โป๊ปสอนนักเรียน “อย่าปล่อยให้เทคโนโลยีใช้งานเรา อย่าปล่อยให้อัลกอริทึมเขียนเรื่องราวชีวิตของเรา”
- โป๊ป เลโอ ที่ 14 ทรงสอนเยาวชนอย่างหนักแน่น “อย่าปล่อยให้อัลกอริทึมเขียนเรื่องราวของเรา จงเป็นผู้เขียนเอง จงใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด แต่อย่าปล่อยให้เทคโนโลยีใช้งานเรา”
- ทรงยกย่อง “นักบุญคาร์โล อาคูติส” เป็นแบบอย่างของนักเรียนนักศึกษาที่ไม่ได้เป็นทาสของอินเทอร์เน็ต แต่ใช้มันเป็นเครื่องมือประกาศพระวรสารอย่างเชี่ยวชาญ
- ทรงชี้ นักเรียนนักศึกษาแต่ละคนคือดวงดาวที่ส่องสว่าง จงร่วมกันสร้าง “กลุ่มดาวแห่งการศึกษา” เพื่อนำทางอนาคตของโลก
- ทรงย้ำ การมีความรู้มากมายไม่เพียงพอ หากเราไม่รู้จักหัวใจตนเอง เราต้องเรียนรู้ที่จะฟัง “หัวใจที่กระสับกระส่าย” ของเรา ซึ่งจะนำเราไปพบพระเจ้า
ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงออกมาพบปะกับบรรดานักศึกษาและเยาวชนจากทั่วโลก โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกการศึกษา ซึ่งจัดในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน
วันนี้ พระสันตะปาปาทรงสอนเรื่องที่ทรงพลังอย่างยิ่งสำหรับเยาวชนในยุคดิจิทัล โดยเรียกร้องให้พวกเขาเป็นเจ้านายของเทคโนโลยี ไม่ใช่เป็นทาส และต้องเป็นผู้เขียนเรื่องราวชีวิตของตนเอง ซึ่งใจความสำคัญทั้งหมด Pope Report เรียบเรียงมาให้ดังนี้
1. จงเป็น ‘ประกาศกในโลกดิจิทัล’ ไม่ใช่ทาสของอัลกอริทึม
ประเด็นสำคัญที่สุดที่พระสันตะปาปาทรงเน้นย้ำกับเยาวชนในวันนี้ คือการเผชิญหน้ากับโลกดิจิทัลอย่างมีสติและมีเป้าหมายทางจิตวิญญาณ พระองค์เตือนพวกเขาอย่างหนักแน่นถึงอันตรายของการปล่อยให้เทคโนโลยีเข้ามาควบคุมชีวิต
พระสันตะปาปาตรัสว่า “อย่าปล่อยให้อัลกอริทึมเขียนเรื่องราวของพวกลูก จงเป็นผู้เขียนเอง จงใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด แต่อย่าปล่อยให้เทคโนโลยีใช้งานเรา ... จงเรียนรู้ที่จะทำให้ดิจิทัลมีมนุษยธรรม สร้างมันให้เป็นพื้นที่แห่งการเป็นพี่น้องกันและความคิดสร้างสรรค์ อย่าให้มันเป็นกรงที่ตัวลูกไว้ในนั้น ... แทนที่จะเป็นนักท่องเที่ยวบนเว็บไซต์ จงเป็นประกาศกในโลกดิจิทัล”
พระสันตะปาปาทรงยก นักบุญคาร์โล อาคูติส ขึ้นมาเป็นแบบอย่างที่ทันสมัยอย่างยิ่งว่า “ท่านเป็นชายหนุ่มที่ไม่ได้กลายเป็นทาสของอินเทอร์เน็ต แต่กลับใช้มันอย่างเชี่ยวชาญเพื่อความดี ... ความคิดริเริ่มของท่านสอนเราว่า โลกดิจิทัลให้การศึกษาได้เมื่อมันไม่ได้ปิดกั้นเราให้อยู่กับตัวเอง แต่เปิดเราสู่ผู้อื่น เมื่อมันไม่ได้วางเราไว้ที่ศูนย์กลาง แต่ชี้นำเราไปสู่พระเจ้าและผู้อื่น”
2. พวกลูกแต่ละคนคือดวงดาว จงร่วมกันสร้าง "กลุ่มดาวแห่งการศึกษา"
ในฐานะอดีตนักศึกษาคณะคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ พระสันตะปาปาทรงใช้ภาพของดวงดาวและกลุ่มดาวมาอธิบายถึงพลังของเยาวชนและการศึกษา เพื่อให้พวกเขาเห็นคุณค่าของตนเองและพลังของการทำงานร่วมกัน
พระสันตะปาปา ตรัสว่า “พวกลูกแต่ละคนคือดวงดาว พวกลูกถูกเรียกมาให้นำทางอนาคต การศึกษานำพาผู้คนมารวมกันเป็นชุมชนที่มีชีวิตชีวาและจัดระเบียบความคิดให้เป็นกลุ่มดาวแห่งความหมาย”
พระสันตะปาปายังให้กำลังใจเยาวชน และขอให้พวกเขาเจริญรอยตาม นักบุญเปียร์จอร์โจ้ ฟราสซาติ ที่สอนให้ทุกคน “มุ่งสู่ที่สูง” (มองขึ้นไปข้างบนเพื่อหาพระเจ้า) และใช้ชีวิตให้เต็มที่ อย่าเป็นแค่ผู้ชม แต่จงลุกขึ้นมาเป็นตัวเอกในประวัติศาสตร์ด้วย
3. โลกก้าวหน้าก็จริง แต่ชีวิตฝ่ายจิตกระสับกระส่าย ใจเราก็ไม่มีความสุข
พระสันตะปาปาชี้ว่า แม้โลกจะก้าวหน้าไปมาก แต่ความท้าทายที่สำคัญที่สุดกลับเป็นการศึกษาเรื่องภายในจิตใจ พระองค์ทรงย้ำว่าการมีความรู้มากมายนั้นไม่เพียงพอ หากเราไม่รู้จักหัวใจของตนเอง
“พ่อคิดว่าเบื้องหลังความทุกข์ทรมาน(ของเยาวชน) ยังมีความว่างเปล่าที่สร้างขึ้นโดยสังคมที่ลืมวิธีที่จะหล่อหลอมมิติทางจิตวิญญาณของบุคคล ... ดังที่นักบุญออกัสตินเขียนไว้ ‘ใจของข้าพเจ้ากระสับกระส่ายจนกว่าจะได้พักผ่อนในพระองค์’ นี่คือความหมายของการศึกษาตนเองเพื่อชีวิตภายใน ที่จะรับฟังความกระสับกระส่ายของเราและไม่หนีจากมัน”
4. การศึกษาเพื่อสันติภาพที่ปลดอาวุธจากใจ
ช่วงท้าย พระสันตะปาปาทรงมอบภารกิจสำคัญอีกประการหนึ่งให้แก่เยาวชน นั่นคือการเป็นผู้สร้างสันติภาพที่เริ่มต้นจากภายในใจ ไม่ใช่แค่การยุติสงครามภายนอก
“มันไม่เพียงพอที่จะทำให้เสียงปืนเงียบลง เราต้องปลดอาวุธหัวใจ สละทิ้งความรุนแรงและความหยาบคายทั้งปวง ด้วยวิธีนี้ การศึกษาที่ทำให้ปลดอาวุธและถูกปลดอาวุธจะสร้างความเท่าเทียมและการเติบโตสำหรับทุกคน” พระสันตะปาปา ทรงสอนทุกคนในตอนท้าย
Source:

Comments
Post a Comment