โป๊ปฟรานซิสเชิญชวนคริสตชนภาวนาขอพระเจ้าด้วย “บทสดุดี”

โป๊ปฟรานซิส ทรงเชิญชวนคริสตชนเตรียมจิตใจก่อนปีศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการรู้จักภาวนาด้วย “บทสดุดี” เพราะนี่คือหนังสือที่มี “ท่วงทำนองเหมือนบทเพลงซิมโฟนี่” โดยผู้ประพันธ์คือพระจิต 

Photo: Vatican Media

ช่วงสายวันพุธที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปา ฟรานซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนผู้มีความเชื่อความศรัทธาในการเข้าเฝ้าทั่วไป ซึ่งจัด ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน วันนี้ พระสันตะปาปายังสอนคำสอนเรื่องพระจิตต่อไป สัปดาห์นี้พระองค์ทรงไตร่ตรองเป็นพิเศษเกี่ยวกับ “บทสดุดี”


พระสันตะปาปาเริ่มต้นด้วยการย้ำว่า ในการเตรียมตัวสำหรับปีศักดิ์สิทธิ์ 2025 พระองค์ประกาศให้ปี 2024 เป็นปีแห่งการภาวนา พระสันตะปาปาบอกว่า “ศาสนจักรมีการภาวนาที่หลากหลายแต่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว เหมือนท่วงทำนองในบทเพลงซิมโฟนี่ ซึ่งผู้ประพันธ์ก็คือพระจิต และนั่นคือหนังสือสดุดี”


“หนังสือสดุดีประกอบด้วย ‘ท่วงทำนอง’ ที่หลากหลาย นั่นคือ ประเภทต่างๆ ของการภาวนา อาทิ การสรรเสริญ การขอบพระคุณ การวิงวอน การคร่ำครวญ การเล่าเรื่อง การไตร่ตรองอย่างมีปัญญา และอื่นๆ ทั้งในรูปแบบส่วนตัวและรูปแบบประสานเสียงของประชากรทั้งหมด เหล่านี้คือบทเพลงที่พระจิตใส่ไว้ในริมฝีปากของเจ้าสาว นั่นคือศาสนจักรของพระองค์ หนังสือทุกเล่มในพระคัมภีร์ ดังที่พ่อได้กล่าวไว้ครั้งก่อน ได้รับการดลใจจากพระจิต แต่หนังสือสดุดีก็เป็นเช่นนั้นในแง่ที่ว่ามันเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจทางกวี”


หลายเดือนก่อน พระสันตะปาปาทรงเชิญทุกคนภาวนาเพื่อ “โอเล็กซานเดอร์” ทหารชาวยูเครนวัย 23 ปีที่เสียชีวิตจากสงคราม โดยตอนสิ้นใจ มีคนพบว่าเขาได้นำพระคัมภีร์กับสายประคำติดตัวไว้ด้วย จากนั้น ได้มีคนนำพระคัมภีร์เล่มดังกล่าวมาให้พระสันตะปาปา พระองค์จึงแบ่งปันว่า “บนโต๊ะทำงานของพ่อ พ่อมีฉบับภาษายูเครนของพันธสัญญาใหม่และสดุดีจากทหารที่เสียชีวิตในสงคราม ซึ่งถูกส่งมาให้พ่อด้วย”


พระสันตะปาปาทรงกระตุ้นเราทุกคนให้รู้จักภาวนาต่อพระเจ้าด้วยบทสดุดี เพราะนี่คือท่วงทำนองที่หลากหลาย และมันจะดีขึ้นไปอีก ถ้าเราภาวนาขอพระเจ้าด้วยบทสดุดีที่เรา “แต่งขึ้นมาเอง” สำคัญสุด บทสดุดีเป็นการภาวนาที่ไม่ได้มุ่งเน้นแต่ตัวเราเป็นหลัก แต่เป็นการภาวนาเพื่อขอเพื่อสิ่งสร้างของพระเจ้าด้วย 


พระสันตะปาปา ตรัสว่า “สิ่งที่ทำให้บทสดุดีน่าสนใจที่สุดสำหรับเราคือ พวกมันเป็นบทภาวนาของพระเยซู แม่พระ บรรดาอัครสาวก และคริสตชนทุกรุ่นที่มาก่อนเรา เมื่อเราสวดบทสดุดีเหล่านี้ พระเจ้าทรงฟังคำภาวนานี้ … ด้วยเหตุนี้ พ่อสงสัยว่า บางครั้งพวกท่านภาวนาด้วยบทสดุดีไหม จงหยิบพระคัมภีร์หรือพันธสัญญาใหม่ขึ้นมา และภาวนาบทสดุดีสักบท … ที่สุดแล้ว ท่านจะมีความสุข”


“แต่เราไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยมรดกจากอดีตเท่านั้น จำเป็นต้องทำให้บทสดุดีเป็นคำภาวนาของเราเอง มีคำเขียนไว้ว่า ในแง่หนึ่ง เราต้องกลายเป็น ‘ผู้ประพันธ์’ ของบทสดุดีเสียเอง ทำให้พวกมันเป็นของเราและภาวนาด้วยพวกมัน หากมีบทสดุดี หรือแม้แต่ข้อความที่พูดกับหัวใจของเรา”


“บทสดุดีช่วยให้เราไม่ทำให้คำภาวนาเป็นแค่การขออย่างเดียว แต่เป็นการ ‘ขอ ขอ …’ อย่างต่อเนื่อง เราเรียนรู้จากคำภาวนาของพระเจ้าว่า ก่อนที่จะขอให้โปรดประทานอาหารประจำวัน เราได้ขอว่า ‘(ขอ)พระนามของพระองค์จงเป็นที่สักการะ (ขอ)พระอาณาจักรจงมาถึง (ขอ)พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์’ บทสดุดีช่วยให้เราเปิดใจสู่การภาวนาที่มุ่งเน้นที่ตัวเราเองน้อยลง” พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย


หลังการเทศน์สอนจบลง พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงวันผู้อพยพสากล พระองค์ทรงขอร้องทุกชาติโปรดช่วยกันดูแลผู้อพยพตามสิทธิมนุษยชนอย่างดีด้วย นอกจากนี้ พระองค์ทรงร่วมภาวนาเพื่อศาสนจักรคาทอลิกในจีน โอกาสครบ 100 ปีของสังคายนาครั้งแรกและครั้งเดียวของศาสนจักรคาทอลิกจีน


Source


1. https://www.vatican.va/content/francesco/en/audiences/2024/documents/20240619-udienza-generale.html


Comments