โป๊ปฟรานซิส ย้ำผู้ฟังแก้บาปไม่ใช่จิตแพทย์ จงพูดให้น้อย จงฟังและให้อภัยเยอะๆ
- โป๊ปฟรานซิส ย้ำบรรดาผู้โปรดศีลอภัยบาป เราไม่ใช่จิตแพทย์ ดังนั้น จงพูดให้น้อย แต่จงฟัง ปลอบโยน และให้อภัยให้มากที่สุด
- ทรงสอน จะเป็นผู้โปรดศีลอภัยบาปที่ดีได้ เราต้องสำนึกในบาปผิดของตัวเองก่อน ต้องถ่อมตน พฤติกรรมเหล่านี้จะสะท้อนในการภาวนาและการกระทำของตัวเรา
- ทรงชี้ คนที่มาแก้บาป เขาสำนึกผิดในบาปแล้ว เขาถึงมาหาเราด้วยถ่อมตน ดังนั้น จงมีเมตตาต่อพวกเขา เพราะเราคือคนแจกจ่ายการให้อภัยของพระเจ้า
![]() |
Photo: Vatican Media |
ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา พระสันตะปาปา ฟรานซิส ทรงต้อนรับคณะผู้โปรดศีลอภัยบาปของวาติกันที่มาเข้าเฝ้า โอกาสครบรอบ 250 ปีของการมอบหมายพันธกิจการรับศีลอภัยบาป ณ มหาวิหารนักบุญเปโตรให้แก่คณะฟรานซิสกัน ซึ่งได้ดูแลพันธกิจนี้มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1774
ในส่วนของพระดำรัส พระสันตะปาปาทรงเน้นกับพวกเขา 3 เรื่อง ได้แก่ ความถ่อมตน การรับฟัง และความเมตตา
พระสันตะปาปาตรัสว่า “การเป็นผู้โปรดศีลอภัยบาปที่ดี พ่อขอยกตัวอย่างของนักบุญเปโตรมาแบ่งปัน ท่านนักบุญเรียนรู้ความถ่อมตนผ่านความล้มเหลวส่วนตัวและการแสวงหาการให้อภัย เราต้องมองตนเองเป็นผู้สำนึกผิดในบาปที่ทำก่อน โดยแสวงหาพระเมตตาของพระเจ้าเสมอ ความถ่อมตนนี้ควรสะท้อนในคำภาวนาและการกระทำของพวกท่าน”
“เรื่องที่สองคือการรับฟัง เวลาโปรดศีลอภัยบาป ขอให้ท่านฟังอย่างตั้งใจและเปี่ยมด้วยความเห็นอกเห็นใจ โดยเฉพาะกับเยาวชนและผู้เปราะบาง จำไว้ว่า ผู้ฟังแก้บาปไม่ใช่จิตแพทย์ ดังนั้น ยิ่งพูดน้อย ยิ่งดี เพียงแค่ฟัง ปลอบโยน และให้อภัย นี่คือคำแนะนำของพ่อ”
“การรับฟังไม่ใช่แค่การได้ยินสิ่งที่ผู้คนพูด แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการรับคำพูดของพวกเขาเป็นของขวัญจากพระเจ้าเพื่อการกลับใจของตน”
“เรื่องที่สามคือความเมตตา ผู้โปรดศีลอภัยบาปต้องมีความเมตตา เห็นอกเห็นใจ และอ่อนโยนต่อผู้มาแก้บาป โดยตระหนักว่าผู้ที่แก้บาปนั้นถ่อมตนด้วยบาปของพวกเขาแล้ว”
“ในฐานะผู้แจกจ่ายการให้อภัยของพระเจ้า สำคัญที่จะต้องเป็นบุรุษแห่งความเมตตา ผู้เปล่งรัศมีใจกว้าง พร้อมที่จะเข้าใจและปลอบโยน ทั้งในคำพูดและการกระทำ … ผู้ฟังแก้บาปต้องใกล้ชิด เปี่ยมเมตตา และเห็นอกเห็นใจเหมือนพระเจ้า ความใกล้ชิด ความเมตตา และความเห็นอกเห็นใจ คือใบหน้าทั้งสามของพระเจ้า”
“จงให้อภัยในทุกสิ่งเสมอ เพราะเราอยู่ที่นี่(ห้องแก้บาป)เพื่อการให้อภัย ส่วนคนอื่นๆ ก็ปล่อยให้เขาถกเถียงกันไปเถอะ” พระสันตะปาปาตรัสอย่างอารมณ์ดีในตอนท้าย
Source:
Comments
Post a Comment