บทสัมภาษณ์บนเครื่องบิน: โป๊ปเลโอยอมรับ “เคยคิดเรื่องเกษียณ” แต่น้อมรับพระประสงค์ให้พระเจ้านำทาง
- พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ยอมรับ เคยคิดเรื่องเกษียณเมื่อ 1-2 ปีก่อน แต่เมื่อได้รับเลือก ก็น้อมรับพระประสงค์และให้พระเจ้านำทาง โดยยึดหลักจากหนังสือ “การฝึกฝนการประทับอยู่ของพระเจ้า” (The Practice of the Presence of God)
- ทรงตอบคำถามเรื่อง “ฮิซบอลเลาะห์” ที่ขอให้พระสันตะปาปาแสดงจุดยืนต่อต้านความอยุติธรรมจากอิสราเอล โดยพระสันตะปาปาย้ำจุดยืนของศาสนจักรคาทอลิกคือ “ทำงานเจรจาเบื้องหลังเพื่อสันติภาพและขอให้ทุกฝ่ายปลดอาวุธ”
ระหว่างเที่ยวบินกลับจากกรุงเบรุตสู่กรุงโรม เมื่อวันอังคารที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ได้ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวบนเครื่องบิน โดยทรงตอบคำถามสำคัญเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว ทิศทางของศาสนจักร และการเมืองระดับโลก
Pope Report สรุปประเด็นสำคัญจากการถามตอบกับนักข่าวมาให้ดังนี้
1. “พ่อเคยคิดจะเกษียณ”
เมื่อถูกถามถึงความรู้สึกในช่วงแรกของการรับตำแหน่ง และความรู้สึกระหว่างการเลือกตั้งพระสันตะปาปา
พระสันตะปาปาเลโอตรัสตอบว่า “เมื่อ 1-2 ปีก่อน พ่อเคยคิดเรื่องเกษียณเหมือนกัน พ่อรู้ว่ามีการเผยแพร่บทสัมภาษณ์ต่างๆ(เกี่ยวกับการเลือกตั้งพระสันตะปาปา) พ่อพูดกับนักข่าวก่อนจะเข้าร่วมการเลือกตั้ง ตอนนั้น พ่อกำลังจะไปทานมื้อเที่ยงฝั่งตรงข้ามถนนที่คณะออกัสติเนี่ยน เธอถามว่า ‘ท่านคิดอย่างไร เมื่อท่านกลายเป็นหนึ่งในตัวเต็งพระสันตะปาปาองค์ต่อไป’ และพ่อตอบกลับว่า ‘ทุกอย่างอยู่ในมือของพระเจ้า’ และพ่อเชื่อเช่นนั้นอย่างลึกซึ้ง”
2. หนังสือแนะนำให้อ่าน เพื่อเข้าใจตัวตนของ “โรเบิร์ต เพรโวสท์”
เมื่อนักข่าวถามว่า มีหนังสือเล่มไหนนอกจากงานของนักบุญออกัสติน ที่อ่านแล้วจะเข้าใจตัวตนของพระองค์ได้ดีที่สุด
พระสันตะปาปาตอบว่า “มีหลายเล่ม แต่เล่มที่แนะนำคือ ‘การฝึกฝนการประทับอยู่ของพระเจ้า’ (The Practice of the Presence of God) มันเป็นหนังสือที่เรียบง่าย โดยคนเขียนที่ไม่แม้แต่จะบอกนามสกุลของเขา บอกแค่ว่าชื่อบราเดอร์ลอว์เรนซ์ เขียนเมื่อหลายปีก่อน มันบรรยายถึงรูปแบบการภาวนาและจิตวิญญาณที่คนคนหนึ่งเพียงแค่มอบชีวิตของเขาแด่พระเจ้าและอนุญาตให้พระองค์นำทาง”
“หากท่านอยากรู้อะไรเกี่ยวกับพ่อ นั่นคือจิตวิญญาณของพ่อมาหลายปีแล้ว ท่ามกลางความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ การอาศัยอยู่ในเปรูระหว่างปีแห่งการก่อการร้าย การถูกเรียกให้รับใช้ในสถานที่ที่พ่อไม่เคยคิดว่าจะถูกเรียกให้ไปรับใช้ พ่อวางใจในพระเจ้า และข้อความนั้นเป็นสิ่งที่พ่อแบ่งปันกับทุกคน”
“และด้วยจิตวิญญาณแบบเดียวกันนี้ พ่ออยากเล่าถึงวินาทีที่ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาว่า ‘ตัวพ่อเองน้อมรับความจริง … พ่อสูดหายใจลึกๆ และพูดกับตัวเองว่า ‘พระเจ้า พระองค์ดูแลลูก ขอพระองค์นำทางลูกด้วย’” พระสันตะปาปาเผยความในใจ
