Dark Night of the Soul (ตอน 2)

The Pope’s Dark Night of the Soul (ตอน 2)
(บทความโดย แดเนี่ยล เบิร์ก, ถอดความโดย มงซินญอร์ วิษณุ ธัญญอนันต์)


แบร์โกโญ่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะนักบวชเยสุอิตในประเทศอาร์เจนตินาเมื่อท่านมีอายุเพียง 36 ปี (คณะเยสุอิตแบ่งตนเองเป็นเขตปกครองตามภาคภูมิศาสตร์ที่เรียกว่าจังหวัด ซึ่งนำโดยเจ้าคณะ ซึ่งจะรับหน้าที่เป็นเวลา 6 ปี)
ในปี ค.ศ. 1973 คือสามปีก่อนเกิดรัฐประหารและเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามสกปรก แบร์โกโญ่ เพิ่งจะจบการอบรมได้เพียงสองปีก่อนหน้านั้น วุฒิภาวะของท่านสร้างความประทับใจให้กับผู้ใหญ่ ทว่าการขึ้นสูงอย่างรวดเร็วของท่านมาพร้อมกับโชคร้ายบางประการ

ผู้ที่น่าจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะนักบวชเกิดเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ในเวลาที่ตำแหน่งต่างๆ กำลังลดน้อยลงเพราะการปรับเปลี่ยนที่น่าหงุดหงิดใจในศาสนจักรคาทอลิก

สภาสังคายนาวาติกันที่ 2 ซึ่งเกิดขึ้นที่กรุงโรมในปี ค.ศ. 1962 ที่คิดว่าจะเป็นการเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้นเพื่อปล่อยให้อากาศบริสุทธิ์เข้ามา คณะนักบวชต่างๆ ได้รับการสนับสนุนให้มีการตรวจสอบ “พระพรพิเศษ” ตามต้นฉบับ หรือของขวัญและพันธกิจที่ชัดเจน

เยสุอิตบางคนฉวยโอกาสนี้ว่าเป็นไฟเขียวให้มีการทดลองเกี่ยวกับข้อบังคับในการปฏิญาณตนเรื่องการถือโสด (พรหมจรรย์) ความยากจน และความนบนอบ  ขณะนั้นแบร์โกโญ่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะนักบวชแล้ว  เยสุอิตรุ่นใหม่จึงฉวยโอกาสแอบเข้าทางหน้าต่างของสภาสังคายนาวาติกันที่ 2 คณะจึงเกิดความระส่ำระสาย

แบร์โกโญ่รีบจัดการกับคณะทันที อันที่จริงดูเหมือนจะเร็วเกินไปด้วยซ้ำ เยสุอิตบางคนพากันบ่น ทว่าแรงกดดันของศาสนจักรค่อยจางลงเมื่อเปรียบเทียบกับบรรยากาศทางการเมือง บ้านพักเยสุอิตถูกทหารกวาดล้างบ่อยๆ คุณพ่อสวินเน่นกล่าวว่าทหารทักทายท่านด้วยปลายกระบอกปืน นี่คือข้อความที่ส่งมาชัดเจนว่า คณะเยสุอิตกำลังถูกจับตามอง


ส่วนหนึ่งนี่เป็นเพราะเยสุอิตหันไปใช้แผ่นพับแทนหนังสือสวด เทววิทยาแห่งการปลดปล่อย ความคิดที่พระวรสารแสดงถึง “การเลือกเข้าข้างคนยากจน” กำลังเป็นปัญหา การไม่พอใจที่จะรับใช้ในสลัม พวกเยสุอิตถามว่าเหตุใดชาวลาตินอเมริกันจึงยากจนมากเป็นประการแรก ผู้ที่เห็นต่างเรียกพวกเขาว่าเป็น “คอมมิวนิสต์ในเสื้อหล่อดำยาว”

ผู้ร่วมงานกับแบร์โกโญ่กล่าวว่าท่านพยายามทำตัวโลว์โพรไฟล์ (Low Profile) ไม่ออกมาชื่นชมหรือประณามทหาร หน้าที่ของท่านคือปกป้องนักบวชที่อยู่ภายใต้การดูแลของท่าน ทว่านักบวชเยสุอิตสองคนทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก

