โป๊ปย้ำความเห็นอกเห็นใจไม่ใช่แค่การให้เงินคนจน ขณะที่เรานั่งมองพวกเขาจากบนหอคอย

โป๊ปฟรานซิส ให้ข้อคิดบรรดาบิช็อป สงฆ์ นักบวช ผู้ฝึกหัด และครูคำสอนของอินโดนีเชีย

  • การประกาศข่าวดีคือการแบ่งปันเรื่องพระเยซูให้คนอื่นฟังด้วยความเคารพอย่างสูง ไม่ใช่ไปบังคับคนอื่นต้องรับความเชื่อของเราหรือนำความเชื่อเราไปขัดแย้งกับความเชื่อของคนอื่น
  • ทรงสอน พันธกิจของครูคำสอนคือการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน สร้างสะพานแห่งหัวใจที่เชื่อมคนเข้าด้วยกัน
  • ทรงย้ำ ความเห็นอกเห็นใจไม่ใช่แค่การให้เงินคนจน ขณะที่เรานั่งมองพวกเขาจากบนหอคอย แต่มันคือการโอบกอดผู้ขัดสนและผลักดันเพื่อความยุติธรรมให้เขา
  • ทรงชี้ บางคนกลัวที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจออกมา แต่เลือกรักษาระยะห่าง ไม่เข้าไปช่วยเหลือและไม่ให้ตัวเองต้องเข้าไปข้องเกี่ยว เพราะคำนวณแล้วว่าผลประโยชน์ส่วนตัวต้องมาก่อน วิธีแบบนี้ มักจะจบลงด้วยการทำลายความเป็นหนึ่งเดียวกันของสังคม


Photo: Vatican Media



ช่วงบ่ายวันพุธที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปา ฟรานซิส เสด็จไปพบบรรดาบิช็อป สงฆ์ นักบวช ผู้ฝึกหัด และครูคำสอนของอินโดนีเชีย งานนี้จัดที่อาสนวิหารแม่พระแห่งอัสสัมชัญ กรุงจาการ์ต้า โดยช่วงเช้าก่อนหน้านี้ พระสันตะปาปาเสด็จไปพบ โจโก วีโดโด ประธานาธิบดีของอินโดนีเชีย เจ้าหน้าที่ภาครัฐและนักการทูตต่างๆ โดยทรงเรียกร้องให้ผู้นำทางการเมืองส่งเสริมความอดทนอดกลั้นและต่อสู้กับความสุดโต่ง


ในส่วนของรายละเอียดการพบกับบรรดาศาสนบริกรเหล่านี้ ช่วงเริ่มต้นเป็นการแบ่งปันการเป็นประจักษ์พยานถึงพระวรสารจากตัวแทนสงฆ์ ซิสเตอร์ และครูคำสอน 2 คน หลังจากนั้น พระสันตะปาปาทรงกล่าวให้ข้อคิดกับทุกคน


พระสันตะปาปาทรงเน้นเรื่องบทบาทหน้าที่ในการประกาศข่าวดีและเป็นประจักษ์พยานถึงพระวรสาร พระองค์ตรัสว่า “การเป็นประจักษ์พยานถึงพระวรสาร ไม่ได้หมายความว่าเราจะบังคับให้ผู้อื่นต้องรับความเชื่อของเราหรือนำความเชื่อของเราไปขัดแย้งกับความเชื่อของผู้อื่น แต่การเป็นประจักษ์พยานถึงพระวรสารหมายถึงการแบ่งปันความชื่นชมยินดีในการรู้จักพระเยซู ด้วยความเคารพอย่างสูงและความรักฉันพี่น้องต่อทุกคนเสมอ”


พระสันตะปาปายังได้กล่าวถึงความต้องการของ “ซิสเตอร์โรซาลิน่า” ที่ออกมาแบ่งปันความเชื่อและอยากให้มีเอกสารของศาสนจักรและหลักคำสอนในภาษาท้องถิ่นมากขึ้น 


พระสันตะปาปาตรัสว่า “หวังว่าไม่เพียงแต่พระคัมภีร์เท่านั้น แต่คำสอนของศาสนจักรจะได้รับการแปลเป็นภาษาบาฮาซาอินโดนีเซียด้วย เพื่อให้ผู้คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สามารถเข้าถึงได้”


จากนั้น พระสันตะปาปาตอบคำถามของ “อักเนส นาตาเลีย และ นิโคลาส วิจายา” ครูคำสอน 2 คนที่มาแบ่งปันว่าทุกวันนี้ตนพยายามทำตัวเป็นสะพานเชื่อมระหว่างชุมชนต่างศาสนา


พระสันตะปาปาตรัสว่า “พันธกิจของครูคำสอนคือการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน และพ่ออยากให้บรรดาผู้อภิบาลสร้างสะพานแห่งหัวใจที่เชื่อมเกาะต่างๆ เข้าด้วยกัน และยิ่งไปกว่านั้นคือ สร้างสะพานหลายล้านแห่งที่เชื่อมผู้คนทั้งหมดที่อาศัยอยู่ที่นั่น”


ช่วงท้าย พระสันตะปาปาทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเห็นอกเห็นใจ พระองค์ตรัสว่า “ความเห็นอกเห็นใจไม่ได้เป็นเพียงแค่การให้เงินแก่คนยากจนในขณะที่เรานั่งมองพวกเขาจากหอคอยแห่งความมั่นคงและความสำเร็จของเราเอง ตรงกันข้าม มันประกอบด้วยการเข้าใกล้ซึ่งกันและกัน การขจัดทุกสิ่งที่อาจขัดขวางเราจากการก้มลงไปสัมผัสผู้ที่อยู่บนพื้นดิน ยกพวกเขาขึ้นและให้ความหวังแก่พวกเขา ความเห็นอกเห็นใจหมายถึงการโอบกอดผู้ขัดสน สนับสนุนพวกเขา และผลักดันเพื่อความยุติธรรม”


“บางคนกลัวที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจ เพราะพวกเขาตีความว่าเป็นความอ่อนแอ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขากลับชื่นชอบความเฉลียวฉลาดแบบคนเห็นแก่ตัว ซึ่งมีลักษณะก็คือ รักษาระยะห่างจากผู้อื่น, ไม่ยอมให้ตัวเองได้รับผลกระทบหรือสัมผัสจากสิ่งใดหรือใครก็ตาม พวกเขาคิดว่าการทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขามีความคิดที่ชัดเจนและเป็นอิสระมากขึ้นในการบรรลุเป้าหมายของตน”


“นี่เป็นวิธีมองความเป็นจริงที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่ทำให้โลกดำเนินต่อไปไม่ใช่การคำนวณผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งมักจะจบลงด้วยการทำลายสิ่งสร้างและแบ่งแยกชุมชน แต่เป็นการมอบความรักแก่ผู้อื่น ความเห็นอกเห็นใจไม่ได้ทำให้วิสัยทัศน์ที่แท้จริงของชีวิตมืดมัวลง ในทางตรงกันข้าม มันทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นในแสงสว่างแห่งความรัก” พระสันตะปาปาตรัสในตอนท้าย


Source


- https://www.vatican.va/content/francesco/it/speeches/2024/september/documents/20240904-indonesia-religiosi.html



Comments