โป๊ปชี้ พระหรรษทานของพระเจ้าสัมผัสทุกคน แต่มีทั้งคนที่ตอบสนองด้วยการขอบคุณและคนที่เมินเฉย

  • โป๊ป เลโอ ที่ 14 ทรงชี้ พระหรรษทานของพระเจ้าสัมผัสเราทุกคน แต่จะมีคนที่ตอบสนองด้วยการขอบคุณหรือไม่ตอบสนองก็ได้
  • ทรงเตือนสติ อย่าเอาความเชื่อเป็นข้ออ้างเพื่อเกลียดคนอื่น โดยเฉพาะคนจนหรือคนที่แตกต่างจากเรา อย่าทำเหมือนพวกเขาเป็น “คนโรคเรื้อน” ที่น่ารังเกียจและต้องถูกไล่
  • ทรงสอน อย่าให้ของขวัญจากพระเจ้ากลายเป็นเกราะปิดบังความอ่อนแอ โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งสูงๆ ต้องอย่าอวดตัว เพราะถ้าไม่อวดตัว เราจะรู้จักรักคนอื่นแบบไม่มีเงื่อนไขได้มากขึ้น



ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาปิดท้ายปีศักดิ์สิทธิ์แห่งจิตตารมณ์แบบแม่พระ ซึ่งจัด ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน 


ในส่วนของบทเทศน์ประจำพิธีมิสซา Pope Report เรียบเรียงใจความสำคัญมาให้ดังนี้


1. “จงระลึกถึงพระเยซูคริสตเจ้า” คือหัวใจของทุกสิ่ง


พระสันตะปาปาเริ่มต้นบทเทศน์ด้วยการย้ำว่า ความเชื่อและจิตตารมณ์ของคริสตชนต้องมีพระเยซูเป็นศูนย์กลางเสมอ


พระสันตะปาปา ตรัสว่า “นักบุญเปาโลเตือนสติเราว่า ‘จงระลึกถึงพระเยซูคริสต์ ผู้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย’ สิ่งนี้เท่านั้นที่สำคัญ นี่คือสิ่งที่แยกแยะจิตตารมณ์ของมนุษย์ออกจากหนทางของพระเจ้า จิตตารมณ์คริสตชนทุกรูปแบบมาจากไฟนี้และช่วยให้มันคงอยู่ต่อไป”


2. อย่าให้ของขวัญจากพระเจ้ากลายเป็นเกราะปิดบังความอ่อนแอ


พระสันตะปาปาได้หยิบยกเรื่องราวของนาอามาน ชาวซีเรียที่ได้รับการรักษาโรคเรื้อน มาสอนอย่างลึกซึ้ง โดยยกคำสอนของพระสันตะปาปา ฟรานซิส มาแบ่งปัน


พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ตรัสว่า “พระสันตะปาปา ฟรานซิส พบว่าเรื่องราวของนาอามานเป็นสารที่เฉียบคมสำหรับชีวิตของศาสนจักร พระองค์เคยตรัสว่า ‘เกราะของนาอามานที่ทำให้เขาได้รับชื่อเสียง ในความเป็นจริงแล้วกลับปกปิดมนุษยชาติที่เปราะบาง บาดเจ็บ และเป็นโรค เรามักจะพบความขัดแย้งนี้ในชีวิตของเรา บางครั้งของขวัญที่ยิ่งใหญ่คือเกราะที่ปกปิดความอ่อนแออันยิ่งใหญ่’”


“พระเยซูทรงปลดปล่อยเราจากอันตรายนี้ พระองค์ไม่สวมเกราะกำบัง แต่พระองค์บังเกิดและสิ้นพระชนม์อย่างเปลือยเปล่า ... บางที ยิ่งเรามีตำแหน่งให้น่าโอ้อวดน้อยลงเท่าไร ก็ยิ่งชัดเจนว่า ความรักก็ไม่มีเงื่อนไขมากเท่านั้น พระเจ้าคือของประทานที่บริสุทธิ์และพระหรรษทานที่แท้จริง” พระสันตะปาปาทรงย้ำ


3. พระหรรษทานของพระเจ้าสัมผัสเรา แต่ก็มีทั้งคนที่ตอบสนองและไม่ตอบสนอง


พระสันตะปาปาชี้ว่า จิตตารมณ์แบบแม่พระจะนำเราไปหาพระเยซูเสมอ และกระตุ้นให้เราเปลี่ยนแปลงโลกตามแบบอย่างบทเพลงมักนีฟีกัต แต่ในทางกลับกัน พระองค์ก็ทรงเตือนถึงการปฏิบัติความเชื่อแบบผิดๆ


พระสันตะปาปาเตือนว่า “คนโรคเรื้อนในพระวรสารที่ไม่กลับมาขอบคุณพระเจ้า เตือนเราว่า พระหรรษทานของพระเจ้าสามารถสัมผัสเราและไม่ได้รับการตอบสนองได้ ... จงระวัง อย่าเอาความเชื่อมาเป็นข้ออ้างเพื่อไปเกลียดชังคนอื่น โดยเฉพาะคนจนหรือคนที่แตกต่างจากเรา และทำเหมือนว่าเขาเป็น ‘คนโรคเรื้อน’ ที่น่ารังเกียจและต้องถูกขับไล่”


4. ภาวนาเพื่อสันติภาพในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์และยูเครน


หลังจบมิสซาจบลง พระสันตะปาปาทรงทำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว โอกาสนี้ พระองค์ส่งสารแห่งความหวังถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์และยูเครน รวมถึงพื้นที่ต่างๆของโลกดังนี้


พระสันตะปาปาตรัสถึงแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ว่า “ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ข้อตกลงที่จะเริ่มกระบวนการสันติภาพได้จุดประกายแห่งความหวังในแผ่นศักดิ์สิทธิ์ เราวอนขอต่อพระเจ้า โปรดช่วยเราด้วยพระหรรษทานของพระองค์ให้บรรลุสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ กล่าวคือ การมองว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นพี่น้องชายหญิงที่ต้องมอง ให้อภัย และมอบความหวังแห่งการคืนดี”


จากนั้น ทรงกล่าวถึงยูเครนว่า “ด้วยความโศกเศร้า พ่อได้ติดตามข่าวการโจมตีอย่างรุนแรงล่าสุด พ่อขอย้ำคำเรียกร้องของพ่ออีกครั้งให้ยุติความรุนแรง หยุดการทำลายล้าง เปิดใจสู่การเสวนาและสันติภาพ”


สุดท้าย พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงเปรู ด้วยการแสดงความใกล้ชิดกับประชาชนชาวเปรูในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง รวมถึงอิตาลี โอกาสที่วันนี้เป็นวันรำลึกถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากอุบัติเหตุในที่ทำงาน และภาวนาเพื่อความปลอดภัยของคนงานทุกคน


Sources:


1. https://www.vatican.va/content/leo-xiv/en/homilies/2025/documents/20251012-giubileo-spiritualita-mariana.html


2. https://www.vatican.va/content/leo-xiv/en/angelus/2025/documents/20251012-angelus.html 


Comments