โป๊ปเลโอเตือนสตินักบวช “จงรักษาความเรียบง่ายและยากจนของผู้ต่ำต้อย อย่าทำตัวเด่นดังให้ดูเป็นผู้รู้และผู้ฉลาด”
- โป๊ป เลโอ ที่ 14 ยกคำสอนของโป๊ป เปาโล ที่ 6 มาเตือนสตินักบวชผู้ถวายตนให้พระเจ้า “จงรักษาความเรียบง่ายและยากจนของผู้ต่ำต้อยที่สุด แล้วท่านได้สัมผัสถึงการทำงานของพระจิต จงอย่าทำตัวเด่นดังให้ดูเป็นผู้รู้และผู้ฉลาด”
- ทรงสอน นักบวช “ต้องวอนขอการตระหนักรู้ว่า ทุกสิ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า ต้องแสวงหาการเปิดใจผ่านการนบนอบ และต้องเคาะประตูเพื่อวอนขอและมอบพระพรที่พระเจ้ามอบให้เรา เพื่อรับใช้คนอื่น”
- ทรงย้ำ คำตอบของชีวิตที่ถวายตนก็คือ “พระเจ้าคือทุกสิ่งทุกอย่าง”
- ทรงชี้ ความคิดที่ว่าการถวายตนรับใช้พระเจ้าเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ เป็นทัศนคติอันตราย เพราะมันจะนำคนที่คิดแบบนี้ให้เป็น “อัมพาตฝ่ายจิต” เขาจะใช้ชีวิตอยู่กับวันเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์ฉาบฉวย และสุดท้ายจะพบแต่ความว่างเปล่าในชีวิต
ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักบวช (Jubilee of Consecrated Life) ซึ่งจัด ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน
ในส่วนของบทเทศน์ประจำพิธีมิสซา Pope Report เรียบเรียงใจความสำคัญมาให้ดังนี้
1. หัวใจของชีวิตผู้ถวายตนเองให้พระเจ้าคือ “จงวอนขอ แสวงหา และเคาะประตู”
พระสันตะปาปาเริ่มต้นด้วยการเชื่อมโยงพระวรสารนักบุญลูกา (ลูกา 11:9) เข้ากับชีวิตของผู้ถวายตนแด่พระเจ้า โดยอธิบายว่านักบวชคือผู้ที่คุ้นเคยกับการภาวนาเช่นนี้เป็นอย่างดี
พระสันตะปาปาตรัสว่า “แท้จริงแล้ว การวอนขอคือการตระหนักรู้ผ่านทางความยากจนว่า ทุกสิ่งเป็นของประทานจากพระเจ้าและขอบพระคุณสำหรับสิ่งนั้น การแสวงหาคือการเปิดใจผ่านทางการนบนอบ เพื่อค้นพบหนทางที่เราต้องเดินในแต่ละวันบนเส้นทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ตามแผนการของพระเจ้า การเคาะประตูคือการวอนขอและมอบถวายของประทานที่เราได้รับแก่พี่น้องชายหญิงของเราด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ มุ่งมั่นที่จะรักทุกคนด้วยความเคารพและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่”
2. คำตอบของชีวิตที่ถวายตนก็คือ “พระเจ้าคือทุกสิ่งทุกอย่าง”
พระสันตะปาปาย้ำว่า สำหรับนักบวชผู้ถวายตน พระเจ้าคือทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นทั้งพระผู้สร้าง ความรักที่เรียกหา และพละกำลังที่ขับเคลื่อนชีวิต หากปราศจากพระองค์แล้ว ไม่มีสิ่งใดมีความหมาย
พระสันตะปาปาแบ่งปันว่า “สำหรับพวกท่าน สำหรับพวกเรา พระเจ้าคือทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์เป็นทุกสิ่งในรูปแบบที่แตกต่างกัน ในฐานะพระผู้สร้างและบ่อเกิดแห่งชีวิต ในฐานะความรักที่เรียกหาและท้าทาย ในฐานะพละกำลังที่ขับเคลื่อนและดลใจให้เรามอบถวาย หากปราศจากพระองค์ ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ ไม่มีสิ่งใดมีความหมาย ไม่มีสิ่งใดมีคุณค่า”
3. ประจักษ์พยานที่ท้าทายยุคสมัย
พระสันตะปาปายังยอมรับว่าในปัจจุบัน มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่า “การรับใช้พระเจ้าเป็นสิ่งไร้ประโยชน์” ซึ่งเป็นทัศนคติที่อันตราย
พระสันตะปาปาอธิบายว่า “วิธีคิดเช่นนี้นำไปสู่สภาวะอัมพาตฝ่ายจิตวิญญาณอย่างแท้จริง เราลงเอยด้วยการพอใจกับชีวิตที่วันเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยและไม่ต่อเนื่อง และกระแสนิยมที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป สิ่งเหล่านี้ทิ้งความว่างเปล่าไว้ในใจของเรา นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการเพื่อที่จะมีความสุขอย่างแท้จริง”
“ในทางตรงกันข้าม ชีวิตที่ถวายตนคือประจักษ์พยานที่ท้าทายความคิดนี้ โดยผ่านทางแบบอย่างแห่งชีวิตที่ถวายตนของท่าน ท่านสามารถเปรียบได้กับต้นไม้ที่เขียวขจี ซึ่งแผ่ขยายอากาศที่บริสุทธิ์แห่งความรักที่แท้จริงไปทั่วโลก” พระสันตะปาปาตรัส
4. จงรักษาความเรียบง่ายและยากจนของผู้ต่ำต้อยที่สุด อย่าทำตัวเด่นดังให้ดูเป็น “ผู้รู้และผู้ฉลาด”
ในช่วงท้าย พระสันตะปาปาทรงมอบพันธกิจแก่ผู้ถวายตน โดยย้ำว่าสังคายนาวาติกัน ที่ 2 ได้มอบหมายภารกิจเฉพาะแก่พวกเขาในการเป็นพยานถึง “คุณความดีในอนาคต” (Lumen Gentium, 44) ซึ่งหมายถึงการดำเนินชีวิตในโลกนี้โดยมุ่งหน้าสู่ความเป็นนิรันดร์อยู่เสมอ
ตอนท้าย พระสันตะปาปาชาวอเมริกัน ทรงนำสิ่งที่พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 เคยเขียนไว้ มาเตือนสติปิดท้ายว่า “นักบุญพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ได้เขียนถึงนักบวชว่า ‘จงรักษาความเรียบง่ายของผู้ต่ำต้อยที่สุดในพระวรสาร แล้วท่านจะได้สัมผัสกับการกระทำของพระจิตถึงความชื่นชมยินดีอย่างเปี่ยมล้นของผู้ที่ได้เข้าไปสู่ความล้ำลึกแห่งอาณาจักรของพระองค์ อย่าพยายามทำตัวให้ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ‘ผู้รู้และผู้ฉลาด’ แต่จงเป็นคนยากจนอย่างแท้จริง อ่อนโยน กระตือรือร้นเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ เปี่ยมด้วยความเมตตาและมีใจบริสุทธิ์ จงเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่จะนำสันติสุขของพระเจ้ามาสู่โลก”
Source:

Comments
Post a Comment