โป๊ปฟรานซิส: ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนเป็นพระหรรษทานจากพระเจ้า เราคาดเดาไม่ได้ว่า จะเกิดเมื่อไหร่

  • โป๊ปฟรานซิส อธิบาย ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนเป็นพระหรรษทานจากพระเจ้า คนที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นคือพระจิต เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนจะเกิดเมื่อไหร่
  • ทรงชี้ ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนไม่ใช่ว่าเราต้องเป็นเหมือนกันหมด แต่มันคือความกลมกลืนท่ามกลางความหลากหลายที่แตกต่างกัน
  • ทรงย้ำ น่าละอายมากๆที่คริสตชนเหมือนกัน แต่ดันแบ่งแยกกันเอง นี่คือความล้มเหลวในการเป็นประจักษ์พยานยืนยันถึงพระเยซู

Photo: Vatican Media

ค่ำวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา พระสันตะปาปา ฟรานซิส ทรงเป็นประธานในพิธีภาวนาตื่นเฝ้าเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชน ซึ่งจัด ณ ลานมรณสักขียุคแรกของกรุงโรม ภายในวาติกัน พิธีนี้ มีผู้แทนคริสตชนนิกายอื่นๆ มาร่วมงานด้วย พร้อมกับผู้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาบิช็อปคาทอลิก (Synod-ซีน็อต) 


ในพิธีนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวให้ข้อคิดเกี่ยวกับความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนทุกนิกาย โดยย้ำว่า ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนคือพระหรรษทาน สิ่งนี้ เราคาดเดาไม่ได้เลยว่า จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และจะเกิดด้วยวิธีการใด, ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนคือการเดินทางไปด้วยกัน และความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนไม่ใช่ว่าเราต้องเป็นเหมือนกันหมด แต่มันคือความกลมกลืนท่ามกลางความหลากหลายที่แตกต่างกัน


พระสันตะปาปาตรัสว่า “ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนและการก้าวเดินไปด้วยกันมีความเชื่อมโยงกัน อันที่จริง เส้นทางแห่งการก้าวเดินไปด้วยกันคือสิ่งที่พระเจ้าคาดหวังจากศาสนจักรในสหัสวรรษที่สาม และต้องเป็นเส้นทางที่คริสตชนทุกคนต้องเดิน การเดินทางแห่งการก้าวเดินไปด้วยกัน เป็นและต้องเป็นความเป็นหนึ่งเดียวกัน … ของขวัญแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันมีลักษณะอย่างไร ประสบการณ์ของการก้าวเดินไปด้วยกันกำลังช่วยให้เราค้นพบลักษณะบางประการของของขวัญนี้”


“(ประการแรก) ความเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นพระหรรษทาน เป็นของขวัญที่ไม่คาดคิด พวกเราไม่ใช่แรงขับเคลื่อนของมัน แต่แรงขับเคลื่อนที่แท้จริงคือพระจิต ผู้นำเราไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกันที่ยิ่งใหญ่ขึ้น … พระวรสารบอกเราว่า ในคำอธิษฐานอันยิ่งใหญ่ของพระเยซู ‘พระองค์เงยพระพักตร์ขึ้นสู่สวรรค์’ ความเป็นหนึ่งเดียวกันไม่ได้มาจากโลกเป็นหลัก แต่มาจากสวรรค์ นี่คือของขวัญที่เราไม่สามารถคาดการณ์เวลาและวิธีการได้”


“บทเรียนอีกประการหนึ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากกระบวนการซีน็อตคือ ความเป็นหนึ่งเดียวกันคือการเดินทาง มันเติบโตขึ้นทีละน้อยขณะที่ก้าวไปข้างหน้า มันเติบโตผ่านการรับใช้ซึ่งกันและกัน ผ่านการสนทนาของชีวิต ผ่านความร่วมมือของคริสตชนทุกคนที่ทำให้ลักษณะของพระคริสต์ผู้รับใช้ปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น”


“บทเรียนที่สามคือ ความเป็นหนึ่งเดียวกันคือความกลมกลืน ซีน็อตกำลังช่วยให้เราค้นพบความงามของศาสนจักรในความหลากหลายของใบหน้าของมัน ดังนั้น ความเป็นหนึ่งเดียวกันจึงไม่ใช่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือผลของการประนีประนอมหรือการถ่วงดุลอำนาจกัน ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนคือความกลมกลืนท่ามกลางความหลากหลายของพระพรที่พระจิตทรงปลุกขึ้นเพื่อการเสริมสร้างคริสตชนทุกคน”


“ท้ายที่สุด เช่นเดียวกับการประชุมซีน็อต ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเป็นประจักษ์พยานของพวกเขา ความเป็นหนึ่งเดียวกันมีไว้เพื่อพันธกิจ ‘เพื่อให้เขาทั้งหลายเป็นหนึ่งเดียวกัน... เพื่อโลกจะได้เชื่อ’ (จอห์น 17:21)”


“ก่อนที่จะเริ่มการประชุมนี้ เราได้เฉลิมฉลองพิธีกรรมแห่งการกลับใจ วันนี้ด้วย เราแสดงออกถึงความละอายของเราต่อความอื้อฉาวแห่งการแบ่งแยกในหมู่คริสตชน ความอื้อฉาวแห่งความล้มเหลวของเราในการเป็นประจักษ์พยานร่วมกันถึงพระเจ้า การประชุมซีน็อตเป็นโอกาสที่จะทำสิ่งที่ดีกว่า เพื่อเอาชนะกำแพงที่ยังคงมีอยู่ระหว่างเรา ขอให้เรามุ่งเน้นไปที่พื้นฐานร่วมกันของศีลล้างบาปที่เราได้รับร่วมกัน ซึ่งกระตุ้นให้เราเป็นศิษย์ธรรมทูตของพระคริสต์ ด้วยพันธกิจร่วมกัน โลกต้องการการเป็นประจักษ์พยานร่วมกันของเรา โลกต้องการให้เราซื่อสัตย์ต่อพันธกิจร่วมกันของเรา” พระสันตะปาปาตรัสในตอนท้าย


Source:


- https://www.vatican.va/content/francesco/en/homilies/2024/documents/20241011-omelia-veglia-ecumenica.html 


Comments