โป๊ปย้ำ “ทุกศาสนาต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาสงคราม สิ่งแวดล้อม และสอนให้ใช้ AI ในทางที่ถูกต้อง”

  • โป๊ป เลโอ ที่ 14 ทรงย้ำ ทุกศาสนาต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาสงคราม สิ่งแวดล้อม และสอนให้ใช้ AI ในทางที่ถูกต้องและมีความรับผิดชอบ
  • ทรงสอน การเสวนาระหว่างศาสนาที่แท้จริงต้องเป็นเหมือนการพบปะของพระเยซูกับหญิงชาวสะมาเรีย คือการก้าวข้ามกำแพงของความแตกต่างทั้งศาสนาและวัฒนธรรม เพื่อแสวงหาพระเจ้าร่วมกัน
  • ทรงเตือน อย่าอ้างพระนามของพระเจ้าในทางที่ผิด เราต้องช่วยกันระวังพวกคลั่งศาสนาและพวกที่มีแนวคิดสุดโต่งทางศาสนา
  • Note: ช่วงนี้ ผมมีภารกิจงานค่อนข้างมาก อาจจะไม่ค่อยได้รายงานข่าวเท่าไหร่นะครับ และวันที่ 31 ต.ค. - 3 พ.ย. ต้องเดินทางไปทำงานที่จีน จึงอาจจะไม่ได้รายงานข่าวที่ โป๊ป เลโอ ที่ 14 จะสถาปนา นักบุญจอห์น เฮนรี่ นิวแมน เป็น "นักปราชญ์ของศาสนจักรคาทอลิก" ด้วย







ช่วงสายวันพุธที่ 29 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงออกมาพบปะและสอนคำสอนในการเข้าเฝ้าทั่วไป โดยวันนี้เป็นโอกาสพิเศษ เนื่องจากเป็นการรำลึกครบรอบ 60 ปีแห่งการประกาศใช้แถลงการณ์ของสภาสังคายนาวาติกัน ที่ 2 ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างศาสนจักรคาทอลิกกับศาสนาที่ไม่ใช่ศาสนาคริสต์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “นอสตรา เอตาเต” (Nostra Aetate แปลว่า ในสมัยของเรา) 


Pope Report เรียบเรียงใจความสำคัญจากบทสอนคำสอนของพระองค์มาให้ดังนี้


1. แก่นแท้ของการเสวนาคือการนมัสการด้วยจิตใจและความจริง


พระสันตะปาปาเริ่มต้นด้วยการหยิบยกเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงพบกับหญิงชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำ (จอห์น 4:24) มาเป็นภาพสะท้อนของการเสวนาระหว่างศาสนาที่แท้จริง


พระสันตะปาปา ตรัสว่า “ณ บ่อน้ำแห่งซิคาร์ พระเยซูทรงก้าวข้ามกำแพงแห่งวัฒนธรรม เพศ และศาสนา พระองค์เชื้อเชิญหญิงชาวสะมาเรียให้มีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับการนมัสการพระเจ้า ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง แต่เกิดขึ้นด้วยจิตใจและความจริง ... ช่วงเวลานี้ได้ก่อให้เกิดแก่นแท้ของการเสวนาระหว่างศาสนา นั่นคือการค้นพบการประทับอยู่ของพระเจ้าที่อยู่เหนือขอบเขตทั้งปวง และเชื้อเชิญให้แสวงหาพระองค์ร่วมกันด้วยความเคารพและความถ่อมตน”


2. “60 ปี นอสตรา เอสตาเต” กับ “จุดที่ไม่อาจหวนกลับของความสัมพันธ์คาทอลิก-ยิว”


พระสันตะปาปาทรงย้ำถึงความสำคัญของแถลงการณ์ นอสตรา เอสตาเต ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ.1965 ว่าเป็นเหมือนการ “เปิดขอบฟ้าใหม่” แห่งการพบปะและเคารพซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชากรชาวยิว


“เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของศาสนจักร ที่เอกสารคำสอนเกี่ยวกับรากเหง้าความเป็นยิวของศาสนาคริสต์ได้ก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งในระดับพระคัมภีร์และเทววิทยาแล้ว มันเป็นจุดที่ไม่อาจหวนกลับได้” พระสันตะปาปาทรงกล่าว 


“ศาสนจักรไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยเหตุผลทางการเมือง แต่ขับเคลื่อนความรักทางจิตวิญญาณของพระวรสาร ด้วยเหตุนี้ ศาสนจักรจึงประณามความเกลียดชัง การเบียดเบียน การแสดงออกถึงการต่อต้านชาวยิวที่มุ่งเป้าไปยังชาวยิวในทุกเวลาและโดยบุคคลใดก็ตาม ... และดังนั้น พ่อเองก็ขอยืนยันว่าศาสนจักรไม่ยอมทนต่อการต่อต้านชาวยิวและต่อสู้กับมัน บนพื้นฐานของพระวรสารนั่นเอง”


3. อย่าอ้างนามพระเจ้าในทางที่ผิด จงระวังอันตรายจากลัทธิคลั่งศาสนาและพวกสุดโต่ง


พระสันตะปาปาชี้ว่า 60 ปีให้หลัง คำถามสำคัญสำหรับทุกศาสนาคือ เราจะร่วมมือกันได้อย่างไรในโลกที่เต็มไปด้วยบาดแผล 


พระสันตะปาปา ตรัสว่า “คำตอบนั้นเรียบง่าย เราสามารถลงมือทำร่วมกันได้ พ่อขอเรียกร้องให้ทุกศาสนาร่วมกันเผชิญหน้ากับความท้าทายสำคัญหลายประการ เริ่มจากการเฝ้าระวัง ‘การใช้นามของพระเจ้า ศาสนา และการเสวนาในทางที่ผิด เช่นเดียวกับอันตรายที่เกิดจากลัทธิคลั่งศาสนาและแนวคิดสุดโต่ง” 


ตอนท้าย พระสันตะปาปายังกล่าวถึงความท้าทายจาก AI ว่า “ทุกศาสนาต้องมีส่วนร่วมในการชี้นำเทคโนโลยีอย่างมีมนุษยธรรมและมีความรับผิดชอบ พ่อยังเรียกร้องให้ทุกศาสนาร่วมมือกันจุดประกายความหวังขึ้นมาใหม่ในโลกที่ถูกทำลายโดยสงครามและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่เสื่อมโทรมของเรา ให้เราร่วมมือกัน เพราะถ้าเรารวมเป็นหนึ่ง ทุกสิ่งก็เป็นไปได้”


Source:


- https://www.vatican.va/content/leo-xiv/en/audiences/2025/documents/20251029-udienza-generale.html 


Comments