โป๊ปให้กำลังใจเยาวชนเลบานอน “อย่าพ่ายแพ้ต่อความสิ้นหวัง แม้ลูกอาจเสียใจที่ได้รับมรดกเป็นโลกที่ฉีกขาดด้วยสงคราม”
- โป๊ป เลโอ ที่ 14 พบปะเยาวชนเลบานอน พร้อมทรงทักทาย “อัสลามมุอะลัยกุม” (สันติสุข จงดำรงอยู่กับท่าน) พร้อมให้กำลังใจ “อย่าปล่อยให้ความสิ้นหวังครอบงำเด็ดขาด อย่าสิ้นหวัง แม้ลูกอาจเสียใจที่ได้รับมรดกเป็นโลกที่ฉีกขาดด้วยสงคราม”
- ทรงสอนเยาวชน จงสร้างความรักที่เริ่มต้นด้วยมิตรภาพ จงให้ “เธอ” มาก่อน “ฉัน” และทำให้มันกลายเป็นคำว่า “เรา” อย่างยิ่งใหญ่
- ทรงย้ำจุดยืน “การเสวนาศาสนาไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของความเชื่อ” ท่ามกลางเสียงระฆังวัดและเสียงอาซาน (adhān - การประกาศว่าได้เวลาละหมาด) จากมัสยิดที่ดังกังวานร่วมกัน
- ทรงยก “นักบุญชาร์เบล มาคลูฟ” สอนเยาวชน จงปิดตาเพื่อเห็นพระเจ้าชัดขึ้น และนิยาม “ความหวัง” ว่าเป็น “คุณธรรมที่ต่ำต้อย” เพราะมันมาด้วยมือเปล่า แต่เปิดประตูที่ปิดตายได้
ช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงปฏิบัติพันธกิจ 2 ช่วงสุดท้ายของวันระหว่างการเยือนเลบานอน นั่นคือ การพบปะผู้นำศาสนาต่างๆ และการพบปะเยาวชน
ทั้งนี้ Pope Report เรียบเรียงและสรุปใจความสำคัญของสิ่งที่เกิดขึ้นมาให้ดังนี้
1. เสียงระฆังวัดและเสียงอาซาน ณ จัตุรัสมรณสักขี
พระสันตะปาปาเสด็จไปยังจัตุรัสมรณสักขี ใจกลางกรุงเบรุต สถานที่ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งการอยู่ร่วมกันของชาวมุสลิมและชาวคริสต์ เพราะมีมัสยิดและวัดคริสต์ตั้งเคียงข้างกัน
พระสันตะปาปาตรัสด้วยความตื้นตันใจว่า “เพื่อนที่รัก การปรากฏตัวของท่านที่นี่ ... ที่ซึ่งหออะซานและหอระฆังวัดตั้งเคียงข้างกัน แต่ต่างก็เอื้อมไปสู่ท้องฟ้า เป็นพยานถึงความเชื่อที่ยั่งยืน ... ขอให้ระฆังทุกใบที่ดังกังวาน ทุกเสียงอาซาน (adhān) ผสมผสานกลายเป็นบทเพลงสรรเสริญหนึ่งเดียว”
พระสันตะปาปาชาวอเมริกัน ยังอ้างอิงถึง พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 เพื่อย้ำจุดยืนของการเสวนาศาสนสัมพันธ์ว่า “การเสวนานี้ไม่ได้ถูกกำหนดโดยการเมืองหรือผลประโยชน์ แต่โดยข้อกังวลทางเทววิทยาพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ”
2. “อัสลามมุอะลัยกุม” (สันติสุข จงดำรงอยู่กับท่าน)
จากนั้น พระสันตะปาปาเสด็จไปยังลานหน้า สำนักอัครบิดรคาทอลิกแมโรไนต์แห่งอันติโอ๊ก เพื่อพบปะเยาวชน พระองค์เริ่มต้นด้วยการทักทายภาษาอาหรับว่า “อัสลามมุอะลัยกุม” (ขอสันติสุข จงสถิตอยู่กับท่าน) ซึ่งเรียกเสียงเฮสนั่นจากเยาวชน
