โป๊ปเตือนสติ ทหารและตำรวจ อย่าเสียคนเพราะหลงใหลในอำนาจและสงคราม
- โป๊ปฟรานซิส ถวายมิสซาปีศักดิ์สิทธิ์ให้ทหารและตำรวจ พร้อมเตือน อย่าเสียคนเพราะหลงในอำนาจและสงคราม
- ทรงขอโทษทุกคนที่วันนี้เทศน์ต่อไม่ไหว เพราะ “หายใจลำบาก” จนต้องให้ผู้ช่วยมาอ่านบทเทศน์แทน
![]() |
Photo: Vatican Media |
ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พระสันตะปาปา ฟรานซิส ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาปีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจัดให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายรักษาความปลอดภัยจากประเทศต่างๆ พิธีนี้จัดที่ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน
พระวรสารมิสซานี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูเห็นคนจำนวนมากมาฟังพระองค์ แต่พื้นที่จำกัด พระเยซูเห็นเรือจอดอยู่ริมฝั่ง จึงขึ้นเรือและไปนั่งเทศน์สอนจากตรงนั้น
พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ ด้วยการสรุปเป็น 3 หัวข้อคือ พระเยซูทรงเห็นเรือที่จอดอยู่ ทรงขึ้นเรือ และประทับนั่งบนเรือเพื่อเทศน์สอนจากบนนั้น
1. พระเยซูทรงเห็นเรือที่จอดอยู่: เห็นคนอื่นด้วยสายตาที่เมตตา
“พระเยซูมีสายตาที่หยั่งรู้ แม้ท่ามกลางฝูงชน พระองค์ทรงเห็นความทุกข์ของแต่ละคน ทรงเห็นความผิดหวังบนใบหน้าชาวประมงที่ทำงานทั้งคืนโดยไม่ได้ผลอะไรเลย ดังนั้น เราต้องอย่าลืมสิ่งเหล่านี้ นั่นคือ ความเมตตาของพระเจ้า มันคือท่าทีสามประการ ความใกล้ชิด ความเมตตา และความอ่อนโยน พระเยซูรับรู้ถึงความท้อแท้และความผิดหวังของพวกเขาหลังจากทำงานทั้งคืนแต่จับปลาไม่ได้ หัวใจของพวกเขาว่างเปล่าเหมือนอวนที่พวกเขาลาก”
อย่างไรก็ตาม หลังจากอ่านประโยคนี้จบลง พระสันตะปาปาทรงกล่าวว่า “ขออภัย ตอนนี้ พ่อจะขอให้ผู้ช่วยพ่ออ่านต่อ เพราะพ่อหายใจลำบาก”
สาเหตุของการหายใจลำบาก เป็นเพราะพระสันตะปาปาทรงป่วยด้วยอาการ “หลอดลมอักเสบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา” นั่นเอง
2. พระเยซูทรงขึ้นเรือ: การลงมือปฏิบัติ
“เครื่องแบบของท่าน วินัยที่หล่อหลอมท่าน ความกล้าหาญที่เป็นเอกลักษณ์ของท่าน คำปฏิญาณที่ท่านให้ไว้ ทั้งหมดนี้เตือนท่านถึงความสำคัญไม่เพียงแค่การเห็นความชั่วเพื่อรายงาน แต่ยังต้องขึ้นเรือที่กำลังถูกพายุซัดและทำงานเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่เกยตื้น เพราะนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของท่านในการรับใช้ความดี เสรีภาพ และความยุติธรรม”
3. พระเยซูประทับนั่งบนเรือเพื่อเทศน์สอน: การประทับอยู่อย่างมั่นคง
“การปรากฏตัวของท่านในเมืองและย่านต่างๆ เพื่อรักษากฎหมายและความสงบ และการยืนเคียงข้างผู้ไร้ที่พึ่ง สามารถเป็นบทเรียนสำหรับพวกเราทุกคน สิ่งนี้สอนว่า ความดีสามารถชนะทุกสิ่ง”
จากนั้น พระสันตะปาปาทรงให้ข้อคิดต่อไปว่า
4. หน้าที่ของสงฆ์จิตตาภิบาลกองทัพ
“ในการทำงานนี้ ท่านมีคุณพ่อจิตตาภิบาลอยู่เคียงข้าง แต่งานของจิตตาภิบาลไม่ใช่อย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่อวยพรการกระทำอันชั่วร้ายของสงคราม แต่จิตตาภิบาลต้องอยู่ในฐานะการประทับอยู่ของพระคริสต์ ผู้ปรารถนาจะเดินเคียงข้างท่าน เพื่อรับฟังและเห็นอกเห็นใจ เพื่อให้กำลังใจท่านให้ออกเดินทางใหม่เสมอ และสนับสนุนท่านในการรับใช้ประจำวัน ในฐานะแหล่งที่มาของการสนับสนุนด้านศีลธรรมและจิตวิญญาณ พวกท่านอยู่เคียงข้างท่านทุกย่างก้าวและช่วยท่านปฏิบัติภารกิจในแสงสว่างของพระวรสารและในการแสวงหาประโยชน์ส่วนรวม
5. เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และรักษาความปลอดภัย ระวังเสียคนเพราะหลงใหลในอำนาจ
“พ่อขอร้องท่าน โปรดระวัง ระวังการล่อลวงที่จะบ่มเพาะจิตวิญญาณแห่งสงคราม ระวังอย่าถูกหลอกด้วยภาพลวงของอำนาจและเสียงคำรามของอาวุธ ระวังอย่าให้ถูกวางยาพิษด้วยการโฆษณาชวนเชื่อที่ปลูกฝังความเกลียดชัง แบ่งโลกเป็นมิตรที่ต้องปกป้องและศัตรูที่ต้องทำลาย”
Source:
Comments
Post a Comment