ฟาติมาสาร - CHURCHES FOR SALE (เสนอขายโบสถ์) 18 พ.ย.2012

วิกฤติเศรษฐกิจในยุโรปและอเมริกายังคงพ่นพิษไม่หยุด จำนวนบริษัทที่ต้องปิดกิจการรวมถึงคนตกงานยังอยู่ในอัตราที่สูง ขณะที่วิกฤติความเชื่อต่อคริสต์ศาสนาในยุโรปและอเมริกา ก็ย่ำแย่ไม่แพ้เศรษฐกิจ อัตราคนไม่เชื่อพระเจ้าและไม่มีศาสนาสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเป็นแบบนี้ โบสถ์คริสต์ก็ไม่มีคนไปร่วมพิธี ประกอบกับเศรษฐกิจตกต่ำส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของโบสถ์ ผลที่ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็คือ “การประกาศขายโบสถ์” เกิดขึ้นเยอะมากในยุโรปและอเมริกา



ตอนนี้ หลายประเทศในยุโรปที่เป็นคาทอลิกหรือโปรเตสแตนท์ ต่างประสบปัญหานี้กันถ้วนหน้า อีกสาเหตุ นอกจากวิกฤติเศรษฐกิจและคนไม่มีศาสนาเพิ่มแล้ว “ปัญหาขาดแคลนพระสงฆ์” ก็เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาด้วย เมื่อไม่มีเงินมาดูแล ไม่มีคนมาร่วมพิธี ไม่มีผู้มาประกอบพิธีและอภิบาลจิตใจผู้คน หลายสังฆมณฑลตัดสินใจขายโบสถ์ในความดูแล เพื่อรักษาชีวิตสังฆมณฑลไม่ให้ล้มละลายก่อนสายเกินแก้

“วาติกัน อินไซเดอร์” เว็บไซต์ที่รวบรวมนักข่าวสายวาติกันระดับโลกไว้ในที่เดียวกัน เปิดเผยตัวเลขว่า แต่ละปี นิกาย “แองกลิกัน” ในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ) จะประกาศปิดโบสถ์และ “ตั้งป้ายขาย” โบสถ์ที่ถูกปิดนั้น อย่างน้อย 20 แห่งต่อปี เนื่องจากโบสถ์เหล่านี้มีผู้มาร่วมพิธีน้อยมาก การขายโบสถ์เพื่อเก็บเงินสดไว้ใช้ยามฉุกเฉิน น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

วิกฤติขายโบสถ์คริสต์ ยังมีให้เห็นแบบเกลื่อนที่สหรัฐอเมริกา หากเข้ากูเกิลและพิมพ์คำว่า “CHURCHES FOR SALE” (การขายโบสถ์คริสต์) ก็จะเจอผลลัพธ์ปรากฏขึ้นมาเยอะมาก เรียกได้ว่า มีเยอะจนเลือกไม่ไหวจริงๆว่าจะซื้อโบสถ์ไหนดี ในสหรัฐอเมริกา การซื้อขายโบสถ์คริสต์เป็นเรื่องที่กำลังได้รับความนิยม นักพัฒนาที่ดินหลายเจ้าชอบซื้อโบสถ์คาทอลิกไปทำธุรกิจอื่น อาทิ ร้านอาหาร รวมไปถึงผับบาร์ สาเหตุที่พวกนี้ชอบซื้อโบสถ์คริสต์เพราะดีไซน์การออกแบบภายในสวยงามเป็นที่ต้องตาต้องใจ (คนเหล่านี้ชอบภาพวาดเทวดาและภาพวาดบนเพดานโบสถ์)

“ตุรกี” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่โบสถ์คริสต์ (ส่วนมากเป็นออโธด็อกซ์) ถูกตั้งป้ายขาย แต่ส่วนมากชาวมุสลิมจะมาซื้อโบสถ์คริสต์ต่อ เพื่อปรับข้างในให้เป็น “มัสยิด” นอกจากนี้ มีบ้างในบางเมืองที่โบสถ์ออโธด็อกซ์ ถูกซื้อและปรับเปลี่ยนให้เป็นโกดังสำหรับงานอุตสาหกรรม (ตัวเลขที่ตุรกีค่อนข้างน่ากลัว เพราะมีโบสถ์คริสต์ถึง 38 เปอร์เซ็นต์จากทั้งประเทศ ถูกตั้งป้ายขาย)

ถัดจากตุรกี ก็เป็น “เนเธอร์แลนด์” และ “เยอรมนี” สองประเทศที่มีพรมแดนติดกัน สองประเทศนี้มีชาวคริสต์คาทอลิกและคริสต์โปรเตสแตนท์พอๆกัน แต่ทั้งสมาชิกทั้งสองนิกายก็ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วไปเป็นพวกไม่มีศาสนา เนื่องจากไม่ต้องการเสียภาษีนับถือศาสนา แนวโน้มของเนเธอร์แลนด์และเยอรมนีจึงคล้ายๆกับตุรกี นั่นคือ โบสถ์คริสต์ถูกตั้งป้ายขาย และคนที่มาขอซื้อก็คือชาวมุสลิมที่ต้องการสถานที่นั้นเพื่อใช้เป็นมัสยิด

“สวีเดน” และ “เดนมาร์ก” สองประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ก็ประสบชะตากรรมนี้ด้วย โบสถ์โปรเตสแตนท์ของสองชาตินี้ถูกขายให้กับชาวมุสลิมที่ต้องการใช้สถานที่เป็นมัสยิด ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในสแกนดิเนเวีย เพราะปัจจุบัน ชาวสแกนดิเนเวีย “ไม่เชื่อพระเจ้า” มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ชาวมุสลิมที่อพยพลี้ภัยสงครามจากอิรัก, อัฟกานิสถาน, ปากีสถาน และโซมาเลีย ได้เข้าไปอาศัยในสแกนดิเนเวียเยอะมากๆ คนเหล่านี้ศรัทธาในศาสนา และนั่นจึงเป็นที่มาของการเพิ่มจำนวนประชากรมุสลิมในสแกนดิเนเวียอย่างรวดเร็ว

นี่ก็เป็นทิศทางวิกฤติเศรษฐกิจและวิกฤติความเชื่อในศาสนาที่มาบรรจบกันอย่างไม่น่าเชื่อ สมัยก่อน ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำ คนจะหันกลับมาหาพระเจ้าเพื่อหาที่พึ่งทางจิตใจ แต่ตอนนี้ วิถีแบบนั้นเริ่มหมดไป มันถูกพัฒนามาเป็นเทรนด์ใหม่ เศรษฐกิจตกต่ำ จิตใจคนในสังคมถอยห่างจากพระเจ้า ผลสุดท้ายก็คือขายโบสถ์ที่เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจทิ้ง เพื่อรักษาชีวิตตัวเองให้รอด

... คิดแล้วก็น่าหดหู่ใจจริงๆ  


AVE   MARIA

Comments