สรุป 7 เรื่องสำคัญกับบทสัมภาษณ์โป๊ปบนเครื่องบินจากสิงคโปร์กลับกรุงโรม
สิ่งหนึ่งที่หลายคนเฝ้ารอหลังการเสด็จเยือนต่างประเทศของพระสันตะปาปาก็คือ “การให้สัมภาษณ์นักข่าวบนเครื่องบิน” เพราะนี่คือจังหวะที่ดีที่สุดที่จะได้ใกล้ชิดและถามพระสันตะปาปาแบบกันเอง ครั้งนี้ก็เช่นกัน หลังจากทริปเยือน อินโดนีเชีย, ปาปัวนิวกินี, ติมอร์เลสเต้ และสิงคโปร์ ประเด็นสำคัญของบทสัมภาษณ์มีมากมาย Pope Report จะขอสรุปให้ดังต่อไปนี้
![]() |
Photo: Vatican Media |
1. เกินคาดกับสิงคโปร์ ไม่คิดว่าจะเยี่ยมขนาดนี้
เพย์ ติง หว่อง นักข่าวจากเดอะ สเตรทส์ ไทมส์ สื่อสิงคโปร์ ถามว่า “สิงคโปร์มีอะไรที่ทำให้พระสันตะปาปาประหลาดใจ สิงคโปร์จะเรียนรู้อะไรได้บ้างจากอีก 3 ประเทศที่พระสันตะปาปาไปเยือน”
พระสันตะปาปาตอบว่า “พ่อไม่คิดว่าสิงคโปร์จะเป็นแบบนี้ มีคนเรียกสิงคโปร์ว่า ‘นิวยอร์กแห่งตะวันออก’ นี่คือประเทศที่พัฒนา สะอาด คนสุภาพ มีตึกสูง และมีวัฒนธรรมทางศาสนาที่ยอดเยี่ยม … พ่อประทับใจวัฒนธรรม โดยเฉพาะพวกนักเรียน …และก็บทบาทระหว่างประเทศของสิงคโปร์ พ่อเห็นว่าสัปดาห์หน้าจะมีการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน บทบาทระหว่างประเทศของเมืองหลวงที่ดึงดูดวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน นี่เป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ พ่อไม่คาดคิดว่าจะพบอะไรแบบนี้”
“คุณรู้ไหม มีอะไรให้เรียนรู้เสมอ เพราะทุกคนและทุกประเทศมีความมั่งคั่งที่แตกต่างกัน นั่นคือเหตุผลที่ความเป็นพี่น้องในการสื่อสารจึงสำคัญมาก ตัวอย่างเช่น ในติมอร์เลสเต้ พ่อเห็นเด็กมากมาย แต่ในสิงคโปร์ พ่อเห็นเด็กๆไม่มาก บางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ อนาคตอยู่กับเด็กๆ ลองพิจารณาดู อีกอย่างหนึ่ง คนสิงคโปร์เป็นมิตรมาก ยิ้มแย้มอยู่เสมอ”
2. อยากไปเยือนจีน
สเตฟาเนีย ฟาลาสก้า นักข่าวอิตาเลี่ยน ถามพระสันตะปาปาว่า “คนสิงคโปร์ส่วนใหญ่มีเชื้อสายจีน … ดิฉันอยากทราบความคิดของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความใกล้ชิดของสิงคโปร์กับจีนแผ่นดินใหญ่ เกี่ยวกับความพยายามของจีนในการบรรลุการหยุดยิงในพื้นที่ขัดแย้งเช่นกาซา ในเดือนกรกฎาคม มีการลงนามในปฏิญญาปักกิ่งเพื่อยุติความแตกแยกของปาเลสไตน์ อาจมีพื้นที่สำหรับความร่วมมือด้านสันติภาพระหว่างจีนและวาติกันหรือไม่คะ และสุดท้าย เรากำลังเข้าใกล้การต่ออายุข้อตกลงระหว่างจีนและวาติกันเกี่ยวกับการแต่งตั้งบิช็อป พระองค์พอใจกับผลลัพธ์และการเจรจาจนถึงตอนนี้หรือไม่คะ?”
