โป๊ปเลโอสอน “อย่ากลัวที่จะเลือกรักและรับใช้ผู้อื่น แม้โลกจะกระซิบให้เราคิดถึงแต่ตัวเอง”
➡️ โป๊ป เลโอ ที่ 14 สอน อย่ากลัวที่จะเลือกชีวิตเลย ซึ่งก็คือการเลือกที่จะรักและรับใช้คนอื่น แม้เสียงทางโลกจะบอกมันดูเสี่ยงและไม่รอบคอบ และมีเสียงกระซิบว่า “จะไปยุ่งยากทำไม ปล่อยมันไปเถอะ คิดถึงผลประโยชน์ของตัวเองดีกว่า”
➡️ ทรงเตือนถึงอันตรายของความเชื่อที่ “แก่ตัวลง” เพราะความสะดวกสบายทางวัตถุและความพอใจในตนเอง จะนำไปสู่ความตายในรูปแบบของการยอมจำนน การบ่นไปเรื่อย และความเฉยชา
ช่วงสายวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาสมโภชแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ ซึ่งจัดที่วัดนักบุญโทมัสแห่งวิลลาโนว่า คาสเตลกันดอลโฟ
สำหรับใจความสำคัญของบทเทศน์ประจำมิสซา Pope Report สรุปให้ดังนี้
1. การกลับคืนชีพไม่ใช่เรื่องของอนาคต แต่เกิดขึ้นแล้ววันนี้
พระสันตะปาปาสอนว่า “การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซู ไม่ใช่เรื่องในอดีตหรือความหวังไกลตัวในอนาคต แต่มันกำลังเกิดขึ้นจริงและส่งผลต่อชีวิตของเราในปัจจุบันนี้ … แม้ในโลกทุกวันนี้ดูเหมือนเต็มไปด้วยเรื่องของความตายและความสิ้นหวัง แต่พลังชีวิตของพระเจ้าสามารถเอาชนะสิ่งเหล่านั้นได้ เราจะมองเห็นชัยชนะนี้ได้ผ่านทางการช่วยเหลือกันแบบพี่น้องและการร่วมมือร่วมใจกัน ซึ่งเกิดขึ้นจริงๆ รอบตัวเรา”
พระสันตะปาปา ทรงชี้ว่า “บทเพลงมักนีฟีกัตของแม่พระคือบทเพลงที่เสริมสร้างความหวังให้แก่ผู้ถ่อมตน และแสดงให้เห็นว่าคำสัญญาของพระเจ้ากำลังสำเร็จเป็นจริงท่ามกลางความทุกข์ยาก … เราจะเห็นว่าไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้สำหรับพระเจ้า”
2. อันตรายของความเชื่อที่ “แก่ตัวลง”
พระสันตะปาปายังได้เตือนถึงอันตรายของความเชื่อที่ “แก่ตัวลง” พระองค์ตรัสว่า “สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อเรายึดติดกับตัวเองมากเกินไป ยึดติดอยู่กับความสะดวกสบายทางวัตถุ และมโนธรรมของเราเริ่มด้านชา เมื่อความเชื่ออ่อนแอลง ความตายก็จะเข้ามาในชีวิตของเราในรูปแบบต่างๆ เช่น การยอมจำนน การบ่นว่า การโหยหาอดีต และความกลัว แทนที่จะปล่อยวางสิ่งเก่าๆ เรากลับยึดติดและหันไปพึ่งพาผู้ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ ซึ่งบ่อยครั้งก็นำไปสู่การดูถูกคนยากจน”
อย่างไรก็ตาม พระสันตะปาปาชี้ว่า “ศาสนจักรที่แท้จริงกลับมีชีวิตและได้รับการฟื้นฟูจากสมาชิกที่เปราะบางที่สุด ไม่ใช่จากผู้มีอำนาจ พร้อมกันนี้ พระองค์ทรงยกย่องว่า “ความชื่นชมยินดีของศาสนจักร” ในปัจจุบันนี้คือ ชุมชนคริสตชนที่ยากจนและถูกเบียดเบียน ผู้ที่เป็นประจักษ์พยานถึงความอ่อนโยนและการให้อภัยในพื้นที่ขัดแย้ง และผู้สร้างสันติและผู้สร้างสะพานในโลกที่แตกสลาย
3. “จงอย่ากลัวที่จะเลือกชีวิต”
ช่วงท้าย พระสันตะปาปาทรงเชื่อมโยงการที่แม่พระทรงรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์เข้ากับชีวิตของเราโดยตรง โดยตรัสว่านี่คือ “ชะตากรรมของเราเอง และเป็นเครื่องหมายว่าเราก็สามารถมีชัยเหนือความตายได้เช่นกัน แต่สิ่งนี้เรียกร้องการตัดสินใจ”
“อย่าได้กลัวที่จะเลือกชีวิตเลย (เลือกที่จะรักและรับใช้ผู้อื่น) มันอาจดูเสี่ยงและไม่รอบคอบ เสียงมากมายกระซิบว่า ‘จะไปยุ่งยากทำไม ปล่อยมันไปเถอะ คิดถึงผลประโยชน์ของตัวเองดีกว่า’ แต่สิ่งเหล่านี้คือเสียงของความตาย”
พระสันตะปาปาทรงปิดท้ายด้วยคำสอนที่ทรงพลังว่า “เราคือศิษย์ของพระคริสต์ ความรักของพระองค์คือสิ่งที่ขับเคลื่อนเรา เป็นสิ่งที่แผ่ขยายชีวิต ชัยชนะของเราเหนือความตายเริ่มต้นที่นี่และเดี๋ยวนี้” Source: https://www.vatican.va/content/leo-xiv/en/homilies/2025/documents/20250815-omelia-castelgandolfo.html

Comments
Post a Comment