โป๊ปสอน การร้องไห้และร้องเรียกหาพระเจ้าคือที่สุดของการภาวนาเมื่อไม่มีคำพูดใดเหลืออยู่

  • โป๊ป เลโอ ที่ 14 ทรงแบ่งปัน เสียงร้องหาพระบิดาครั้งสุดท้ายบนไม้กางเขน พระเยซูไม่ได้แสดงความสิ้นหวัง แต่มันคือการแสดงความจริงใจและความวางใจในพระเจ้าจนถึงที่สุด แม้ทุกอย่างจะดูเงียบงัน
  • ทรงสอน อย่ามองการร้องไห้คือการปลดปล่อยความเก็บกด เพราะพระวรสารบอกเราว่า การร้องไห้และร้องเรียกหาพระเจ้า คือการภาวนา มันคือที่สุดของการภาวนาเมื่อไม่มีคำพูดใดเหลืออยู่
  • ทรงย้ำ อย่ากลัวที่จะร้องออกมา ถ้ามันเป็นการร้องอย่างจริงใจและถ่อมตัว พระเจ้าจะฟังเราแน่นอน







ในการสอนคำสอนระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานมหาวิหารนักบุญเปโตร เมื่อช่วงสายวันพุธที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงแบ่งปันบทไตร่ตรองที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูบนไม้กางเขน โดยเน้นย้ำถึงความหมายที่เปี่ยมด้วยความหวังจาก “เสียงร้องครั้งสุดท้าย” ของพระองค์


สำหรับใจความสำคัญของบทสอน Pope Report สรุปให้ดังนี้


1. เสียงร้องบนไม้กางเขนไม่ใช่ความสิ้นหวัง แต่คือความจริงใจและความวางใจในพระเจ้าแม้ทุกสิ่งเงียบงัน


พระสันตะปาปาเริ่มต้นด้วยการชี้ว่า พระเยซูไม่ได้สิ้นพระชนม์อย่างเงียบงัน แต่ทรง “ละจากชีวิตไปด้วยเสียงร้อง” ซึ่งเสียงร้องนี้บรรจุทุกสิ่งไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ความเจ็บปวด การถูกทอดทิ้ง ความเชื่อ และการถวายบูชา


พระสันตะปาปาอธิบายว่า แม้แต่เสียงร้องที่ว่า “พระเจ้า เหตุใดพระองค์ทอดทิ้งข้าพเจ้า” ก็ไม่ใช่ภาวะวิกฤตทางความเชื่อ แต่เป็นขั้นสุดท้ายของความรัก


พระสันตะปาปา ตรัสว่า “เสียงร้องของพระเยซูไม่ใช่ความสิ้นหวัง แต่เป็นความจริงใจ เป็นความจริงที่ถูกนำไปจนถึงขีดสุด เป็นความไว้วางใจที่ยังคงอยู่แม้ในยามที่ทุกสิ่งเงียบงัน และในตอนที่ม่านในพระวิหารขาดออก และใบหน้าของพระเจ้าก็สามารถมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์ในพระเยซูที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน”


2. คุณค่าของการร้องไห้คือรูปแบบสูงสุดของการภาวนา เมื่อไม่มีคำพูดใดเหลืออยู่


พระสันตะปาปาสอนว่า เรามักจะมองว่าการร้องไห้ออกมาเป็นสิ่งที่เก็บกด แต่พระวรสารกลับมอบคุณค่ายิ่งใหญ่ให้แก่เสียงร้องของเรา


“มันสามารถเป็นการวิงวอน การประท้วง ความปรารถนา การยอมจำนน มันสามารถเป็นแม้กระทั่งรูปแบบสูงสุดของการภาวนา เมื่อไม่มีคำพูดใดเหลืออยู่ ในเสียงร้องนั้น พระเยซูได้มอบทุกสิ่งที่พระองค์มีเหลือทั้งหมดอยู่ในนั้น มันคือความรักและความหวังทั้งหมดของพระองค์” พระสันตะปาปา อธิบาย


3. จงอย่ากลัวที่จะร้องออกมา ถ้ามันเป็นการร้องอย่างจริงใจและถ่อมตัว พระเจ้าจะฟังเราแน่นอน


พระสันตะปาปา ย้ำว่า การร้องออกมานั้น โดยพื้นฐานแล้วคือการแสดงออกของความหวัง “คนเราจะร้องออกมาเมื่อเชื่อว่ายังมีใครบางคนที่สามารถได้ยิน คนเราไม่ได้ร้องออกมาจากความสิ้นหวัง แต่จากความปรารถนา พระเยซูไม่ได้ทรงร้องต่อว่าพระบิดา แต่พระเยซูร้องออกมาเพื่อวิงวอนขอพระบิดา”


“การร้องออกมาเป็นกิริยาทางจิตวิญญาณ และเป็นหนทางที่จะไม่ยอมจำนนต่อการมองโลกในแง่ร้าย แต่ยังคงเชื่อว่าโลกอีกใบหนึ่งนั้นเป็นไปได้”


“พระเยซูสอนเราว่าอย่ากลัวที่จะร้องไห้ออกมา ตราบใดที่มันเป็นไปอย่างจริงใจ ถ่อมตัว และวอนขอต่อพระบิดา เสียงร้องจะไม่ไร้ประโยชน์เลย ถ้ามันเกิดจากความรัก เสียงร้องจะไม่ถูกเพิกเฉยเลย ถ้ามันถูกส่งไปถึงพระเจ้า”


“หากเสียงร้องของเราเป็นของแท้ (ไม่เสแสร้ง) มันก็สามารถเป็นจุดเริ่มต้นสู่แสงสว่างใหม่ และการเกิดใหม่ เช่นเดียวกับที่มันเกิดกับพระเยซู และเสียงแห่งความทุกข์ของเราที่รวมเป็นหนึ่งกับเสียงของพระคริสต์ ก็จะสามารถกลายเป็นบ่อเกิดแห่งความหวังสำหรับเราและคนรอบข้างได้” พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย


อนึ่ง เมื่อวานนี้ พระสันตะปาปาทรงให้สัมภาษณ์นักข่าวและแสดงความกังวลอย่างมาก เกี่ยวกับประเด็นที่อิสราเอลโจมตีกลุ่มฮามาสที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ นอกจากนี้ พระองค์พยายามโทรศัพท์ไปหา คุณพ่อกาเบรียล โรมาเนลลี่ พ่อเจ้าวัดครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ในกาซ่า หลายครั้ง ตอนแรก พระสันตะปาปาไม่สามารถติดต่อคุณพ่อได้ แต่หลังจากพยายามหลายครั้ง พระสันตะปาปาก็ได้พูดคุยและสอบถามสถานการณ์ในกาซ่า พร้อมทั้งอวยพรทุกคนที่นั่นด้วย


Sources:


1) https://www.v.va/content/leo-xiv/en/audiences/2025/documents/20250910-udienza-generale.html


2) https://www.vaticannews.va/en/pope/news/2025-09/pope-calls-israel-attack-hamas-qatar-very-serious-situation.html 


Comments