พระสันตะปาปาตอบว่า “เกี่ยวกับประเด็นสุดท้าย ใช่ พ่อพอใจกับการเจรจากับจีน ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ( หมายถึงการแต่งตั้งบิช็อป) … ส่วนเรื่องจีน พ่อมองว่าจีนเป็นความหวัง หมายความว่า พ่ออยากไปเยือนจีน มันเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ และพ่อชื่นชมและเคารพจีน นี่เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่ … พ่อเชื่อว่าจีนเป็นคำมั่นสัญญาและความหวังสำหรับศาสนจักร”
3. เลือกตั้งอเมริกา ไม่ถูกต้องถ้าไม่ไปเลือกตั้ง แต่จงเลือกคนที่เลวร้ายน้อยกว่า
แอนนา มาทรังก้า นักข่าวจาก ซีบีเอส นิวส์ ถามว่า “พระองค์ได้ตรัสเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของชีวิตเสมอ ในติมอร์เลสเต้ ซึ่งมีอัตราการเกิดสูง ในสิงคโปร์ พระองค์ปกป้องแรงงานอพยพ และด้วยการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึง พระองค์จะให้คำแนะนำอย่างไรแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวคาทอลิกที่เผชิญกับผู้สมัครคนหนึ่งที่สนับสนุนการยุติการตั้งครรภ์และอีกคนหนึ่งที่ต้องการเนรเทศผู้อพยพ 11 ล้านคนคะ?”
พระสันตะปาปาตอบว่า “ทั้งสองอย่างนั้นต่อต้านชีวิต คนหนึ่งขับไล่ผู้อพยพและอีกคนหนึ่งฆ่าเด็ก(ส่งเสริมการทำแท้ง) ทั้งสองอย่างต่อต้านชีวิต พ่อตัดสินใจไม่ได้ พ่อไม่ใช่คนอเมริกันและจะไม่ไปลงคะแนนที่นั่น แต่ขอให้ชัดเจนว่า การปฏิเสธผู้อพยพโอกาสในการทำงานและได้รับการต้อนรับเป็นบาป เป็นบาปร้ายแรง พันธสัญญาเดิมพูดถึงเด็กกำพร้า หญิงม่าย และคนแปลกหน้า ผู้อพยพ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งเหล่านี้คือสามสิ่งที่อิสราเอลต้องดูแล การไม่ดูแลผู้อพยพเป็นบาป เป็นบาปต่อชีวิตและมนุษยชาติ”
“พ่อได้ถวายมิสซาที่ชายแดน(อเมริกากับเม็กซิโก)ใกล้ๆเอล ปาโซ มีรองเท้าจำนวนมากของผู้อพยพที่จบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าที่นั่น ทุกวันนี้ มีกระแสการอพยพภายในอเมริกากลาง และหลายครั้งพวกเขาถูกปฏิบัติเหมือนทาสเพราะผู้คนฉวยโอกาสจากสถานการณ์ การอพยพเป็นสิทธิ และมันมีอยู่แล้วในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และในพันธสัญญาเดิม คนแปลกหน้า เด็กกำพร้า และหญิงม่าย เราต้องอย่าลืมสิ่งนี้”
“จากนั้น การทำแท้ง วิทยาศาสตร์บอกว่าหนึ่งเดือนหลังการปฏิสนธิ อวัยวะทั้งหมดของมนุษย์ก็มีอยู่แล้ว ทุกอย่าง การทำแท้งเป็นการฆ่ามนุษย์ ไม่ว่าคุณจะชอบคำนี้หรือไม่ก็ตาม มันคือการฆาตกรรม ศาสนจักรไม่ได้ปิดกั้นเพราะห้ามการทำแท้ง ศาสนจักรห้ามการทำแท้งเพราะมันฆ่า มันเป็นการฆาตกรรม เป็นการฆาตกรรม”
