โป๊ปเตือนสติกลุ่มองค์กรคาทอลิก “ระวังเรื่องพวกพ้อง” และ “จงถ่อมตน”

โป๊ปฟรานซิส ทรงย้ำกลุ่มองค์กรต่างๆในศาสนจักรคาทอลิก 
  • ก่อนเริ่มงานแพร่ธรรม ต้องฝึกคิดแบบพระเจ้า ไม่ใช่คิดแบบมนุษย์ หัดถามตัวเองก่อนเริ่มงานว่า “พระเจ้าคาดหวังอะไรจากเรา” 
  • ทรงเตือน “ระวังเรื่องพวกพ้องหรือความคิดที่เห็นแก่องค์กรของตนอย่างเดียว” 
  • ทรงชี้ จุดเริ่มต้นของการกลับใจเริ่มด้วยการถ่อมตน มันน่าเศร้าที่เห็นการโอ้อวดว่า “ผมเป็นสงฆ์จากที่นี่ … ผมจบจากสถาบันนี้ และวางตัวเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง”


Photo: Vatican Media


ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปา ฟรานซิส ทรงต้อนรับผู้นำกลุ่มองค์กรและสมาคมต่างๆในศาสนจักรคาทอลิกที่มาเข้าเฝ้า ระหว่างร่วมการประชุมของสมณกระทรวงเพื่อฆราวาส ภายใต้หัวข้อ “การก้าวเดินไปด้วยกัน” (Synodality) 


โอกาสนี้ พระสันตะปาปาทรงย้ำทัศนคติ 3 ประการเกี่ยวกับคุณงามความดีของการก้าวเดินไปด้วยกัน นั่นคือการคิดอย่างที่พระเจ้าคิด การเอาชนะความเป็นพวกพ้อง และการเสริมสร้างความถ่อมตน


1. การคิดอย่างที่พระเจ้าคิด 


“หลังจากการประกาศเรื่องพระทรมานครั้งแรก เปโตรตำหนิพระเยซู ทั้งที่ตัวเขาควรจะเป็นแบบอย่างให้คนอื่น แต่กลับต่อต้านแผนการของพระเจ้าโดยการปฏิเสธพระทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ พระเยซูเจ้าตรัสกับเปโตรว่า ‘ท่านมิได้คิดอย่างพระเจ้า แต่คิดอย่างมนุษย์’ 


“นี่คือการเปลี่ยนแปลงภายในขั้นพื้นฐานที่เราต้องทำ นั่นคือการก้าวข้าม ‘ความคิดแบบมนุษย์ล้วนๆ’ ไปสู่การยอมรับ ‘ความคิดของพระเจ้า’ ก่อนที่จะตัดสินใจอะไร ก่อนที่จะเริ่มงานแพร่ธรรมใดๆ พันธกิจใดๆภายในศาสนจักร เราควรถามตัวเองว่า พระเจ้าต้องการอะไรจากเรา ในตอนนี้ สิ่งที่กลุ่มเราคิด สอดคล้องกับ ‘ความคิดของพระเจ้า’ จริงๆ หรือไม่”


2. การเอาชนะความเป็นพวกพ้อง 


“หลังจากการประกาศเรื่องพระทรมานครั้งที่สอง จอห์นคัดค้านชายคนหนึ่งที่ขับไล่ปีศาจในพระนามของพระเยซู แต่ชายคนนั้นไม่ได้อยู่ในกลุ่มศิษย์ของพระองค์ จอห์นกล่าวว่า ‘พวกเราเห็นชายคนหนึ่งขับไล่ปีศาจในพระนามของพระองค์ และพวกเราห้ามเขา เพราะเขามิได้ติดตามพวกเรา’ (มก 9:38) พระเยซูไม่เห็นด้วยกับทัศนคตินี้และตรัสกับเขาว่า ‘ผู้ใดไม่ต่อต้านเรา ผู้นั้นย่อมอยู่ฝ่ายเรา’ (มก 9:40) จากนั้นพระองค์ทรงเชิญชวนบรรดาสาวกให้ระมัดระวังเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดแก่ผู้อื่น มก 9:42-50)”


“ขอร้องล่ะ ขอให้เราระวังการล่อลวงเกี่ยวกับ ‘กลุ่มพวกพ้องของตน’ บรรดาสาวกไม่เข้าใจสิ่งนี้ พวกเขาหันเข้าหากันเอง เหมือนกับจะกีดกันพระพรที่พระเยซูประทานให้ไว้กับพวกตนเท่านั้น เช่น การรักษาคนป่วย การขับไล่ปีศาจ การประกาศอาณาจักร (เทียบ มก 2:14)


