โป๊ปย้ำ “อย่าสร้างศาสนจักรด้วยความผิวเผินตามหลักเกณฑ์ทางโลก ซึ่งชอบเรียกร้องผลลัพธ์ในทันที”

  • โป๊ป เลโอ ที่ 14 ทรงย้ำ อย่าสร้างศาสนจักรด้วยความผิวเผินตามหลักเกณฑ์ทางโลก ซึ่งชอบเรียกร้องผลลัพธ์ในทันที แต่เราจะทำอะไรต้องทำแบบให้ลงลึกถึงแก่น และต้องกำจัดสิ่งที่จะขัดขวางเราไม่ให้ไปถึงศิลาที่มั่นคงของพระเยซู
  • ทรงชี้ การที่ศักเคียสผู้มั่งคั่งและมีอำนาจ แต่ยอมปีนต้นไม้เพื่อจะได้เห็นพระเยซู แสดงให้เห็นว่า เขายอมรับข้อจำกัดและเอาชนะความหยิ่งยโสของตน ศักเคียสยอมทำสิ่งที่คนระดับเดียวกันกับเขาไม่ยอมทำเพราะกลัวจะเสียภาพลักษณ์
  • ทรงสอน พันธกิจสำคัญของอาสนวิหารของกรุงโรมคือ “พิธีกรรม” ที่จะเป็นแบบอย่างให้ทุกคน แต่ต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรม และต้องซื่อสัตย์ต่อความสง่างามเรียบง่ายด้วย



ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซา โอกาสวันฉลองการถวายมหาวิหารซานโจวานนี่ อิน ลาเตราโน่ (จอห์น ลาเตรัน) โดยมหาวิหารแห่งนี้ เป็นอาสนวิหารประจำตำแหน่งบิช็อปแห่งกรุงโรม (ซึ่งก็คือพระสันตะปาปา) 


สำหรับบทเทศน์วันนี้ พระสันตะปาปาทรงใช้สัญลักษณ์ของ “อาคาร” และ “การก่อสร้าง” เพื่อไตร่ตรองถึงความหมายของการเป็นศาสนจักรที่มีชีวิต ซึ่ง Pope Report สรุปใจความสำคัญบทเทศน์ของพระสันตะปาปา มาให้ดังนี้


1. ศาสนจักรคือ “ศิลาที่มีชีวิต” ไม่ใช่แค่อนุสาวรีย์


พระสันตะปาปาเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่า ทำไมเราจึงยังเฉลิมฉลองการถวายมหาวิหารแห่งนี้ โดยพระองค์อธิบายว่า “ไม่ใช่แค่เพื่อระลึกถึงประวัติศาสตร์ แต่เพราะมหาวิหารแห่งนี้คือเครื่องหมายของศาสนจักรที่มีชีวิต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เตือนเราว่า เราเองก็เป็น ‘ศิลาที่มีชีวิต’ บนโลกนี้ ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นวิหารฝ่ายจิต”


พระสันตะปาปาย้ำว่า “ชุมชนของศาสนจักร หรือ สังคมของผู้มีความเชื่อ ต่างหากที่มอบโครงสร้างที่มั่นคงที่สุดให้กับมหาวิหารแห่งนี้”


2. “รากฐาน” ที่แท้จริงคือพระเยซูคริสต์


พระสันตะปาปาทรงสอนว่า สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือ “รากฐาน” พระองค์ทรงชื่นชมคนในอดีตที่ “ขุดลึกถึงแก่นแท้” เพื่อวางรากฐานที่มั่นคง ทำให้อาสนวิหารแห่งนี้ยังคงตั้งอยู่ได้


พระองค์ทรงประยุกต์ใช้บทเรียนนี้ว่า “ในฐานะคนงานในศาสนจักรที่มีชีวิต เราเองก็ต้องขุดลงลึกถึงแก่นแท้ไปในตัวเราและรอบตัวเราก่อน ... เราต้องกำจัดวัสดุที่ไม่มั่นคงใดๆ ที่จะขัดขวางเราจากการไปถึงศิลาที่มั่นคงของพระคริสต์”


“ขณะที่เราทำงานอย่างขยันขันแข็งในอาณาจักรของพระเจ้า ขออย่าให้เรารีบร้อนหรือผิวเผิน แต่ขอให้เราขุดให้ลึกถึงแก่น โดยไม่ถูกขัดขวางจากหลักเกณฑ์ทางโลก ซึ่งมักจะเรียกร้องผลลัพธ์ในทันที”


3. บทเรียนจาก “ศักเคียส” ผู้เอาชนะความหยิ่ง


พระสันตะปาปาชี้ว่า พระวรสารในวันนี้ (ลูกา 19:1-10) ให้ความกระจ่างในเรื่องนี้อย่างยิ่ง


