โป๊ปเตือนสติ อย่าเสพสื่อโซเชียลมากไป จนอยากปลีกตัวและไม่คุยกับใคร
- โป๊ปเลโอ เตือนสติ เราต้องระวังการเสพสื่อโซเชียลมากไป จนอยากปลีกตัวและไม่คุยกับใคร อาการแบบนี้เหมือน “โรคบูลิเมียแห่งการเชื่อมต่อทางโซเชียลมีเดีย” ที่ผู้ป่วยมีอาการอยากอาหารอย่างหนัก แต่พอกินเข้าไปเยอะๆแล้ว รู้สึกผิดต้องหาทางขับมันออกจากร่างกาย
- ทรงตีความคำว่า “เอฟฟาธา” (จงเปิดออก) ของพระเยซูว่า ไม่ใช่แค่การเปิดหูและปาก แต่เป็นการเชื้อเชิญให้มนุษย์เปิดใจออกสู่โลก ความสัมพันธ์ และชีวิตที่เคยหวาดกลัวหรือผิดหวัง
ในการสอนคำสอนระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไปเมื่อวันพุธที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงแบ่งปันบทไตร่ตรองจากพระวรสารนักบุญมาร์โก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูรักษาชายที่เป็นใบ้หูหนวก พระสันตะปาปาทรงใช้เหตุการณ์นี้ เพื่อบอกเล่าเกี่ยวกับสภาวะป่วยไข้ทางจิตวิญญาณของยุคสมัยปัจจุบัน ซึ่งความรุนแรง ความเกลียดชัง และการถูกถล่มด้วยข้อมูลข่าวสาร ทำให้หลายคนอยากจะ “ปิดสวิตช์” ตัวเองออกจากโลก
สำหรับใจความสำคัญของบทสอน Pope Report สรุปมาให้ดังนี้
1. ระวังเสพสื่อโซเชียลมากไป จนทำให้อยาก "ปิดสวิตช์" ตัดขาดจากโลกและไม่คุยกับใคร
พระสันตะปาปาเริ่มต้นด้วยการวินิจฉัยว่าโลกของเรากำลังป่วยไข้จาก “โรคบูลิเมียแห่งการเชื่อมต่อทางโซเชียลมีเดีย” (Bulimia of social media connections) ซึ่งบูลิเมียเป็นโรคที่คนป่วยจะอยากอาหารแบบผิดปกติ แต่เมื่อกินเข้าไปแล้ว จะรู้สึกผิดและต้องหาวิธีขับอาหารนั้นออกมา
พระสันตะปาปาต้องการจะโรคนี้อธิบายถึงวัฒนธรรมดิจิทัลที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งมีการเสพข้อมูลมากเกินไปจนนำไปสู่ความต้องการที่จะปลีกตัวและตัดขาดจากความสัมพันธ์ที่แท้จริง
“เราคอนเน็กท์ (เชื่อมต่อ) กันตลอดเวลา เราถูกถล่มด้วยรูปภาพ ซึ่งบางครั้งก็เป็นภาพลวงตาหรือการบิดเบือน เราได้รับข้อความนับไม่ถ้วนที่ปลุกปั่นพายุแห่งอารมณ์ที่ขัดแย้งกันภายในตัวเรา”
“ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงเป็นไปได้ที่ภายในตัวเราจะเกิดความต้องการที่จะปิดสวิตช์ทุกอย่าง เราอาจจะเลือกที่จะไม่รู้สึกอะไรอีก ซึ่งนำไปสู่การขังตัวเองอยู่ในความเงียบและตัดขาดการสื่อสาร แม้จะอยู่ใกล้ชิดกันก็ตาม” พระสันตะปาปา ทรงแบ่งปัน
2. “เอฟฟาธา” (จงเปิดออก) นี่คือการเยียวยาด้วยความใกล้ชิด
พระสันตะปาปาทรงอธิบายถึงวิธีการรักษาของพระเยซูว่าเปี่ยมด้วยความหมาย “พระเยซูทรงนำชายผู้นั้นออกไปจากฝูงชน เพื่อสร้างบรรยากาศของความใกล้ชิดสนิทสนม และทรงใช้การสัมผัสที่หูและลิ้นของเขา เป็นการแสดงออกถึงการพบปะที่ลึกซึ้งก่อนที่จะตรัสกับเขาเพียงคำเดียวว่า ‘เอฟฟาธา’ ซึ่งหมายถึง จงเปิดออก”
“นี่เป็นคำเชิญที่ลึกซึ้งราวกับว่าพระเยซูตรัสกับเขาว่า ‘จงเปิดออกตัวเองออกสู่โลกที่ทำให้ท่านหวาดกลัว จงเปิดตัวเองออกสู่ความสัมพันธ์ที่ทำให้ท่านผิดหวัง จงเปิดตัวเองออกสู่ชีวิตที่ท่านได้ยอมแพ้ที่จะเผชิญหน้า เพราะการปิดตัวเองนั้น แท้จริงแล้วไม่เคยเป็นทางออกเลย” พระสันตะปาปาตรัสสอน
3. การรู้จักพระเยซู ไม่มีทางลัด มันต้องเดินผ่านทางกางเขนของพระองค์เท่านั้น
พระสันตะปาปาตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากได้รับการรักษาแล้ว ชายผู้นั้นไม่เพียงแต่พูดได้ แต่เขาสามารถพูดได้อย่าง “ชัดเจน” ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าก่อนหน้านี้ความเงียบของเขาเกิดจากการรู้สึกว่าตนเองพูดจาไม่ถูกต้องหรือรู้สึกไม่ดีพอ
พระสันตะปาปาตั้งข้อสังเกตว่า “เราทุกคนต่างเคยมีประสบการณ์ว่า การถูกเข้าใจผิดเป็นอย่างไร การรู้สึกว่าไม่มีใครรับฟังเราอย่างแท้จริงเป็นอย่างไร”
อย่างไรก็ตาม พระสันตะปาปาจากคณะออกัสติน ทรงชี้ให้เห็นถึงคำสั่งของพระเยซูที่ห้ามชายผู้นั้นไม่ให้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ลึกซึ้ง
“การจะรู้จักพระเยซูอย่างแท้จริง เราต้องเดินทางให้ครบถ้วน เราต้องอยู่กับพระองค์และต้องผ่านพระมหาทรมานของพระองค์ด้วย เมื่อเราได้เห็นพระเยซูผู้ถูกทำให้อัปยศและทนทุกข์ เมื่อเราได้สัมผัสถึงพลังแห่งความรอดจากกางเขนของพระองค์แล้ว เมื่อนั้นเราจึงจะสามารถกล่าวได้ว่าเรารู้จักพระองค์อย่างแท้จริง ไม่มีทางลัดสู่การเป็นศิษย์ของพระเยซู”
พระสันตะปาปาปิดท้ายด้วยการเชิญชวนทุกคนให้วอนขอพระเจ้า เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้ที่จะสื่อสารด้วยความซื่อสัตย์และความรอบคอบ พร้อมกันนี้ พระองค์ยังภาวนาเพื่อทุกคนที่ “เคยเจ็บปวดจากคำพูดของผู้อื่น” และเพื่อศาสนจักรให้สามารถปฏิบัติภารกิจในการนำผู้คนไปพบพระเยซูเพื่อรับการเยียวยาจากพระวาจาของพระเจ้า
Source:
- https://www.vatican.va/content/leo-xiv/en/audiences/2025/documents/20250730-udienza-generale.html
Comments
Post a Comment