ภายใต้อิทธิพลของเทววิทยาแห่งการปลดปล่อย คุณพ่อฟรานซ์ ยาลิกส์ (Franz Jalics) และ คุณพ่อโอร์ลันโด้ โยริโอ (Orlando Yorio) ได้จัดตั้ง “ชุมชนพื้นฐาน” ที่กรุงบัวโนสไอเรส ซึ่งทั้งสองยุยงให้บรรดาคนยากจนต่อสู้กับผู้ที่ข่มเหงพวกเขา


แบร์โกโญ่อนุญาตให้นักบวชเยสุอิตสอนคำสอนความเชื่อคาทอลิก แต่เตือนพวกเขาให้ระวังทหาร ท่านได้เตือนว่าพวกเขาจะปลอดภัยกว่าที่จะดำเนินชีวิตไปตามนักบวชเยสุอิตอื่นๆ ทว่า คุณพ่อยาลิกส์ และ คุณพ่อโยริโอ ปฏิเสธ

ในที่สุดแบร์โกโญ่สั่งไม้ตายให้กับเขาทั้งสอง ขอให้เลือกเข้าข้างคนยากจน หรือคณะนักบวชเยสุอิต พวกเขาเลือกข้างคนยากจน หลังจากนั้นไม่กี่วัน ทหารก็จับนักบวชเยสุอิตสองคนนั้นไป แบร์โกโญ่กล่าวว่าท่านพยายามทำทุกทางที่จะช่วยนักบวชทั้งสอง หลังจากนั้นห้าเดือนทหารก็ปล่อยทั้งสองคนออกมา


หลายปีทีเดียวโยริโอ กล่าวหาว่าเขาถูกลักพาตัวเพราะแบร์โกโญ่ เขากล่าวหาว่าเจ้าคณะฯว่าทอดทิ้งไม่ให้การคุ้มครองเขาและเป็นผู้ชี้ตัวเขาให้กับทหาร


ส่วนยาลิกส์ดูจะเงียบกว่าโยริโอ ยาลิกส์ยอมรับว่า ตัวเขาและแบร์โกโญ่ปรับความเข้าใจกันคืนดีกันแล้ว (หลังจากที่พระสันตะปาปา ฟรานซิสได้รับการเลือกตั้ง ยาลิกส์ กล่าวว่าเขาไม่ตำหนิแบร์โกโญ่สำหรับการที่เขาถูกจับ)


เพราะความถี่และความเจ็บปวดที่ยืดเยื้อแห่งสงครามสกปรก ตัวผมเอง (หมายถึงตัวผู้เขียน แดเนี่ยล เบิร์ค)คิดว่าการลักพาตัวนักบวชเยสุอิตคือสาเหตุใหญ่แห่งความตึงเครียดในสมัยที่แบร์โกโญ่เป็นเจ้าคณะ นี่คือเหตุที่ท่านถูกเนรเทศไปที่เมืองกอร์โดบาหรือเปล่า


แม้นักบวชเยสุอิตคนอื่น ๆ ก็ไม่ตำหนิแบร์โกโญ่สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับโยริโอและยาลิกส์ เพราะพวกเขามีปัญหาอื่นๆ กับท่าน

คุณพ่ออันเดรส สวินเน่น ได้รับตำแหน่งต่อจากแบร์โกโญ่ในฐานะอธิการเจ้าคณะ ท่านจึงแต่งตั้งแบร์โกโญ่ให้เป็นอธิการบดีของวิทยาลัยมักซีโม่ เด ซาน โฮเซ่ (Colegio Máximo de San José) เป็นการตัดสินใจที่จะแบ่งภูมิภาคให้เป็นสองส่วน

วิธีฝึกอบรมของแบร์โกโญ่เป็นเหมือนระบบเข้มงวดที่เมืองกอร์โดบา ท่านเน้นเรื่องการตรงต่อเวลา ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามจะถูกส่งไปล้างห้องครัว


