โป๊ปชี้ พันธกิจธรรมทูตยุคใหม่ อาจไม่ใช่ “ออกเดินทางไปดินแดนห่างไกล” แต่เป็น “ยืนหยัด” ต้อนรับผู้ทุกข์ร้อนที่เข้ามาหาเรา
- โป๊ป เลโอ ที่ 14 ทรงชี้ ภาพจำของธรรมทูตยุคก่อนคือ “ออกเดินทางไปดินแดนห่างไกล” แต่ยุคนี้ ภาพเปลี่ยนไปเป็น “เราต้องยืนหยัด” ต้อนรับผู้ทุกข์ร้อนที่เข้ามาหาเราแบบที่ โป๊ปฟรานซิส ทรงสอน
- ทรงยอมรับ เวลาพระเจ้าเงียบงันต่อเสียงร้องไห้ของเรา มันเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดสุดๆ สิ่งนี้โป๊ป เบเนดิกต์ ที่ 16 สอนเราไว้เช่นกัน แต่เราต้องมีชีวิตด้วยความเชื่อและความหวัง เพราะนี่คือพลังที่จะเปลี่ยนทุกสิ่งได้
ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาปีศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกธรรมทูตและผู้อพยพ ซึ่งจัด ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน
ในส่วนของบทเทศน์ประจำพิธีมิสซา Pope Report เรียบเรียงใจความสำคัญมาให้ดังนี้
1. เวลาพระเจ้าเงียบงันต่อเสียงร้องไห้ของเรา มันเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดสุดๆ
พระสันตะปาปาเริ่มต้นด้วยการยอมรับถึงเสียงร้องแห่งความทุกข์ทรมานในโลกปัจจุบัน ซึ่งเป็นเหมือนเสียงของประกาศกฮาบักกุกที่ตัดพ้อต่อพระเจ้าว่า “เหตุใดพระองค์จึงไม่ทรงเข้ามาแทรกแซง”
พระสันตะปาปาอธิบายว่า “ประเด็นนี้ พ่อขอยกบทไตร่ตรองของพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ที่กล่าวถึงความเงียบงันของพระเจ้า ซึ่งแทงทะลุจิตวิญญาณของผู้ที่กำลังภาวนาว่าเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง คำตอบของพระเจ้าคือความหวัง พระเจ้าตรัสผ่านประกาศฮาบักกุกว่า ‘ความชั่วร้ายจะสิ้นสุดลง และความรอดจะมาถึงอย่างแน่นอน เพราะผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตอยู่โดยความเชื่อของตน’ (ฮบก 2:4) ความเชื่อนี้เองคือพละกำลังที่ดูเหมือนต่ำต้อย ดั่งเมล็ดมัสตาร์ด แต่กลับบรรจุพลังแห่งความรักของพระเจ้าไว้ภายใน และเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้กลายเป็นเครื่องมือแห่งความรอดของพระองค์”
2. ธรรมทูตยุคก่อนคือ “ออกเดินทางไปดินแดนห่างไกล” แต่ยุคนี้ ภาพเปลี่ยนไปเป็น “เราต้องยืนหยัด” ต้อนรับผู้ทุกข์ร้อนที่เข้ามาหาเรา
ภาพจำของคนเป็น “ธรรมทูต” ในสมัยก่อนคือ “ต้องออกเดินทางไกล เพื่อประกาศพระวรสาร” แต่พระสันตะปาปาจากคณะออกัสติเนี่ยน อยากให้เราปรับมุมมองต่อธรรมทูตใหม่ เพราะยุคนี้ ธรรมทูตไม่จำเป็นต้อง “ออกเดินทาง” แต่เรา “ยังคงยืนหยัดอยู่” ในสถานที่ที่เราสามารถประกาศข่าวดีได้
พระสันตะปาปา ตรัสว่า “ในอดีตเรามักจะนึกถึงภาพธรรมทูตที่ต้อง ‘จากไป’ สู่ดินแดนห่างไกล แต่วันนี้พ่ออยากจะบอกว่าเขตแดนของงานธรรมทูตได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะความยากจน ความทุกข์ และความหวังได้เดินทางมาหาเราถึงที่นี่ เรื่องราวของพี่น้องผู้อพยพเป็นประจักษ์พยานถึงความจริงข้อนี้ เรือของพวกเขาที่มุ่งหวังจะพบท่าเรือที่ปลอดภัย และดวงตาของพวกเขาที่เปี่ยมด้วยความหวังและความกังวล จะต้องไม่พบกับความเย็นชาของความเฉยเมยเป็นอันขาด”
“พันธกิจธรรมทูตยุคใหม่จึงไม่ใช่เรื่องของ ‘การจากไป’ มากนัก แต่เป็น ‘การยังคงอยู่’ เพื่อประกาศพระคริสต์ผ่านทางการต้อนรับ ความเมตตาสงสาร และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เหมือนอย่างที่พระสันตะปาปา ฟรานซิส ตรัสสอนพวกเรา” พระสันตะปาปาชาวอเมริกัน ทรงย้ำ
3. ทรงหวังเห็นการเจรจาสันติภาพบรรลุผลโดยเร็ว
หลังมิสซาจบลง พระสันตะปาปาตรัสเรียกร้องสันติภาพในกาซ่า พระองค์บอกว่า “ล่าสุด มีสัญญาณแห่งความหวังเกิดขึ้นในการเจรจาสันติภาพ พ่อหวังว่าจะบรรลุผลที่ต้องการโดยเร็วที่สุด”
นอกจากนี้ พระสันตะปาปายังได้แสดงความใกล้ชิดกับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในประเทศฟิลิปปินส์ และแสดงความกังวลต่อเหตุโจมตีที่เกิดจากความเกลียดชังชาวยิวในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษด้วย
Sources:
2. https://www.vatican.va/content/leo-xiv/en/angelus/2025/documents/20251005-angelus.html

Comments
Post a Comment