“เรากลัวจะสูญเสียความรู้สึกของการเป็นเจ้าของ ซึ่งเกิดจากการไม่ยอมรับความหลากหลายว่าเป็นโอกาสเรามองความหลากหลายเป็นภัยคุกคาม นี่คือกำแพงที่เราทุกคนเสี่ยงต่อการถูกจองจำ”


3. การเสริมสร้างความถ่อมตน 


“หลังจากการประกาศเรื่องพระทรมานครั้งที่สาม เจค็อบ (ยากอบ) และจอห์นขอตำแหน่งเกียรติยศข้างพระเยซู แต่พระองค์ตอบกลับด้วยการเชิญชวนทุกคนให้พิจารณาความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงว่าไม่ได้อยู่ในการได้รับการรับใช้ แต่อยู่ในการรับใช้ ในการเป็นผู้รับใช้ของทุกคน เพราะนั่นคือสิ่งที่พระองค์เองเสด็จมากระทำ (มก 10:44-45)


“จุดเริ่มต้นของการกลับใจฝ่ายจิตต้องเป็นความถ่อมตน ซึ่งเป็นประตูสู่คุณธรรมทั้งปวง พ่อรู้สึกเศร้าใจเมื่อพบคริสตชนที่โอ้อวด เพียงเพราะการพูดว่า ‘ผมเป็นสงฆ์มาจากที่นี่ หรือเพราะเขาเป็นฆราวาสจากที่โน่น เพราะผมจบจากสถาบันนี้’ ... นี่เป็นสิ่งที่ไม่ดี ความถ่อมตนคือประตู คือจุดเริ่มต้น มันบังคับให้เราตรวจสอบเจตนาของเรา


“หากเราพบร่องรอยของความหยิ่งยโสหรือความจองหองในตัวเรา ก็ขอให้เราวอนขอพระหรรษทานเพื่อค้นพบความถ่อมตนใหม่ แท้จริงแล้ว มีเพียงผู้ถ่อมตนเท่านั้นที่ทำสิ่งยิ่งใหญ่ในศาสนจักร เพราะพวกเขามีรากฐานที่มั่นคงในความรักของพระเจ้า ซึ่งไม่มีวันล้มเหลว”


“พ่อรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเราพบคริสตชน ... ในภาษาสเปนเรากล่าวว่า ‘yo me mí conmigo para mí’ นั่นคือ ‘ฉัน ฉัน กับฉัน เพื่อฉัน’ คริสตชนเหล่านี้วางตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง มันน่าเศร้า ผู้ถ่อมตนเท่านั้นที่ปกป้องความเป็นหนึ่งเดียวในศาสนจักร หลีกเลี่ยงการแบ่งแยก เอาชนะความตึงเครียด รู้จักวางโครงการของตนเองไว้ก่อนเพื่อมีส่วนร่วมในโครงการร่วม ในการรับใช้ พวกเขาพบความยินดีและไม่ใช่ความผิดหวังหรือความไม่พอใจ การดำเนินชีวิตแบบการก้าวเดินไปด้วยกันในทุกระดับ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากความถ่อมตน”


“พ่ออยากพูดอีกครั้ง เพื่อเน้นบทบาทของกลุ่มหรือองค์กรต่างๆ ในศาสนจักร ‘กลุ่มหรือองค์กรของเรามีไว้เพื่อรับใช้ ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง’ เป็นเรื่องน่าเศร้าเมื่อพ่อได้ยินคนพูดว่า ‘ฉันเป็นของกลุ่มหรือองค์กรนี้ ของกลุ่มหรือองค์กรนั้น’ ราวกับว่ามันเกี่ยวข้องกับความเหนือกว่า กลุ่มหรือองค์กรของศาสนจักรมีไว้เพื่อรับใช้ศาสนจักร ไม่ใช่เอากลุ่มหรือองค์กรตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง”


“จงคิดเสมอว่า ‘การเป็นสมาชิกของกลุ่มองค์กรของเรานั้น เราอยู่แค่ในกลุ่มองค์กร หรืออยู่ในศาสนจักรกันแน่ กลุ่มองค์กรที่เห็นแก่พวกพ้องของตนควรถูกกำจัดทิ้ง พวกเขาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของศาสนจักร” พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย 


Source


1. https://www.vatican.va/content/francesco/en/speeches/2024/june/documents/20240613-moderatori.html


Comments