“เราต้องพูดให้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ การส่งผู้อพยพกลับไป ไม่ให้พวกเขาเติบโต ไม่ให้พวกเขามีชีวิตเป็นสิ่งที่ผิด มันเป็นความโหดร้าย การส่งเด็กออกจากครรภ์ของแม่เป็นการฆาตกรรมเพราะมีชีวิตอยู่ และเราต้องพูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองอย่างชัดเจน เด็กกำพร้า คนแปลกหน้า และหญิงม่าย เราต้องอย่าลืมสิ่งนี้”
จากนั้น นักข่าวถามต่อว่า “ในความเห็นของพระองค์ มีสถานการณ์ใดบ้างที่เป็นที่ยอมรับได้ทางศีลธรรมในการลงคะแนนให้ผู้สมัครที่สนับสนุนการทำแท้งคะ”
พระสันตะปาปาตอบว่า “ในศีลธรรมทางการเมือง มีการกล่าวว่าการไม่ไปลงคะแนนเสียงนั้นไม่ดี ไม่ใช่สิ่งที่ดี เราต้องไปลงคะแนนเสียง และเราต้องเลือกสิ่งที่เลวร้ายน้อยกว่า อะไรคือสิ่งที่เลวร้ายน้อยกว่า? ผู้หญิงคนนั้นหรือผู้ชายคนนั้น? พ่อไม่รู้ แต่ละคนต้องคิดและตัดสินใจตามมโนธรรมของตนเอง”
4.โทรไป “กาซ่า” ทุกวัน เพื่อถามสถานการณ์ที่นั่น
มิมโม่ มูโอโล่ จากอัฟเวนิเร สื่อของสภาบิช็อปคาทอลิกแห่งอิตาลี ถามว่า “พระองค์รู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในกาซ่า พระองค์จะตรัสอะไรกับฝ่ายที่สู้รบกัน มีความเป็นไปได้ไหมที่วาติกันจะเป็นตัวกลางเพื่อให้บรรลุการหยุดยิงและสันติภาพที่รอคอยมานาน”
พระสันตะปาปาตอบว่า “สันตะสำนักกำลังทำงานเรื่องนี้อยู่ พ่อจะบอกคุณว่า พ่อโทรศัพท์ไปกาซ่าทุกวัน มีวัดคาทอลิกแห่งหนึ่งที่นั่น และภายในโรงเรียนของวัดมีคน 600 คน ทั้งคริสตชนและมุสลิม พวกเขาอาศัยอยู่ร่วมกันฉันพี่น้อง พวกเขาเล่าเรื่องราวที่น่าสยดสยองให้พ่อฟัง เรื่องยากๆทั้งนั้น”
“พ่อไม่สามารถบอกได้ว่าสงครามนี้นองเลือดเกินไปหรือไม่ แต่เมื่อคุณเห็นร่างของเด็กๆ ที่ถูกฆ่า เมื่อคุณได้ยินว่าโรงเรียนถูกทิ้งระเบิดเพราะอาจมีกองโจรอยู่ข้างใน มันน่าสยดสยอง มันน่ากลัว มันน่ากลัวมาก”
“บางครั้งมีการกล่าวว่านี่เป็นสงครามป้องกันตัว แต่บางครั้งพ่อเชื่อว่ามันเป็นสงคราม … มันมากเกินไป มากเกินไปจริงๆ พ่อขอโทษที่พูดแบบนี้ แต่พ่อไม่เห็นว่ามีการก้าวไปสู่สันติภาพเลย ตัวอย่างเช่นที่เวโรน่า พ่อมีประสบการณ์ที่สวยงามมาก ชายชาวยิวคนหนึ่งซึ่งภรรยาเสียชีวิตจากการทิ้งระเบิด และชายจากกาซ่าคนหนึ่งซึ่งลูกสาวเสียชีวิต ทั้งสองคนพูดถึงสันติภาพ กอดกัน และให้แบ่งปันการเป็นประจักษ์พยานร่วมกัน พ่อจะพูดอย่างนี้ ความเป็นพี่น้องกันสำคัญกว่าการฆ่ากัน”
