โป๊ปสอน การให้อภัยไม่ใช่เพื่อลืมๆมันไป แต่เพื่อไม่ให้ความขุ่นเคืองใจมากำหนดอนาคต

  • โป๊ปเลโอ สอน การให้อภัยไม่ใช่การบอกว่า “ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” แต่มันคือการทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อไม่ให้ความขุ่นเคืองใจเป็นตัวกำหนดอนาคตของ
  • ทรงย้ำ การให้อภัยที่แท้จริง ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายกลับใจ แต่เราต้องเสนอตัวเองก่อน ให้ตัวเองเป็นของขวัญโดยไม่หวังผลตอบแทน



ช่วงสายวันพุธที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงออกมาพบปะและสอนคำสอนในการเข้าเฝ้าทั่วไป ซึ่งจัดในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน วันนี้ พระสันตะปาปาจากคณะออกัสติเนี่ยนทรงนำไตร่ตรองถึงหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าทึ่งและส่องสว่างที่สุดในพระวรสาร นั่นคือช่วงเวลาที่พระเยซูทรงยื่นขนมปังจุ่มแล้วให้แก่ผู้ที่กำลังจะทรยศพระองค์


สำหรับใจความสำคัญของบทสอน Pope Report สรุปมาให้ดังนี้


1. “รักจนถึงที่สุด” คือกุญแจสู่หัวใจของพระเยซู


พระสันตะปาปาเริ่มต้นด้วยการชี้ว่า การกระทำของพระเยซูไม่ใช่แค่การแบ่งปัน แต่มีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น


พระสันตะปาปาตรัสว่า “นักบุญจอห์นบันทึกว่า ‘ระหว่างอาหารค่ำ พระเยซูรู้แล้วว่าเวลาของพระองค์มาถึงแล้ว พระองค์รักพวกเขาจนถึงที่สุด’ (จอห์น 13:1-2) การรักจนถึงที่สุดคือกุญแจในการทำความเข้าใจหัวใจของพระเยซู ความรักที่ไม่สิ้นสุดเมื่อเผชิญกับการถูกปฏิเสธ ความผิดหวัง หรือแม้กระทั่งความอกตัญญู พระเยซูรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่แทนที่จะหนี กล่าวหา(จูดาส) หรือป้องกันตนเอง พระองค์ยังคงรักต่อไป ด้วยการล้างเท้า จุ่มขนมปัง และมอบพระองค์เองเพื่อทุกคน”


2) การให้อภัยที่แท้จริงไม่ต้องรอคอยการกลับใจ


พระสันตะปาปาชี้ว่า การกระทำที่เรียบง่ายและถ่อมตนคือการที่พระเยซูนำความรักของพระองค์ไปให้ทุกคน


“พระเยซูเข้าใจว่าอิสรภาพของอีกฝ่ายหนึ่ง แม้จะหลงหายไปในความชั่วร้าย พระองค์ยังสามารถเข้าถึงพวกเขาได้ด้วยแสงสว่างแห่งการกระทำที่อ่อนโยน เพราะพระองค์ทราบว่าการให้อภัยที่แท้จริงไม่รอคอยการกลับใจ แต่ต้องเสนอตัวเองให้ก่อน ให้ตัวเองเป็นของขวัญโดยไม่หวังผลตอบแทน ให้ก่อนที่จะได้รับการยอมรับ”


พระสันตะปาปาย้ำว่า “ขนมปังชิ้นนั้นคือความรอดของเรา เพราะมันบอกเราว่า พระเจ้าทรงทำทุกสิ่ง ทุกสิ่งอย่างแท้จริง เพื่อที่จะเข้าถึงเรา แม้ในชั่วโมงที่เราปฏิเสธพระองค์”


3) การทรยศสามารถกลายเป็นโอกาสแห่งความรอดได้


พระสันตะปาปายังเชื่อมโยงคำสอนนี้เข้ากับชีวิตประจำวันของเรา ซึ่งเต็มไปด้วยความสัมพันธ์ที่แตกสลายและคำพูดที่ไม่ได้เอ่ยออกมา


พระสันตะปาปา ตรัสว่า “การให้อภัยไม่ได้หมายถึงการปฏิเสธความชั่วร้าย แต่คือการป้องกันไม่ให้เกิดความชั่วอีก มันไม่ใช่การบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คือการทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อให้แน่ใจว่าความขุ่นเคืองใจจะไม่เป็นตัวกำหนดอนาคต”


ตอนท้าย พระสันตะปาปาทรงปิดท้ายด้วยการให้ความหวังที่ทรงพลังว่า “เมื่อจูดาสจากไป มันเป็นเวลากลางคืน แต่ทันใดนั้น พระเยซูกลับตรัสว่า ‘บัดนี้ บุตรแห่งมนุษย์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์แล้ว’ พระเยซูแสดงให้เห็นว่าทุกการทรยศสามารถกลายเป็นโอกาสแห่งความรอดได้ หากมันถูกเลือกให้เป็นพื้นที่สำหรับความรักที่ยิ่งใหญ่กว่า มันไม่ยอมจำนนต่อความชั่วร้าย แต่เอาชนะมันด้วยความดีงาม” 


Source:


- https://www.vatican.va/content/leo-xiv/en/audiences/2025/documents/20250820-udienza-generale.html 


Comments