พระสันตะปาปาตรัสปลุกใจเยาวชนที่กำลังท้อแท้จากสภาพบ้านเมืองว่า “เยาวชนที่รัก บางทีพวกลูกอาจเสียใจที่ได้รับมรดกเป็นโลกที่ฉีกขาดด้วยสงคราม แต่จงอย่าพ่ายแพ้ต่อความสิ้นหวัง พวกลูกมีความหวัง พวกลูกคือปัจจุบัน และอนาคตกำลังก่อร่างสร้างตัวอยู่ในมือของพวกลูกแล้ว”
“พวกลูกมีความกระตือรือร้นที่จะเปลี่ยนเส้นทางของประวัติศาสตร์ การต่อต้านความชั่วร้ายที่แท้จริงไม่ใช่ความชั่วร้าย แต่คือความรัก” พระสันตะปาปาตรัสย้ำถึงพลังของคนรุ่นใหม่
พระสันตะปาปาทรงเปรียบเทียบเยาวชนกับ “ต้นซีดาร์” สัญลักษณ์ของเลบานอนว่า “ความแข็งแกร่งของต้นซีดาร์อยู่ที่รากของมัน จงตักตวงจากรากที่ดี อย่าต้องการให้กิ่งก้านเติบโตเพียงกิ่งเดียว แต่ให้เติบโตทั้งต้น”
3. จงสร้างความรักที่ให้ “เธอ” มาก่อน “ฉัน” และทำให้มันกลายเป็นคำว่า “เรา”
พระสันตะปาปาตรัสสอนเรื่องความรักในยุคดิจิทัล โดยเน้นย้ำให้เยาวชนสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่ฉาบฉวย
“มันไม่ใช่ความรักที่แท้จริงหากเรารักเพียงชั่วคราว ตราบเท่าที่ความรู้สึกยังคงอยู่ จงบ่มเพาะมิตรภาพที่หยั่งรากลึกในความรักแท้ มิตรภาพจะแท้จริงเมื่อมันวาง ‘เธอ’ ไว้ก่อน ‘ฉัน’ และสร้างคำว่า ‘เรา’ ที่ยิ่งใหญ่กว่า”
พระสันตะปาปายังนิยามความหวังไว้อย่างลึกซึ้งว่า “ความหวังเป็นคุณธรรมที่ ‘ต่ำต้อย’ เพราะมันนำเสนอตัวมันเองด้วยมือเปล่า แต่มือของมันว่างเสมอที่จะเปิดประตูที่ดูเหมือนจะปิดอยู่เนื่องจากความเหนื่อยล้า ความเจ็บปวด หรือความผิดหวัง”
4. บทเรียนจาก “ดวงตาที่ปิด” ของนักบุญชาร์เบล
พระสันตะปาปายังยกตัวอย่าง นักบุญชาร์เบล มาคลูฟ อีกครั้ง โดยชี้ให้เห็นมุมมองที่น่าสนใจว่า “ดวงตาของท่านมักถูกวาดภาพว่าปิดอยู่เสมอ ผ่านดวงตาของนักบุญชาร์เบล ซึ่งปิดเพื่อจะได้เห็นพระเจ้าชัดเจนยิ่งขึ้น ในโลกแห่งสิ่งล่อใจ จงใช้เวลาแต่ละวันเพื่อหลับตาและมองไปที่พระเจ้าเท่านั้น”
5. ภาวนาบทของ “นักบุญฟรานซิส อัสซีซี”
ในช่วงท้าย พระสันตะปาปาได้ฝากบทภาวนาของ นักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซี ไว้กับเยาวชน เพื่อเป็นเครื่องมือสร้างสันติภาพ
“พระเจ้าข้า โปรดให้ลูกเป็นเครื่องมือแห่งสันติภาพของพระองค์ ที่ใดมีความเกลียดชัง ขอให้ลูกได้หว่านความรัก ที่ใดมีความสิ้นหวัง ขอให้ลูกได้หว่านความหวัง” พระสันตะปาปา ตรัสย้ำ
Sources:

Comments
Post a Comment