“ที่สุดแล้ว ใครก็ตามที่ชนะสงคราม จะพบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ สงครามเป็นความพ่ายแพ้เสมอ … พ่ออยากจะพูดบางอย่าง นี่อาจเป็นการที่พ่อเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเล็กน้อย พ่อขอบคุณกษัตริย์แห่งจอร์แดนอย่างมาก พระองค์เป็นบุคคลแห่งสันติภาพ กษัตริย์อับดุลลาห์เป็นคนดี”
5. โทษประหารชีวิตไม่ได้แก้ปัญหาให้สังคม
ลิซ่า ไวส์ นักข่าวจากเออาร์ดี ถามพระสันตะปาปาว่า “พระองค์ตรัสอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับปัญหาในแต่ละประเทศ ไม่ใช่แค่ความงดงามเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงสงสัยว่าทำไมพระองค์ไม่กล่าวถึงประเด็นที่สิงคโปร์ยังคงมีโทษประหารชีวิต”
พระสันตะปาปาตอบว่า “เป็นความจริง มันไม่ได้เข้ามาในความคิดของพ่อ โทษประหารชีวิตไม่ได้ผล เราต้องกำจัดมันออกไป ค่อยๆ ทำ หลายประเทศมีกฎหมายแต่ไม่ได้ดำเนินการตามคำพิพากษา สหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน... แต่โทษประหารชีวิตต้องยุติลง มันไม่ถูกต้อง มันไม่ถูกต้อง”
6. ดีใจที่มีการเปิดเผยข่าวการล่วงละเมิดทางเพศของบาทหลวง อย่าปกปิดบาปเหล่านี้
ซิมง เลอปลาตร์ นักข่าวจากเลอ มงด์ สื่อฝรั่งเศส ถามพระสันตะปาปาว่า “พระองค์ได้กล่าวถึงเหยื่อเยาวชนที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ที่ฝรั่งเศสมีกรณีคล้ายกันกับบาทหลวงปิแอร์ ผู้ก่อตั้งเอ็มมาอุส ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นบุคคลที่เป็นที่รักที่สุดของฝรั่งเศสเป็นเวลาหลายปี ‘บารมี’ ของพวกเขาทำให้ยากที่จะเชื่อว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง ดิฉันอยากถามว่า วาติกันรู้อะไรบ้างไหมเกี่ยวกับบาทหลวงปิแอร์บ้าง และพระองค์จะตรัสอะไรกับเหยื่อและสาธารณชนว่า คนดีพวกนี้ก็ก่ออาชญากรรมได้ และเราอยากทราบด้วยว่า พระองค์จะเสด็จไปปารีสเพื่อร่วมพิธีเปิดมหาวิหารน็อตเตอดามในเดือนธันวาคมหรือไม่คะ”
พระสันตะปาปาตรัสว่า “พ่อจะตอบคำถามสุดท้ายก่อนนะ พ่อจะไม่ไปปารีส ส่วนคำถามแรก คุณได้สัมผัสประเด็นที่เจ็บปวดและละเอียดอ่อนมาก คนเหล่านี้เป็นคนดี เป็นคนที่ทำความดี เช่น บาทหลวงปิแอร์ ด้วยความดีทั้งหมดที่ทำ มีการค้นพบว่าคนๆ นี้เป็นคนบาปที่ร้ายแรง นี่คือสภาพมนุษย์ของเรา”