3. การทูตเบื้องหลังและข้อความจากฮิซบอลเลาะห์
ต่อข้อซักถามถึงบทบาทของวาติกันในการเจรจาสันติภาพ พระสันตะปาปาเปิดเผยว่า การเยือนครั้งนี้แม้จะมีหัวข้อหลักเรื่องคริสตศาสนสัมพันธ์ แต่ในความเป็นจริง พระองค์ได้พบปะส่วนตัวกับตัวแทนอำนาจทางการเมืองและกลุ่มขัดแย้งต่างๆ
พระสันตะปาปาตรัสว่า “งานของเรา (เจรจาสันติภาพ) ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปป่าวประกาศตามท้องถนน มันเป็นงานเบื้องหลัง เป็นสิ่งที่เราได้ทำแล้วและจะทำต่อไปเพื่อโน้มน้าวให้ฝ่ายต่างๆ วางอาวุธ ละทิ้งความรุนแรง และมาร่วมโต๊ะเสวนา”
เมื่อถูกถามถึงข้อความที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ส่งถึงพระองค์ว่า “อยากให้พระสันตะปาปาปฏิเสธความอยุติธรรมของอิสราเอล” พระสันตะปาปาตอบว่า “ใช่ พ่อเห็น(ข้อความ)แล้ว มันชัดเจนว่าในส่วนของศาสนจักร เรามีข้อเสนอให้พวกเขาวางอาวุธและให้เราแสวงหาการเสวนา แต่พ่อขอไม่ออกความเห็นเพิ่มเติมในขณะนี้”
4. อิสลามไม่ใช่ภัยคุกคามและของขวัญจากตะวันออกกลาง
ต่อคำถามถึงความกลัวของชาวยุโรปที่มองว่าอิสลามคือภัยคุกคาม พระสันตะปาปาตอบว่า “ความกลัวในยุโรปบ่อยครั้งถูกสร้างขึ้นโดยผู้คนที่ต่อต้านการอพยพ” พระองค์ชี้ว่าเลบานอนคือบทเรียนที่สอนโลกได้ว่า อิสลามและคริสต์ศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้
และเมื่อถามว่าศาสนจักรตะวันออกกลางจะมอบอะไรให้โลกตะวันตกได้บ้าง พระองค์ตรัสถึงคนรุ่นใหม่ในสังคมที่คิดว่าทำอะไรได้ด้วยตัวคนเดียวและไม่ต้องพึ่งพาใครว่า “อ้อมกอดสามารถมีความหมายต่อผู้ที่ผ่านสงครามมาอย่างไร ... การแสดงออกถึงความห่วงใยส่วนตัวที่เปี่ยมด้วยความเป็นมนุษย์ สามารถเยียวยาดวงใจของคนอื่นได้อย่างนั้น”
5. เตือนศาสนจักรคาทอลิกในเยอรมนี “ต้องไม่แตกแถว” จนเกิดนิกายใหม่
ประเด็นร้อนเรื่อง “วิถีซีน็อต” (Synodal Way - การก้าวเดินไปด้วยกัน) ของศาสนจักรคาทอลิกในเยอรมนี ซึ่งมีการเรียกร้องให้ปฏิรูปโครงสร้างอำนาจและคำสอนบางอย่างที่ท้าทายวาติกัน (เช่น เรื่องบทบาทสตรีและศีลธรรมทางเพศ) จนเกิดความกังวลเรื่องการแยกตัว
พระสันตะปาปาตอบเรื่องนี้อย่างระมัดระวังแต่หนักแน่นว่า “ความเป็นซีน็อตในแต่ละวัฒนธรรมอาจต่างกันได้ แต่ต้องไม่เกิดการแตกหัก จำเป็นต้องมีการเสวนาภายในเยอรมนีเอง เพื่อให้แน่ใจว่าวิถีซีน็อตของเยอรมนีจะไม่แตกแถวไปจากเส้นทางของศาสนจักรสากล”
6. ทริปต่อไป “แอฟริกา” และวิกฤติเวเนซุเอล่า
พระสันตะปาปาเปิดเผยแผนการเยือนต่างประเทศว่า “พ่อหวังว่าจะไปเยือนแอฟริกา” โดยเฉพาะ “อัลจีเรีย” เพื่อเยี่ยมชมบ้านเกิดของนักบุญออกัสติน และสานต่อการเสวนาระหว่างคริสต์และมุสลิม ส่วนลาตินอเมริกา (อาร์เจนตินาและอุรุกวัย) อยู่ในแผนแต่ยังไม่กำหนดวัน
สำหรับสถานการณ์ในเวเนซุเอล่า พระองค์ย้ำว่า “เราต้องแสวงหาความดีของประชาชนเหนือสิ่งอื่นใด” และเชื่อว่าดีกว่าที่จะแสวงหาการเสวนา แทนการใช้ปฏิบัติการทางทหารหรือการบุกรุกดินแดน
Source:

Comments
Post a Comment