“พระสันตะปาปา ฟรานซิส โปรดภาวนาเพื่อเราจากสวรรค์”

  • คาร์ดินัล โจวานนี่ บัตติสต้า เร หัวหน้าคณะคาร์ดินัล สดุดี พระสันตะปาปา ฟรานซิส พร้อมขอพระองค์โปรดภาวนาเพื่อพวกเราจากสวรรค์ด้วย 
  • ชื่นชม วิสัยทัศน์ของพระสันตะปาปา ฟรานซิส คือการประกาศข่าวดีด้วยการทำให้ศาสนจักรคาทอลิก กลายเป็น “โรงพยาบาลสนาม” ที่ต้อนรับผู้ยากไร้และผู้อ่อนแอของสังคม
  • ยกย่อง พระสันตะปาปา ฟรานซิส เป็นผู้เลี้ยงแกะที่ใกล้ชิดฝูงแกะจนวาระสุดท้ายของชีวิต แม้ป่วยและไม่สบาย แต่ยังอยากมาอยู่และอวยพรประชากรของพระเจ้า

Photo: Vatican Media


ช่วงสายวันเสาร์ที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา คาร์ดินัล โจวานนี่ บัตติสต้า เร หัวหน้าคณะคาร์ดินัล เป็นประธานในพิธีมิสซาปลงศพพระสันตะปาปา ฟรานซิส ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางผู้นำประเทศต่างๆ และประชาชนที่มาร่วมกว่า 250,000 คน


สำหรับใจความสำคัญของบทเทศน์ประจำมิสซา มีดังต่อไปนี้


1. ผู้เลี้ยงแกะผู้ใกล้ชิดประชากรจนถึงวาระสุดท้าย


คาร์ดินัล เร เทศน์ด้วยการยกพระวรสารที่พระเยซูทรงมอบหน้าที่ให้เปโตรเป็นผู้เลี้ยงแกะ มาแบ่งปันว่า “แม้จะเปราะบางและต้องทนทุกข์ในช่วงสุดท้าย พระสันตะปาปา ฟรานซิสก็เลือกเดินบนเส้นทางแห่งการมอบตนจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตบนโลก พระองค์เดินตามรอยพระเยซู ผู้เลี้ยงแกะที่ดี”


“ภาพสุดท้ายของพระองค์ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของเราคือวันอาทิตย์ปาสกาที่ผ่านมา เมื่อพระสันตะปาปา ฟรานซิส แม้จะมีปัญหาสุขภาพอย่างหนัก แต่พระองค์ยังอยากจะออกมาอวยพรพวกเราจากระเบียงมหาวิหารนักบุญเปโตร จากนั้น พระองค์ก็ลงมายังลานหน้ามหาวิหารเพื่อทักทายฝูงชนมหาศาลด้วยรถโป๊ปโมบิล”


คาร์ดินัล เร ยังรำลึกถึงการเลือกใช้พระนาม “ฟรานซิส” ว่า “เป็นสัญญาณชัดเจนถึงแนวทางอภิบาลและสไตล์ที่พระองค์ต้องการให้สมณสมัยตั้งอยู่บนแรงบันดาลใจจากนักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซี”


2. เปิดกว้างต่อทุกคนและใส่ใจเครื่องหมายแห่งกาลเวลา


คาร์ดินัล เร ยังบอกอีกว่า “ด้วยบุคลิกและรูปแบบการอภิบาลของพระสันตะปาปา ฟรานซิส พระองค์สร้างตราประทับในงานบริหารศาสนจักรทันที ด้วยการเป็นพระสันตะปาปาท่ามกลางประชากรของพระเจ้าด้วยหัวใจที่เปิดกว้างต่อทุกคน โดยเฉพาะคนชายขอบและผู้ต่ำต้อยที่สุดในสังคม แต่ขณะเดียวกันก็เป็นพระสันตะปาปาที่ใส่ใจเครื่องหมายแห่งกาลเวลาและสิ่งที่พระจิตกำลังปลุกในศาสนจักร”


“พระสันตะปาปา ฟรานซิส ใช้คำพูดและภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ พระองค์มุ่งส่องสว่างปัญหาของยุคสมัยด้วยภูมิปัญญาแห่งพระวรสาร เชิญชวนคริสตชนให้ดำเนินชีวิตแห่งความเชื่อท่ามกลางความท้าทายและความขัดแย้ง ซึ่งพระองค์มักเรียกว่า การเปลี่ยนผ่านยุคสมัย”


3. การประกาศข่าวดีเป็นหัวใจของวิสัยทัศน์พระสันตะปาปา ฟรานซิส


คาร์ดินัล เร อธิบายว่า “การประกาศข่าวดีเป็นหัวใจของวิสัยทัศน์ของพระสันตะปาปา ฟรานซิส โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของศาสนจักรในฐานะ ‘โรงพยาบาลสนาม’ คือศาสนจักรที่ออกไปดูแลบาดแผลของโลก พระองค์เน้นย้ำพันธกิจต่อผู้อพยพและผู้ลี้ภัย เช่น การเดินทางไปลัมเปดูซ่า, เลสบอส และชายแดนสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก ซึ่งสะท้อนความเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ทุกข์ยาก”


