังหดหู่ เราต้องทำตัวเหมือนสตรีเหล่านี้ที่ทำหน้าที่ต่อไป เพื่อนำความหวังมามอบให้สังคม ทรงสอน เราอย่าไปจำนนต่อความกลัว แต่จงมีความหวัง ความหวังสิทธิขั้นพื้นฐานที่ไม่มีใครพรากจากเราได้ ทรงย้ำ เราจะมีความกล้าต่อเมื่อเรากลิ้งหินที่ปิดจิตใจเราออกไปจนหมด แม้เป็นหินก้อนเล็กที่สุด เราก็ต้องนำออกไป และความกล้าจะเกิดขึ้น Photo: Vatican Media คืนวันเสาร์ที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงเป็นประธานในพิธีคืนตื่นเฝ้าปาสกา วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ช่วงเริ่มพิธี พระสันตะปาปาได้ทรงทำพิธีเสกไฟที่พระแท่นใจกลางของมหาวิหาร จากนั้น ทรงร่วมขบวนแห่เพื่อเริ่มพิธีต่อไป สำหรับใจความสำคัญของบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเน้นเรื่อง "ความหวัง" และ &qu