“หากเขาทำผิดกฎข้อใดข้อหนึ่งจะมีการลงโทษด้านสังคมหรือจริยธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ” คุณพ่อราฟาเอล เบลาสโก้ ซึ่งศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยมักซีโม่ กล่าวไว้

“มีเวลาน้อยมากที่จะเป็นอิสระ สภาพเป็นเหมือนคอนแวนต์มากกว่าที่จะเป็นบ้านคณะเยสุอิต” แบร์โกลิโอไม่สนับสนุนให้นักศึกษาของตนอ่านเทววิทยาแห่งการปลดปล่อย (Theology of Liberation) พร้อมกับแต่งตั้งอาจารย์ให้สอนเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อเปลี่ยนความคิดทางการเมืองที่เพี้ยนไปของเยสุอิตบางคน

แบร์โกโญ่ชอบที่จะช่วยเหลือคนยากจนโดยตรงมากกว่าด้วยการทำฟาร์มรอบบ้านฝึกอบรม ท่านให้เยสุอิตหนุ่มรีดนมวัวและเกี่ยวข้าวในท้องนา การทำอาหารและนำไปช่วยชาวบ้านยากจนแห่งกรุงบัวโนสไอเรส

ผู้ฝึกหัดมักจะออกจากห้องเรียนแล้วตรงไปยังคอกหมู ซึ่งกลิ่นทีฉุนของพวกหมูจะได้เป็นเครื่องเตือนใจนักบวชเยสุอิตให้ “พบกับพระเจ้าในทุกสิ่ง”

แต่อาจารย์เยสุอิตที่คงแก่กล้าวิชาหลายคนชอบห้องเรียนมากกว่าวัว พวกที่นิยมเสรีภาพเชิงปัญญาและตารางเวลาที่เบากว่า ความเห็นที่แตกต่างกันกำลังจะโผล่ขึ้นมา


แม้กระทั่งเยสุอิตที่อยู่นอกประเทศอาร์เจนตินา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่นิยมเทววิทยาแห่งการปลดปล่อยต่างไม่ค่อยพอใจกับวิธีการของแบร์โกโญ่ แต่แบร์โกโญ่มีบุคลิกภาพที่เข้มแข็ง พวกเยสุอิตกล่าว พอท่านได้ตัดสินใจอะไรไปแล้วก็ยากที่ท่านจะนำกลับมาพิจารณาใหม่ และที่น่าคิดไปกว่านั้นอีกสำหรับคณะก็คือผู้ที่ศรัทธาในแบร์โกโญ่ โดยถือว่าทุกคำพูดของท่านคือ “คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์” หลังจากที่มีตำแหน่งสูงในคณะเยสุอิตเป็นเวลา 15 ปี ท่านได้รับการนับถือเสมอซึ่งอาจจะถึง 40 เปอร์เซนต์ของสมาชิกทั้งคณะ

คุณพ่ออาร์เธอร์ ลิบส์เชอร์ เยสุอิตชาวอเมริกันซึ่งเรียนอยู่ที่อาร์เจนตินาในช่วงปี 1980 พูดถึงบริวารของแบร์โกโญ่ว่าเป็นคนหน้าด้านและเป็นพวกชอบเลียแข้งเลียขา “ประกาศกนั้นดีอยู่” ท่านกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “แต่พวกศิษย์นั้นยากที่จะยอมรับ”


ผู้ติดตามแบร์โกโญ่มั่นใจว่าผู้นำของตนได้สร้างหนทางที่แท้จริงหนทางหนึ่ง แต่เยสุอิตคนอื่นๆไม่ค่อยจะแน่ใจ

                     

(จบตอน 2 โปรดติดตามต่อตอนที่ 3)


The Pope’s Dark Night of the Soul (ตอน 1)

: https://www.facebook.com/popereport/posts/pfbid02wagj5VjuBQJ2ke2vmRE8RDAkJauCjyz58pcdDEVAxFfaehzgLShi8kY8VuE3ergCl 


Source


1. https://edition.cnn.com/interactive/2015/09/specials/pope-dark-night-of-the-soul/ 


Comments