“เงียบ เฉียบขาด และจัดระเบียบโรมันคูเรีย” นิยาม 7 เดือนแรกของโป๊ป เลโอ ที่ 14
ผ่านไป 7 เดือนแล้วสำหรับสมณสมัยของ พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ความเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นใน “โรมันคูเรีย” อย่างนิ่งเงียบ แต่ทรงพลัง มันต่างจาก 12 ปีที่ผ่านมาในยุคของ พระสันตะปาปา ฟรานซิส ซึ่งมักจะมีข่าวหลุดจากหอพักซานตา มาร์ธา แต่ในยุคของพระสันตะปาปาชาวอเมริกัน ซึ่งมีพื้นฐานเป็น “นักคณิตศาสตร์” และมีความเงียบจนคนทั่วไปอ่านใจไม่ออก ทำให้ไม่มีใครสามารถเดาได้ว่า พระองค์กำลังจะทำอะไรต่อไป
Pope Report ลองเรียบเรียงข้อมูลจากบรรดานักข่าวสายวาติกันที่เป็น “วงในขั้นสุด” (พวกสายอิตาเลี่ยนที่มีแหล่งข่าวในโรมันคูเรีย) ผมจึงขอสรุปสถานการณ์ 7 เดือนแรกแห่งความเปลี่ยนแปลงมาให้ดังนี้
1) ทำไมความ “เงียบ” ของโป๊ปองค์ใหม่ ถึงน่ากลัวกว่าความ “โผงผาง” ของโป๊ปองค์เก่า
เพื่อจะเข้าใจความกังวลของข้าราชการวาติกัน (โรมันคูเรีย) เราต้องเปรียบเทียบกับสมณสมัยก่อนหน้านี้
สมณสมัยของพระสันตะปาปา ฟรานซิส: ในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา สไตล์ของพระสันตะปาปา ฟรานซิส คือการบริหารแบบ “เปิดเผยและกล้าทดลองสิ่งใหม่”
บรรดาคนทำงานในวาติกันจึงคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะมักจะมี “ข่าวหลุด” ออกมาจากหอพักซานตา มาร์ธา อยู่เสมอ
สมณสมัยของพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14: สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยความที่พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 มีพื้นฐานเป็นนักคณิตศาสตร์และนักกลยุทธ์ บวกกับบุคลิกที่ “เก็บตัวและอ่านใจยาก” ทำให้คนทำงานในวาติกัน “แอบกลัว” ว่าถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง พวกเขาจะรับมือไม่ถูก
ที่บอกว่า คนในวาติกัน “กลัวความเงียบ” ของพระสันตะปาปาเลโอก็เพราะพระองค์ “รับฟังทุกคน” ที่เข้าพบ แต่จะไม่แสดงความคิดเห็นตอบกลับทันที ไม่บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่ และไม่สปอยล์ว่า ใครจะได้รับตำแหน่ง
พระองค์เก็บข้อมูลทั้งหมดกลับไปไตร่ตรองภาวนานานมาก เหมือนการแก้สมการคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน แต่เมื่อคำตอบออกมาแล้ว พระองค์จะสั่งการด้วยความหนักแน่นและเด็ดขาดทันที โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า
หนึ่งในตัวอย่างที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนคือการแก้ปัญหา “ต่างคนต่างทำงาน และไม่คุยกัน” ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดในสมณสมัยของพระสันตะปาปา ฟรานซิส (พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 เคยพูดว่า สมณกระทรวงต่างๆ ทำงานแบบ “ไซโล” (Silo) คือไม่คุยกัน พระองค์จึงสั่งให้มีการประชุมหัวหน้ากระทรวงบ่อยขึ้น เพื่อบังคับให้เกิดความร่วมมือ (Synergy) อย่างจริงจัง
2) เลือกคน Low Profile (ทำตัวเงียบ ไม่หิวแสง) มาเป็นทีมงาน
พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 เลือกผู้ร่วมงานที่มีบุคลิกเหมือนพระองค์ คือ Low Profile (คนทำงานเบื้องหลัง ไม่หิวแสง)
การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ อาร์คบิช็อป ฟิลิปโป้ ยานโนเน่ ซึ่งได้รับเลือกให้มาดำรงตำแหน่งประธานสมณกระทรวงเพื่อบิช็อป ซึ่งตำแหน่งเดิมของ “คาร์ดินัล โรเบิร์ต เพรโวสท์” ก่อนจะได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14
อาร์คบิช็อป ยานโนเน่ เป็นคนเงียบ เก็บตัว และเป็นนักกฎหมายศาสนจักร
อีกคนหนึ่งคือ คุณพ่อ เอ็ดเวิร์ด ดาเนียง ดาเลง เพื่อนสนิทซึ่งเป็นสมาชิกคณะออกัสติเนี่ยนเหมือนกัน คุณพ่อชาวไนจีเรียท่านนี้ ได้รับแต่งตั้งให้เข้ามาทำงานวังพระสันตะปาปา และมาจัดตารางงานและวางระบบคอมพิวเตอร์ให้วังพระสันตะปาปา
3) การปฏิรูปการเงินวาติกัน หนึ่งในสิ่งที่โป๊ปเลโอ อาจจะไม่ “สานต่อ” แนวทางของโป๊ปฟรานซิส
ในแง่เทววิทยาและการอภิบาล พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 อาจจะสานต่อแนวทางของพระสันตะปาปา ฟรานซิส แต่ในแง่การบริหารจัดการ พระองค์กำลังรื้อวิธีการทำงาน “แบบพิเศษ” ที่ พระสันตะปาปา ฟรานซิส เคยวางไว้ และดึงทุกอย่างกลับเข้าสู่ “ระบบปกติ” เช่น
การย้ายงาน “วันเด็กโลก” ซึ่งเคยเป็น “โครงการพิเศษ” และไม่ขึ้นกับใคร พระสันตะปาปา เลโอ สั่งย้ายโครงการนี้ให้ไปสังกัดสมณกระทรวงเพื่อฆราวาส ครอบครัว และชีวิต ที่มี คาร์ดินัล เควิน ฟาร์เรลล์ เป็นประธาน ทั้งนี้ เพื่อให้มีการตรวจสอบและทำงานเป็นระบบเหมือนโครงการอื่นๆ
พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ยังออกกฎว่า APSA (Amministrazione del Patrimonio della Sede Apostolica ซึ่งเปรียบเสมือนกระทรวงการคลัง) ต้องกลับไปใช้โครงสร้างของธนาคารวาติกันเป็นหลักในการลงทุน ห้ามไปใช้ตัวกลางอื่นพร่ำเพรื่อ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าจำเป็นจริงๆ (ในสมัยของพระสันตะปาปา ฟรานซิส พระองค์ให้อิสระในการไปหาธนาคารข้างนอกหรือตัวกลางทางการเงินอื่นๆ ในการลงทุน)
ความหมายของการเปลี่ยนแปลงนี้คือ พระสันตะปาปา เลโอ ต้องการให้ APSA เป็นการรวมศูนย์อำนาจทางการเงินกลับมาไว้ภายใน และลดความเสี่ยงจากตัวกลางภายนอก
และสุดท้ายที่เห็นชัดๆคือ “การเซ็ตซีโร่” กฎพิเศษของมหาวิหารนักบุญเปโตร และมหาวิหารซานตา มารีอา มาจจอเร่
กฏที่ว่าคือพระสันตะปาปา ฟรานซิส จะใช้วิธีตั้ง”กรรมธิการพิเศษ” หรือออกกฎเกณฑ์เฉพาะกิจเพื่อเข้าไปจัดการปัญหาคอร์รัปชั่นหรือความวุ่นวายในมหาวิหารนักบุญเปโตร และมหาวิหารซานตา มารีอา มาจจอเร่ ซึ่งทำให้มหาวิหารทั้งสอง มีสถานะได้รับการยกเว้นจากกฎปกติ
พระสันตะปาปา เลโอ สั่งยกเลิกกฎนี้ทันที และสั่งให้ทั้งสองมหาวิหาร กลับมาอยู่ภายใต้การตรวจสอบตามปกติของสภาเศรษฐกิจของสันตะสำนัก พระองค์ต้องการบอกว่าหมดเวลาของมาตรการฉุกเฉินแล้ว ทุกหน่วยงานต้องกลับมาอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันและการตรวจสอบมาตรฐานเดียวกัน ไม่มีข้อยกเว้นอีกต่อไป
4. เรียกประชุมคณะคาร์ดินัลต้นปีมกราคม 2026
สุดท้าย พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 แจ้งบรรดาคาร์ดินัลแล้วว่า จะมีการจัดประชุมวิสามัญ (Extraordinary Consistory) ในวันที่ 7-8 มกราคม 2026 หลังปิดปีศักดิ์สิทธิ์ เพื่อรับฟังความเห็นของทุกคน นี่คือการเน้นสไตล์การรับฟังทุกคนตามนิสัยของพระองค์นั่นเอง
Sources:
1. https://www.ilfattoquotidiano.it/2025/11/19/leone-prevost-curia-romana-cambiamenti-notizie/8199783/

Comments
Post a Comment