“ศักเคียส ชายผู้มั่งคั่งและมีอำนาจ ... เขารู้ว่าเขาเตี้ยเกินไปที่จะมองเห็นพระองค์ เขาจึงตัดสินใจปีนต้นไม้ นี่เป็นท่าทางที่ไม่ปกติและไม่เหมาะสมสำหรับคนในระดับเดียวกับเขา ... แต่การปีนกิ่งไม้หมายความว่า ศักเคียสยอมรับข้อจำกัดของตนเองและเอาชนะความยับยั้งชั่งใจในความเย่อหยิ่งของตน ในการทำเช่นนั้น เขาสามารถพบพระเยซู” พระสันตะปาปาทรงแบ่งปัน


4. ซีน็อตคือ “สถานที่ก่อสร้าง” ที่ต้องไม่ท้อถอย


พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงภาพของ “สถานที่ก่อสร้าง” (Construction Site) ที่มักใช้อธิบายการเดินทางของศาสนจักรในปัจจุบัน รวมถึงเรื่องซีนอด (Synod)


“มันเป็นภาพที่สวยงามที่พูดถึงการลงมือทำ ความคิดสร้างสรรค์ และการอุทิศตน ตลอดจนการทำงานหนักและบางครั้งก็มีปัญหาที่ซับซ้อนที่ต้องแก้ไข สิ่งที่ศาสนจักรได้บ่มเพาะมาตลอดหลายปี ตอนนี้จำเป็นต้องถูกนำไปทดสอบและประเมินผล ‘ในสนามจริง’ นี่หมายถึงการเดินทางที่ยากลำบาก แต่เราต้องไม่ท้อถอย”


“การก่อสร้างอาคารอันตระหง่านที่เราอยู่ในขณะนี้ก็มีช่วงเวลาวิกฤต ความล่าช้า และการเปลี่ยนแปลงแผน ... แต่ด้วยความอุตสาหะของผู้ที่มาก่อนเรา ตอนนี้เราจึงสามารถมารวมตัวกันในสถานที่อันยอดเยี่ยมแห่งนี้ได้” พระสันตะปาปาทรงย้ำ 


5. พันธกิจของอาสนวิหารคือพิธีกรรมที่สง่างามและเรียบง่าย


ช่วงท้าย พระสันตะปาปาทรงย้ำถึงพันธกิจสำคัญของอาสนวิหาร นั่นคือ “พิธีกรรม” ซึ่งเป็นจุดสูงสุด และเป็นแหล่งที่มาของพลังทั้งหมดของศาสนจักร


“การเอาใจใส่ต่อพิธีกรรม โดยเฉพาะที่กรุงโรม ต้องเป็นแบบอย่างให้ทุกคน โดยต้องปฏิบัติตามบรรทัดฐาน และใช้การปรับวัฒนธรรมอย่างชาญฉลาด ขณะเดียวกัน ต้องยังคงซื่อสัตย์ต่อความสง่างามเรียบง่าย (Solemn Sobriety) อันเป็นแบบฉบับของธรรมเนียมโรมัน” พระสันตะปาปาทรงสรุปปิดท้าย


6. ความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรไม่ได้มาจากคุณความดีของเรา 


หลังพิธีมิสซา พระสันตะปาปาได้กลับไปวาติกัน เพื่อนำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร 


ก่อนการภาวนา พระสันตะปาปาแบ่งปันว่า “มหาวิหารลาเตรันคือสัญลักษณ์ของศาสนจักร แต่ ‘สักการสถาน’ (Sanctuary) หรือวิหารที่แท้จริงคือพระคริสต์ (จอห์น 2:13-22) ส่วนพวกเราคือ ‘ศิลาที่มีชีวิต’”


“บ่อยครั้งที่ความอ่อนแอและข้อผิดพลาดของคริสตชนทำให้เรามองไม่เห็นความงดงามของศาสนจักร แต่พระองค์ทรงชี้ว่า ความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักร ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณความดีของเรา แต่เป็นของขวัญจากพระเจ้า ผู้เลือก ‘มือที่สกปรกของมนุษย์’ เป็นภาชนะแห่งการประทับอยู่ของพระองค์ ด้วยความรักที่น่าอัศจรรย์ (พระสันตะปาปายกคำพูดของ คาร์ดินัล โจเซฟ รัตซิงเกอร์ หรือพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 มาย้ำ)” พระสันตะปาปาชาวอเมริกัน แบ่งปัน


Sources:


1) https://www.vatican.va/content/leo-xiv/en/homilies/2025/documents/20251109-dedicazione-basilica-lateranense.html


2) https://www.vatican.va/content/leo-xiv/en/events/event.dir.html/content/vaticanevents/en/2025/11/9/angelus.html 


Comments