โป๊ปเยือน “นิเชยา” ร่วมฉลอง 1,700 ปีแห่งความเชื่อ ย้ำ “พระเยซูไม่ใช่ซูเปอร์แมน” แต่คือพระเจ้าแท้ที่มารับสภาพมนุษย์
- โป๊ป เลโอ ที่ 14 ประเดิมภารกิจประวัติศาสตร์ ณ เมืองอิซนิก (อดีตเมืองนิเชยา) ประเทศทูร์เคีย สถานที่กำเนิด “บทข้าพเจ้าเชื่อ” และร่วมฉลองครบรอบ 1,700 ปี สังคายนานิเชยา
- ทรงย้ำ อย่าลดทอนพระเยซูให้เป็นแค่ “ผู้นำที่มีบารมี” หรือ “ซูเปอร์แมน” เพราะถ้าพระองค์ไม่ใช่พระเจ้าแท้ มนุษย์ก็ไม่มีทางได้รับความรอดจากบาป
- ทรงเตือนสติ บทข้าพเจ้าเชื่อไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่เป็นเข็มทิศนำทางความเชื่อของคริสตชน หลักคำสอนไม่ใช่ความคิดที่เป็นนามธรรมและหยุดนิ่ง แต่สะท้อนถึงรหัสธรรมของพระคริสต์ ที่มีชีวิตและเติบโตได้อยู่เสมอ
- ทรงให้กำลังใจคริสตชนตุรกี แม้จะเป็น “คนตัวเล็ก” แต่จงภูมิใจที่เป็น “เชื้อแป้ง” ที่ทำให้แป้งทั้งก้อนฟูขึ้น
วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2025 สมเด็จพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ได้เสด็จไปยังเมืองอิซนิก (İznik) หรือในอดีตคือเมืองนิเชยา (Nicaea) ซึ่งเป็นสถานที่จัดสังคายนาของคริสตศาสนาครั้งแรกในค.ศ. 325 เพื่อร่วมพิธีภาวนาคริสตศาสนสัมพันธ์ร่วมกับผู้นำศาสนาคริสต์นิกายต่างๆ โดยช่วงเช้าก่อนหน้าการเยือนเมืองอิซนิก พระสันตะปาปายังได้พบปะกับบรรดาบิช็อป สงฆ์ และนักบวชในทูร์เคีย
สำหรับบทสรุปและเรื่องสำคัญต่างๆ Pope Report เรียบเรียงมาให้ดังนี้
1) พระเยซูไม่ใช่ซูเปอร์แมน แต่เป็นพระเจ้า
ในพิธีภาวนา ณ ซากปรักหักพังของมหาวิหารนักบุญนีโอฟีตอส (สถานที่จัดสังคายนานิเชยา) พระสันตะปาปาได้ตรัสเตือนสติคริสตชนยุคใหม่ที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระเยซู
พระองค์ตรัสอย่างตรงไปตรงมาว่า “คริสตชนเสี่ยงที่จะลดทอนพระเยซูคริสต์ให้เป็นเพียง ‘ผู้นำที่มีบารมี’ หรือ ‘ซูเปอร์แมน’ ... หากเราปฏิเสธความเป็นพระเจ้าของพระคริสต์ ก็เท่ากับเราปฏิเสธความจริงของการรับสภาพมนุษย์”
“สิ่งที่สังคายนานิเชยาต่อสู้เมื่อ 1,700 ปีก่อน และยังคงสำคัญในวันนี้คือความเชื่อที่ว่า พระเจ้าได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์ได้มีส่วนในธรรมชาติของพระเจ้า” พระสันตะปาปาตรัสย้ำ
2) คาทอลิกในทูร์เคีย แสดงให้เห็นพลังของ “คนตัวเล็ก”
ก่อนหน้านั้นในช่วงเช้า พระสันตะปาปาได้พบปะกับบรรดาบิช็อป สงฆ์ และนักบวช ณ อาสวิหารพระจิตในนครอิสตันบูล โดยทรงให้กำลังใจคริสตชนในทูร์เคีย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยท่ามกลางประชากรมุสลิม
“ศาสนจักรในตุรกีเป็นชุมชนเล็กๆ แต่เกิดผลเหมือนเมล็ดพันธุ์และเชื้อแป้ง จงอย่ากลัวเลย ฝูงแกะตัวน้อยๆ พลังที่แท้จริงของศาสนจักรไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินหรืออิทธิพล แต่อยู่ที่ตรรกะแห่งความเล็กน้อย (Logic of littleness) เหมือนเมล็ดมัสตาร์ดที่เล็กที่สุดแต่เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่” พระสันตะปาปาชาวอเมริกันตรัสให้กำลังใจ
3) บทข้าพเจ้าเชื่อไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่เป็นเข็มทิศนำทางความเชื่อของคริสตชน
พระสันตะปาปาได้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่น่ากังวลที่สุดสำหรับ ศาสนจักร ในยุคปัจจุบัน นั่นคือกระแสของสิ่งที่พระองค์ทรงเรียกว่า “ลัทธิอาริอุสยุคใหม่” (New Arianism) ที่แฝงตัวอยู่ในวัฒนธรรมร่วมสมัยและแม้แต่ในหมู่ผู้มีความเชื่อเอง
“สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อพระเยซูถูกชื่นชมในระดับมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นพระเจ้าผู้ทรงชีวิตและเที่ยงแท้ท่ามกลางเราจริงๆ … ความเป็นพระเจ้าของพระองค์ถูกบดบัง และพระองค์ถูกลดทอนสถานะลงให้เป็นเพียงบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ เป็นครูผู้ชาญฉลาด หรือเป็นผู้เผยพระวจนะที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรม แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“ด้วยเหตุนี้ คริสตชนต้องกลับมารื้อฟื้นแก่นแท้ของความเชื่อ เพราะสังคายนานิเชยายังคงถามเราว่า ‘พระเยซูคือใครสำหรับเรา และการเป็นคริสตชนหมายความว่าอย่างไรกันแน่’ บทข้าพเจ้าเชื่อไม่ใช่เพียงสูตรสำเร็จทางหลักคำสอน แต่เป็น ‘เข็มทิศ’ ที่คอยชี้นำความเชื่อและการกระทำของเรา
“ความเชื่อคริสตชนต้องถูกแสดงออกในภาษาและหมวดหมู่ของวัฒนธรรมที่เราอาศัยอยู่เสมอ เช่นเดียวกับที่บรรดาผู้นำศาสนจักรยุคแรกเริ่มที่นิเชยาเคยทำ เพราะหลักคำสอนไม่ใช่ความคิดที่เป็นนามธรรมและหยุดนิ่ง แต่สะท้อนถึงรหัสธรรมของพระคริสต์ ที่มีชีวิตชีวาและเติบโตได้อยู่เสมอ” พระสันตะปาปา ตรัสอย่างหนักแน่นในช่วงท้าย
Sources:

Comments
Post a Comment