“เราต้องไม่พูดว่า ให้เราปกปิดมันเพื่อไม่ให้เห็น บาปสาธารณะเป็นบาปสาธารณะและต้องถูกประณาม ตัวอย่างเช่น บาทหลวงปิแอร์เป็นคนที่ทำความดีมากมายแต่ก็เป็นคนบาปด้วย เราต้องพูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้และไม่ปกปิดมัน การต่อสู้กับการล่วงละเมิดเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องมีส่วนร่วม และไม่เพียงแต่การล่วงละเมิดทางเพศเท่านั้น แต่รวมถึงการล่วงละเมิดทุกรูปแบบ การล่วงละเมิดทางสังคม การล่วงละเมิดทางการศึกษา การจัดการความคิดของผู้คน การเอาอิสรภาพของพวกเขาไป”
“ในความเห็นของพ่อ การล่วงละเมิดเป็นเรื่องของปีศาจเพราะมันทำลายศักดิ์ศรีของบุคคล การล่วงละเมิดทุกรูปแบบพยายามทำลายตัวตนของเรา ภาพลักษณ์ของพระเจ้า พ่อดีใจเมื่อกรณีเหล่านี้ถูกเปิดเผย … สรุปแล้ว การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก ต่อผู้เยาว์ เป็นอาชญากรรมและเป็นความอัปยศ”
“อีกเรื่องหนึ่งที่พ่อไม่ได้ตอบ ‘วาติกันรู้อะไรเกี่ยวกับบาทหลวงปิแอร์หรือไม่’ พ่อไม่รู้ว่าวาติกันรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ พ่อไม่รู้เพราะพ่อไม่ได้อยู่ที่นี่ และไม่เคยนึกที่จะสืบสวนเรื่องนี้ แต่แน่นอนว่าหลังจากเขาเสียชีวิต มันก็เป็นที่รู้กัน แต่ก่อนหน้านั้น พ่อไม่รู้จริงๆ”
7. อยากกลับไปเยี่ยมอาร์เจนติน่า แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
เอลิซาเบตต้า ปีเก้ นักข่าวชาวอาร์เจนไตน์ที่ใกล้ชิดกับพระสันตะปาปามากๆ ถามว่า “พระองค์จะไปอาร์เจนตินาหรือไม่? คำถามที่สอง: ในเวเนซุเอล่า สถานการณ์น่าสะพรึงกลัว ในช่วงวันเหล่านี้ขณะที่พระองค์กำลังเดินทาง ประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกตามทฤษฎีต้องลี้ภัยไปสเปน พระองค์จะมีสารอะไรถึงประชาชนชาวเวเนซุเอล่าคะ?”
พระสันตะปาปาตอบว่า “พ่อไม่ได้ติดตามสถานการณ์ในเวเนซุเอล่า แต่สารที่พ่อจะให้แก่ผู้นำคือให้เจรจาและแสวงหาสันติภาพ เผด็จการไม่มีประโยชน์และมักจบลงอย่างเลวร้ายเสมอ ไม่ช้าก็เร็ว ลองอ่านประวัติศาสตร์ของศาสนจักรดู พ่อไม่สามารถให้ความเห็นทางการเมืองได้เพราะพ่อไม่รู้รายละเอียด พ่อรู้ว่าบรรดาบิช็อปได้พูดแล้ว และสารของพวกเขาดี ส่วนเรื่องการไปอาร์เจนตินา ยังไม่ได้ตัดสินใจ พ่ออยากไป มันเป็นประเทศของพ่อ พ่ออยากไป แต่ยังไม่มีการตัดสินใจ มีหลายเรื่องที่ต้องทำก่อน”
เอลิซาเบตต้า ปีเก้ ถามต่อว่า “ถ้าพระองค์ไป อาจมีการแวะที่หมู่เกาะกานาเรียส (คานารี่ อยู่ที่สเปน) ด้วยไหมคะ”
พระสันตะปาปาตอบว่า “คุณอ่านใจพ่อออกเลยนะ พ่อกำลังคิดจะไปกานาเรียส เพราะมีสถานการณ์ที่ผู้อพยพมาถึงทางทะเล และพ่ออยากอยู่ใกล้ชิดกับผู้นำและประชาชนที่นั่น”
Source
Comments
Post a Comment