โป๊ปขอร้องศาสนจักร อย่าลืมคนยากจน อย่าให้ความคิด “เราช่วยอะไรไม่ได้หรอก” มาครอบงำเรา
โป๊ปฟรานซิส ขอร้องศาสนจักร อย่าลืมคนยากจน อย่าให้ความคิดที่ว่า “ชีวิตก็แบบนี้แหละ” หรือ “ก็เราช่วยอะไรไม่ได้หรอก” มาครอบงำความคิดที่อยากช่วยเหลือคนอื่น เพราะถ้าคริสตชนคิดแบบนั้น เราจะอยู่ในโลกที่บูชาเงินและการบริโภค และถูกชักจูงด้วยความคิดว่า “คนยากจนไม่มีทางเลือกหรอก เขาต้องรอไปก่อน”
ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปา ฟรานซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาวันเพื่อผู้ยากไร้ ซึ่งจัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน พระวรสารมิสซานี้ พระเยซูตรัสอุปมาว่า “ในวันเหล่านั้นเมื่อทุกขเวทนาผ่านไปแล้ว ดวงอาทิตย์จะมืดไป ดวงจันทร์จะไม่ทอแสง ดวงดาวจะตกจากท้องฟ้า และอานุภาพบนท้องฟ้าจะสั่นสะเทือน”
พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า “พระวาจาที่เราเพิ่งได้ยินอาจปลุกความวิตกกังวล แต่ที่จริงแล้วมันเป็นการประกาศความหวังที่ยิ่งใหญ่ … ในชั่วโมงแห่งความมืดและโดดเดี่ยว เมื่อทุกสิ่งดูเหมือนจะพังทลาย พระเจ้าเสด็จมา พระเจ้าทรงรวบรวมเราเข้าด้วยกันเพื่อช่วยเราให้รอด … ในวันผู้ยากไร้สากล ให้เราหยุดพิจารณาความจริงสองประการที่สู้กันเสมอบนสนามรบแห่งหัวใจของเรา นั่นคือ ความวิตกกังวลและความหวัง”
“ประการแรก ความวิตกกังวล ความรู้สึกวิตกกังวลแพร่หลายในยุคของเรา เนื่องจากสื่อสังคมขยายปัญหาและบาดแผล ทำให้โลกไม่มั่นคงมากขึ้นและอนาคตไม่แน่นอนมากขึ้น … ถ้าเราจำกัดสายตาของเราไว้ที่การเล่าเรื่องของเหตุการณ์ เราปล่อยให้ความวิตกกังวลมีชัยชนะ … การทำเช่นนั้น เราตัดสินตัวเองให้ไร้พลัง เราลื่นไหลเข้าสู่วิธีคิดแบบยอมจำนนของผู้ที่ถูกผลักดันด้วยความสะดวกสบายหรือความเกียจคร้าน คิดว่า ‘นั่นคือชีวิต’ และ ‘ฉันทำอะไรไม่ได้’ ความเชื่อคริสตชนจะถูกลดทอนให้เป็นความศรัทธาที่ไม่เป็นอันตราย ที่ไม่รบกวนผู้มีอำนาจและไม่สามารถสร้างความมุ่งมั่นอย่างจริงจังต่อความรัก ในขณะที่ส่วนหนึ่งของโลกถูกตัดสินให้อยู่ในสลัมของประวัติศาสตร์ ในขณะที่ความไม่เท่าเทียมเติบโตและเศรษฐกิจลงโทษผู้อ่อนแอที่สุด ในขณะที่สังคมอุทิศตัวให้กับการบูชารูปเคารพของเงินและการบริโภค มันเกิดขึ้นว่าคนยากจนและคนชายขอบไม่มีทางเลือก นอกจากต้องรอต่อไป”
“ความเป็นพี่น้องกันตามแบบคริสตชน ไม่ใช่เรื่องของการโยนเงินใส่มือของคนที่ต้องการ สำหรับผู้ที่ทำบุญให้ทาน พ่อขอสองสิ่ง ‘ท่านสัมผัสมือของผู้คนหรือท่านโยนเงินให้พวกเขาโดยไม่สัมผัสพวกเขา ท่านมองเข้าไปในดวงตาของคนที่ท่านช่วยหรือท่านมองไปทางอื่นไหม’”
“ประการที่สอง ในฐานะศิษย์ของพระเยซู เราสามารถหว่านความหวังในโลกนี้ผ่านพลังของพระจิต เราคือผู้ที่ต้องทำให้พระหรรษทานของพระองค์ส่องแสงผ่านชีวิตที่เต็มไปด้วยความเมตตากรุณาและความรัก ที่กลายเป็นเครื่องหมายของการประทับอยู่ของพระเจ้า ใกล้ชิดกับความทุกข์ทรมานของคนยากจนเสมอเพื่อรักษาบาดแผลของพวกเขาและเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกเขา”
“ในวันผู้ยากไร้สากล พ่ออยากแบ่งปันคำเตือนจากคาร์ดินัล (คาร์โล) มาร์ตินี่ ท่านยืนยันว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการพิจารณาศาสนจักรแยกจากคนยากจน ราวกับว่าศาสนจักรดำรงอยู่เป็นความจริงอิสระที่ต้องดูแลคนยากจนในภายหลัง ความจริงคือเรากลายเป็นศาสนจักรของพระเยซูในขอบเขตที่เรารับใช้คนยากจน เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ศาสนจักรกลายเป็นตัวเอง นั่นคือ ศาสนจักรกลายเป็นบ้านที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน สถานที่แห่งความเมตตากรุณาของพระเจ้าสำหรับชีวิตของทุกคน”
“พ่อพูดสิ่งนี้กับศาสนจักร กับรัฐบาล และกับองค์กรระหว่างประเทศ พ่อพูดกับทุกคน ‘ได้โปรด อย่าให้เราลืมคนยากจน’”
หลังจากมิสซาจบลง พระสันตะปาปาทรงนำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว และจากนั้น พระองค์ทรงเลี้ยงอาหารเที่ยงผู้ยากไร้กว่า 1,300 คนภายในหอประชุมเปาโล ที่ 6 โดยพระองค์นั่งร่วมโต๊ะทานอาหารอย่างเป็นกันเองกับพวกเขาด้วย
Sources:
2. https://www.vatican.va/content/francesco/en/angelus/2024/documents/20241117-angelus.html
Comments
Post a Comment