“ท่าทีและคำเรียกร้องของพระองค์เพื่อผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นนับไม่ถ้วน พระองค์เน้นย้ำการทำงานเพื่อคนยากจนอย่างต่อเนื่อง”


ในบรรดาการเดินทาง 47 ครั้ง คาร์ดินัล เร เน้นการเยือนอิรัก ซึ่งเป็นทั้ง “ยาหล่อเลี้ยงจิตใจด้านอภิบาล” และการเรียกร้องให้เกิดการเสวนาระหว่างศาสนา ส่วนการเดินทางของพระองค์มักพาไปยังพื้นที่ขอบสุดของโลก โดยเฉพาะการเยือนเอเชีย-โอเชียเนียในปี 2024 ที่ขยายขอบเขตของศาสนจักรไปสู่ชายขอบที่สุด 


4. เน้นความเมตตาและกระหายหาสันติภาพ


คาร์ดินัล เร ยังเน้นถึงการเน้นความเมตตาอย่างต่อเนื่องของพระสันตะปาปา ฟรานซิส โดยเฉพาะการประกาศปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม ในปีค.ศ. 2016 และการเรียกร้อง “วัฒนธรรมแห่งการพบปะ” เพื่อต่อต้าน “วัฒนธรรมทิ้งขว้าง”


พระสันตะปาปา ฟรานซิส ยังเรียกร้องให้เกิดความเป็นพี่น้องกันอย่างชัดเจนซึ่งสะท้อนความปรารถนาในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและสันติภาพของโลก 


ในยุคแห่งความรุนแรงและสงคราม เสียงของพระสันตะปาปา ฟรานซิส โดดเด่นในฐานะเสียงเรียกร้องสันติภาพ โดยย้ำเสมอว่า “สงครามคือความพ่ายแพ้ของมนุษยชาติ” ซึ่งทันทีที่ คาร์ดินัล เร กล่าวสิ่งนี้ออกไป ฝูงชนที่ร่วมพิธีได้ปรบมืออย่างกึกก้อง


5. พระสันตะปาปา ฟรานซิส โปรดภาวนาเพื่อเราจากสวรรค์


“พระสันตะปาปา ฟรานซิส มักใช้การจบการพบปะว่า ‘อย่าลืมสวดให้พ่อด้วยนะ’ ตอนนี้ พระองค์ได้ผ่อนอย่างสงบในอ้อมแขนพระเจ้า พระสันตะปาปา ฟรานซิส ที่รัก บัดนี้ พวกเราขอวิงวอนให้พระองค์ภาวนาเพื่อเรา ขอพระองค์อวยพรศาสนจักร อวยพรกรุงโรม และอวยพรโลกทั้งใบจากสวรรค์ เหมือนที่พระองค์ทำเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วจากระเบียงมหาวิหารนี้ ด้วยอ้อมกอดสุดท้ายแก่ประชากรของพระเจ้า และต่อมวลมนุษยชาติที่แสวงหาความจริงด้วยใจจริงและถือคบเพลิงแห่งความหวัง” คาร์ดินัล เร เทศน์ปิดท้าย


หลังมิสซาจบลง ได้มีพิธีอัญเชิญพระศพของพระสันตะปาปา ฟรานซิส จากมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ไปยัง มหาวิหารซานตา มารีอา มาจจอเร่ โดยขบวนรถเคลื่อนตามเส้นทางประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า “เส้นทางพระสันตะปาปา” (Papal Way)

เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดียวกับที่พระสันตะปาปาในยุคกลางใช้เดินทาง โดยปกติจะขี่ม้า จากมหาวิหารนักบุญเปโตรหลังพิธีสถาปนาเป็นผู้สืบตำแหน่งนักบุญเปโตร ไปยังมหาวิหารซานโจวานนี่ อิน ลาเตราโน่

ครั้งสุดท้ายที่มีการอัญเชิญพระศพพระสันตะปาปาตามเส้นทางนี้คือปี ค.ศ.1924 เมื่อโลงศพของพระสันตะปาปา เลโอที่ 13 ถูกอัญเชิญจากมหาวิหารนักบุญเปโตรไปยังมหาวิหารซานโจวานนี่ อิน ลาเตราโน่ ตามพระประสงค์ของพระองค์ ซึ่งขณะนั้นพระสันตะปาปามีพระชนมายุ 93 ชันษา


Source:


- https://press.vatican.va/content/salastampa/it/bollettino/pubblico/2025/04/26/0281/00506.html#ome

Comments