สัมภาษณ์โป๊ปเลโอ (ตอน 5): โป๊ปเลโอย้ำ การประชุมสมัชชา (Synodality) คือการเปลี่ยนมุมมองจาก “ศาสนจักรที่เป็นชนชั้น” มาเป็น “ศาสนจักรของเรา”
- โป๊ป เลโอ ที่ 14 ย้ำ การประชุมสมัชชา (Synodality) คือการเปลี่ยนมุมมองจาก “ศาสนจักรที่เป็นชนชั้น” มาเป็น “ศาสนจักรของเรา” การประชุมนี้ไม่ใช่การ “ริบอำนาจ” ของบิช็อปหรือสงฆ์ แต่เป็นการเชิญชวนให้ทบทวนถึงความหมายที่แท้จริงของอำนาจในศาสนจักร
- ทรงชี้ ผู้นำที่ดีคือคนที่รวมคนและเดินไปกับพวกเขาได้ ไม่ใช่เดินอยู่คนเดียวและนำใครไม่ได้เลย
- ทรงเตือน จงระวังการตีความพระวรสารเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
- ทรงยืนยัน หน้าที่ของพระสันตะปาปาคือการประกาศข่าวดี และใช้คุณค่าของพระวรสารมาจัดการกับวิกฤตที่เกิดกับสังคม
มาต่อกันตอน 5 กับบทสัมภาษณ์พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ที่ให้สัมภาษณ์กับ เอลิซ แอนน์ อัลเลน นักข่าวสายวาติกันของ “ครักซ์” (Crux)
Pope Report จะเรียบเรียงทั้งหมด 6 ตอน และนี่คือบทสรุปของตอนที่ 5
1. หน้าที่ของพระสันตะปาปาคือ “ประกาศข่าวดี” ไม่ใช่พยายามตัวแก้ปัญหาของโลก
พระสันตะปาปาย้ำว่า บทบาทหลักของพระองค์คือ “การประกาศข่าวดี การเทศน์สอนพระวรสาร ไม่ใช่การพยายามเป็นผู้แก้ไขปัญหาของโลก” พระองค์ชี้ว่า คุณค่าต่างๆ ที่ศาสนจักรใช้ในการจัดการกับวิกฤตการณ์ของโลก “มาจากพระวรสาร” ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการเคารพศักดิ์ศรีของมนุษย์ พระสันตะปาปาย้ำว่า ถ้าพระสันตะปาปาไม่ประกาศข่าวดี มันก็เหมือนเรากำลังเร่ร่อนแบบไร้จุดหมาย เพราะไม่รู้ว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร
หลายคนมองว่า ศาสนจักรคาทอลิกจะมี “เสียงดังพอ” ที่จะให้ทุกคนกลับมาฟังและสนใจได้อีกหรือ แต่เรื่องนี้ พระสันตะปาปามีความหวัง และยกตัวอย่างเยาวชนคนหนุ่มสาวหลายพันคนในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่ถูกมองว่ามีความเป็นฆราวาสสูง (แยกศาสนาออกจากการดำเนินชีวิต) แต่พวกเขากำลังกลับมาแสวงหาการรับศีลล้างบาป เพราะตระหนักว่าชีวิตของพวกเขาว่างเปล่า พวกเขากำลังค้นพบความหมายที่ศาสนจักรมีให้ ซึ่งยืนยันว่าพันธกิจในการประกาศข่าวดีของพระองค์ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
2. จงระวังการตีความพระวรสารเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
พระสันตะปาปามีมุมมองว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาความแตกแยกในยุคนี้ ก็คือ ถ้าเราตีความพระวรสารเป็นอุดมการณ์ แต่ไม่พูดถึงแก่นแท้ของพระวาจาของพระเจ้า เราก็กำลัง “ถูกจองจำและถูกครอบงำ” เพราะอุดมการณ์ต้องการใช้พระวรสารเพื่อผลประโยชน์ของตน
3. การประชุมสมัชชาคือการเปลี่ยนมุมมองจาก “ศาสนจักรที่เป็นชนชั้น” มาเป็น “ศาสนจักรของเรา”
พระสันตะปาปาให้นิยาม “การประชุมสมัชชา” (Synodality) ว่าไม่ใช่กระบวนการทางการเมือง แต่คือ “ทัศนคติ การเปิดใจ และความเต็มใจที่จะเข้าใจ” ซึ่งหมายความว่าสมาชิกทุกคนในศาสนจักร ไม่ว่าจะเป็นสงฆ์ ฆราวาส หรือบิช็อป ต่างก็มีเสียงและบทบาทที่ต้องแสดงออก
พระสันตะปาปาชี้แจงว่า “การประชุมสมัชชาไม่ได้มีไว้เพื่อริบอำนาจของบิช็อปหรือสงฆ์ แต่เป็นการเชิญชวนให้ทบทวนถึงความหมายที่แท้จริงของอำนาจในศาสนจักร เป้าหมายคือการเปลี่ยนมุมมองจากศาสนจักรที่เป็นลำดับชั้นของสถาบัน มาสู่ความรู้สึกของ ‘เราด้วยกัน’ หรือ ‘ศาสนจักรของเรา’ ที่ทุกคนร่วมกันมองหาหนทางที่จะเติบโตและก้าวเดินไปด้วยกัน
ด้วยทัศนคติเช่นนี้ พระสันตะปาปามองว่า นี่คือ “ยาถอนพิษ” สำหรับปัญหาความแตกแยกในโลกปัจจุบัน โดยเป็นหนทางในการจัดการกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราเผชิญอยู่
อย่างไรก็ตาม พระองค์ย้ำว่า นี่ไม่ใช่การพยายามเปลี่ยนแปลงศาสนจักรให้กลายเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย แต่เป็นการเคารพชีวิตของศาสนจักรตามที่เป็น และมุ่งมั่นที่จะ “ทำสิ่งนี้ร่วมกัน”
4. ผู้นำที่ดีคือคนที่รวมคนและเดินไปกับพวกเขาได้ ไม่ใช่เดินอยู่คนเดียวและนำใครไม่ได้เลย
พระสันตะปาปาบอกว่า สไตล์ความเป็นผู้นำของพระองค์ตั้งอยู่บนความเชื่อที่ว่า ผู้นำที่มีประสิทธิภาพคือผู้ที่สามารถนำผู้คนมารวมกันกับพระองค์เองและก้าวไปข้างหน้าด้วยกันได้ ไม่ใช่ผู้นำที่กำลังเดินอยู่ตามลำพังซึ่งไม่ได้กำลังนำใครเลย
ด้วยเหตุนี้เอง พระองค์จึงเห็นว่า การประชุมสมัชชา (Synodality) ได้มอบเครื่องมือชนิดหนึ่ง ได้มอบเวทีที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะมันคือแนวทางที่ช่วยให้สามารถนำผู้คนมาเดินทางร่วมกันได้ ทั้งในศาสนจักรและในโลก
Source:
Comments
Post a Comment