โป๊ปฟรานซิสเปรียบ “ซีโมนแห่งกาลิลี” พูดแต่ไม่ทำ ส่วน “ซีโมนแห่งไซรีน” ทำแต่ไม่พูด

  • โป๊ปฟรานซิส เปรียบ “ซีโมนแห่งกาลิลี” พูดแต่ไม่ทำ ส่วน “ซีโมนแห่งไซรีน” ทำแต่ไม่พูด
  • ทรงแบ่งปัน ซีโมนแห่งไซรีนช่วยพระเยซูแบกกางเขน เพราะถูกบังคับ ไม่ได้ช่วยเพราะความเชื่อ แต่กลับกัน นี่คือบทสอนว่า กางเขนของคนอื่นบางทีก็อาจมาอยู่บนเส้นทางของเรา และมันได้ทำให้ ซีโมนแห่งไซรีน กลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์แห่งความรอด
Photo: Vatican Media


ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปา ฟรานซิส ทรงมอบหมายให้ คาร์ดินัล เลโอนาร์โด้ ซานดรี้ เป็นประธานในมิสซาวันอาทิตย์ใบลาน ณ ลานหน้ามหาวิหานักบุญเปโตร วาติกัน บทเทศน์ประจำมิสซานี้ มาจากพระสันตะปาปา ฟรานซิส โดยคาร์ดินัลซานดรี้ เป็นผู้อ่านแทนพระองค์


Pope Report สรุปประเด็นสำคัญของบทเทศน์มาให้ดังนี้


1. “ซีโมนแห่งกาลิลี” พูดแต่ไม่ทำ “ซีโมนแห่งไซรีน” ทำแต่ไม่พูด


พระสันตะปาปาระบุในบทเทศน์ว่า “ขอให้เรามองเข้าไปในหัวใจของซีโมนแห่งไซรีนและติดตามรอยเท้าของเขาเคียงข้างพระเยซู”


“การกระทำของซีโมนแห่งไซรีน มีสองนัยยะ หนึ่ง เขาถูกบังคับให้แบกกางเขน เขาไม่ได้ช่วยพระเยซูด้วยความเชื่อแต่ช่วยเพราะถูกบังคับ อีกด้านหนึ่ง เขากลับมีส่วนร่วมในพระทรมานของพระเจ้าเป็นการส่วนตัว กางเขนของพระเยซูกลายเป็นกางเขนของซีโมน เขาไม่ใช่ซีโมนที่ถูกเรียกว่าเปโตร ผู้ซึ่งสัญญาว่าจะติดตามอาจารย์ตลอดเวลา ซีโมนคนนั้นหายไปในคืนแห่งการทรยศ … คนที่ติดตามพระเยซูตอนนี้ไม่ใช่สาวกคนนั้น แต่เป็นชายจากไซรีนคนนี้ พระเยซูสอนไว้อย่างชัดเจนว่า ‘ถ้าผู้ใดต้องการจะตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตนเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวันและตามเรามา’ (ลูกา 9:23) ซีโมนแห่งกาลิลีพูดแต่ไม่ทำ ซีโมนแห่งไซรีนทำแต่ไม่พูด”


2. ซีโมนแห่งไซรีนช่วยหรือเกลียดพระเยซู แต่ที่แน่ๆ เขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์แห่งความรอด 


“หากเราอยากรู้ว่าซีโมนแห่งไซรีนช่วยหรือเกลียดพระเยซู … เราต้องมองเข้าไปในหัวใจของเขา เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในหัวใจของซีโมน ขอให้เราจินตนาการตัวเองอยู่ในสถานการณ์ของเขา เราจะรู้สึกโกรธหรือสงสาร เห็นอกเห็นใจหรือรำคาญพระเยซู เมื่อเราคิดถึงสิ่งที่ซีโมนทำเพื่อพระเยซู เราควรคิดถึงสิ่งที่พระเยซูทำเพื่อซีโมนด้วย สิ่งที่พระองค์ทำเพื่อเราแต่ละคน พระองค์ทรงไถ่โลก กางเขนไม้ที่ซีโมนแห่งไซรีนแบกคือกางเขนของพระคริสต์ ผู้ซึ่งทรงแบกบาปของมนุษยชาติทั้งมวล พระองค์ทรงแบกพวกมันด้วยความรักต่อเรา ในการเชื่อฟังพระบิดา (ลูกา 22:42) พระองค์ทรงทนทุกข์กับเราและเพื่อเรา ในวิธีที่ไม่คาดคิดและน่าประหลาดใจนี้ ซีโมนแห่งไซรีนกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์แห่งความรอด ซึ่งไม่มีใครเป็นคนแปลกหน้า”


3. บางทีกางเขนของคนอื่น ก็อาจมาอยู่บนเส้นทางของเรา เหมือนอย่างที่ซีโมนได้พบเจอ


“ขอให้เราติดตามรอยเท้าของซีโมน เพราะเขาสอนเราว่าพระเยซูเสด็จมาพบทุกคน ในทุกสถานการณ์ … ซีโมนแห่งไซรีนเป็นเพียงไม่กี่คนในยุคของเราที่แบกกางเขนของพระเยซูบนบ่าของพวกเขา … ขอให้เราตัดสินใจว่าเราควรแบกกางเขนของเราเองอย่างไรในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์นี้ ถ้าไม่ใช่บนบ่าของเรา ก็ในหัวใจของเรา และไม่เพียงแต่กางเขนของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกางเขนของผู้ที่ทุกข์ทรมานรอบตัวเราด้วย บางทีอาจเป็นกางเขนของคนแปลกหน้าที่โชคชะตาได้วางไว้บนเส้นทางของเรา ขอให้เราเตรียมตัวสำหรับธรรมล้ำลึกปัสกาของพระเจ้าโดยการที่เราแต่ละคนกลายเป็นซีโมนแห่งไซรีนสำหรับกันและกัน” บทเทศน์พระสันตะปาปาสรุปในตอนท้าย


หลังมิสซาจบลง พระสันตะปาปา ฟรานซิส ได้ออกมาทักทายผู้ร่วมมิสซาวันอาทิตย์ใบลานที่มหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน พระองค์ตรัสด้วยเสียงที่ยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซนต์ว่า “สุขสันต์วันอาทิตย์ใบลาน และขอให้มีสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ที่เปี่ยมด้วยพระพร”


จากนั้น พระสันตะปาปาได้ผ่านประตูศักดิ์สิทธิ์ และไปภาวนาหน้าหลุมศพนักบุญเปโตร พระองค์ยังไปภาวนาหน้าหลุมศพนักบุญปีโอ ที่ 10 และปิดท้ายด้วย หลุมศพพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 15 อีกด้วย


Sources:


1. https://www.vatican.va/content/francesco/en/homilies/2025/documents/20250413-omelia-palme.html


2. https://www.vatican.va/content/francesco/en/angelus/2025/documents/20250413-angelus.html

Comments