โป๊ปชี้ คริสตชนอย่าทำตัวเศร้าหมอง น่าเบื่อ หน้าบึ้ง

  • โป๊ปฟรานซิส แบ่งปัน ศาสนจักรได้รับความเสียหายจากคริสตชนที่เศร้าหมอง น่าเบื่อ หน้าบึ้ง คนเหล่านี้ไม่ใช่คริสตชนที่แท้จริง เพราะคริสตชนต้องดำเนินชีวิตด้วยความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร
  • ทรงกระตุ้นและให้กำลังใจคาทอลิกลักเซมเบิร์กที่อยู่ในสังคมไม่ยึดติดกับศาสนา (Secular World) เราต้องพัฒนา เติบโต และกล้าเผชิญหน้ากับความท้าทายของกระแสสังคมแบบนี้
  • ทรงย้ำอีกรอบ การเป็นธรรมทูต ไม่ใช่การชวนคนอื่นเปลี่ยนศาสนา แต่เป็นการทำให้คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มีความสุขเมื่อได้รู้จักพระเยซู
  • ทรงสอน อย่าเหนื่อยที่จะให้อภัยคนอื่น เพราะเมื่อเราได้รับการยกโทษแล้ว เราจะมีความสามารถที่จะยกโทษให้คนอื่นด้วย


Photo: Vatican Media



ช่วงนี้ ผมมาหาดใหญ่ เพื่อทำงานกับออฟฟิศ จึงไม่ได้ตามข่าวพระสันตะปาปาเยือนลักเซมเบิร์กและเบลเยี่ยมเท่าที่ควร (โป๊ปไปเยือน 26-29 กันยายน 2024) ผมเพิ่งจะมีเวลามานั่งอ่านข่าวและลองเขียนสรุปสิ่งสำคัญจากการเยือนวันแรก 26 กันยายน … ยังไงลองไปติดตามกันได้ครับ


1. โป๊ปยอมรับ “ร่างกายยังไม่ฟื้นจากไข้หวัดเท่าที่ควร”


ปกติ ทุกเที่ยวบินที่พระสันตะปาปาเดินทางและมีนักข่าวติดตามไปด้วย พระองค์จะเดินทักทายนักข่าว “ทุกคน” แบบกันเอง แต่ครั้งนี้ พระสันตะปาปาไม่ได้ทำแบบนั้น และถือเป็นครั้งแรกในสมณสมัยของพระสันตะปาปา ฟรานซิส ที่พระองค์ยกเลิกธรรมเนียมการเดินไปหานักข่าวทุกคนแบบถึงที่นั่ง


พระสันตะปาปาตรัสกับนักข่าวทุกคนว่า “ขอบคุณสำหรับการทำงานของพวกท่าน พ่อยินดีให้ความร่วมมือกับท่านในการทำงาน แต่วันนี้ พ่อรู้สึกไม่พร้อมกับการเดินไปทักทายทุกคนจริงๆ”


ทั้งนี้ พระสันตะปาปาเพิ่งหายป่วยจากไข้หวัดหลัง ทำให้วันจันทร์ที่ผ่านมา พระองค์ต้องยกเลิกตารางงานที่ให้คนมาเข้าเฝ้า ก่อนจะอาการดีขึ้น และสามารถออกมาเทศน์สอนในการเข้าเฝ้าทั่วไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา


2. คริสตชนอย่าทำตัวเศร้าหมอง น่าเบื่อ หน้าบึ้ง


พระสันตะปาปาเสด็จไปยังอาสนวิหารนอร์ทเทอร์-ดาม ประเทศลักเซมเบิร์ก เพื่อพบและให้โอวาทกลับกลุ่มคาทอลิกของประเทศนี้ ใจความสำคัญที่พระสันตะปาปากล่าวกับพวกเขา พระองค์เน้น 3 เรื่องคือการรับใช้, พันธกิจ และความชื่นชมยินดี


พระสันตะปาปาตรัสว่า “‘เรื่องการรับใช้ พระเยซูเสด็จมา มิใช่เพื่อให้คนมารับใช้ แต่พระองค์มาเพื่อรับใช้ทุกคน’ … จิตตารมณ์ของพระวรสารคือจิตตารมณ์แห่งการต้อนรับ การเปิดรับทุกคน ไม่ยอมรับการกีดกันใดๆ พ่อขอสนับสนุนให้ท่านซื่อสัตย์ต่อมรดกของท่าน ต่อความมั่งคั่งที่ท่านมี และดำเนินการทำให้ประเทศของท่านเป็นบ้านที่เป็นมิตรสำหรับผู้ที่มาเคาะประตูของท่านเพื่อขอความช่วยเหลือและการต้อนรับ”


“เรื่องที่สองคือพันธกิจ คาร์ดินัลผู้เป็นอาร์คบิช็อปของพวกท่าน เพิ่งพูดว่า ‘วิวัฒนาการของศาสนจักรในลักเซมเบิร์กในสังคมที่ไม่ยึดติดกับศาสนา’ ข้าพเจ้าชอบคำพูดที่ว่าศาสนจักรในสังคมที่ไม่ยึดติดกับศาสนา เราจำเป็นต้องพัฒนา เติบโต และเจริญขึ้น เราไม่สามารถปิดตัวเองในความเศร้า การยอมจำนน หรือความขุ่นเคือง ตรงกันข้าม เราต้องยอมรับความท้าทายในขณะที่ยังคงซื่อสัตย์ต่อคุณค่าอันยั่งยืนของศาสนจักร เราควรค้นพบใหม่และเห็นคุณค่าของคุณค่าเหล่านี้อีกครั้งในฐานะเส้นทางแห่งการประกาศพระวรสาร โดยก้าวไปไกลกว่าวิธีการอภิบาลแบบง่ายๆ ไปสู่การประกาศแบบธรรมทูต และสิ่งนี้ต้องการความกล้าหาญ”


“จำไว้ว่า สิ่งสำคัญของการเป็นธรรมทูต ไม่ใช่การชักชวนให้คนอื่นเปลี่ยนศาสนา แต่เป็นความต้องการของเราที่จะทำให้พี่น้องจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มารู้จักความชื่นชมยินดีของการพบพระเยซู และที่นี่เอง พ่ออยากระลึกถึงคำพูดที่งดงามของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ที่ตรัสว่า ‘ศาสนจักรไม่ได้เติบโตด้วยการชักชวนให้คนอื่นเปลี่ยนศาสนา แต่ด้วยการทำตัวให้คนอื่นสนใจในตัวเรา’”


“เรื่องที่สาม นั่นคือ ความชื่นชมยินดี ดีโอโก้ตัวแทนเยาวชนได้แบ่งปันประสบการณ์ของเขาในงานเยาวชนโลก เขาเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีที่ได้กลับมาจากงานนั้น จำไว้ว่าศาสนจักรได้รับความเสียหายจากคริสตชนที่เศร้าหมอง น่าเบื่อ และหน้าบึ้ง คนเหล่านี้ไม่ใช่คริสตชนที่แท้จริง ดังนั้น จงมีความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร ซึ่งจะทำให้เราเชื่อและเติบโตมากมาย”


“พ่อขอเพิ่มคำสั้นที่อยากบอกท่านก็คือ จงอย่าสูญเสียความสามารถในการให้อภัย  … เพราะเราทุกคนได้รับการอภัยและเราทุกคนต้องการการอภัยนั่นเอง” พระสันตะปาปาตรัสในตอนท้าย


Source:


- https://www.vatican.va/content/francesco/en/speeches/2024/september/documents/20240926-lussemburgo-comunita-cattolica.html

Comments