โป๊ปแนะ เราต้องดำเนินชีวิตอย่างมีความหวังที่มาพร้อมกับการอดทนรอคอย

โป๊ปฟรานซิส ทรงสอน เราต้องดำเนินชีวิตอย่างมีความหวังและรู้จักอดทนรอให้ความหวังนั้นเป็นจริง เพราะคนที่มีความหวังและรู้จักอดทนให้เป็น เขาจะผ่านพ้นคืนที่มืดมิดที่สุดไปได้

Photo: Vatican Media

ช่วงสายวันพุธที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา พระสันตะปาปา ฟรานซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนผู้มีความเชื่อความศรัทธาในการเข้าเฝ้าทั่วไป ซึ่งจัด ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน หัวข้อคำสอนสัปดาห์นี้ พระสันตะปาปายังคงพูดถึงเรื่องคุณธรรมทางเทววิทยา 3 อย่าง ได้แก่ ความเชื่อ ความหวัง และความรัก สัปดาห์ที่แล้ว เป็นเรื่องความเชื่อ สัปดาห์นี้ เป็นเรื่องของความหวัง


พระสันตะปาปา อธิบายว่า เรามักจะมีคำถามผุดขึ้นมาในหัวว่า “เราจะเป็นอย่างไร จุดประสงค์ของการเดินทางบนโลกนี้คืออะไร ชะตากรรมของโลกเป็นอย่างไร” ถ้าเราทุกคนมีแต่คำตอบเชิงลบให้คำถามเหล่านี้ ทุกอย่างจะดูเศร้าและสิ้นหวัง ดังนั้น พระสันตะปาปาจึงสอนว่า ถ้าชีวิตเราขาดความหวัง คุณธรรมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อหรือความรัก ก็เสี่ยงจะพังทลายกลายเป็นเถ้าถ่านด้วย


อย่างไรก็ตาม พระสันตะปาปาบอกว่า ความหวังไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากเรา แต่เป็นของขวัญที่มาจากพระเจ้า พระองค์ทรงยกข้อความจากนักบุญเปาโลที่ว่า หากเราเชื่อในการกลับคืนพระชีพของพระเยซู เราก็รู้แน่ชัดว่าไม่มีความพ่ายแพ้และความตายใดเป็นนิรันดร์ แต่หากไม่เชื่อ ทุกอย่างก็จะว่างเปล่า


พระสันตะปาปายังบอกอีกว่า เรามักทำบาปเกี่ยวกับความหวังได้ง่ายและบ่อยมาก เช่นหมกมุ่นอยู่กับอดีตที่ไม่ดี หรือความเศร้าหมอง และคิดว่าความสุขในอดีตหายไปตลอดกาล หรือจะเป็นการท้อแท้สิ้นหวังเพราะบาปของเรา และลืมไปว่าพระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยเมตตา พร้อมให้อภัยเราเสมอ ไม่ว่าเราจะทำผิดพลาดมากแค่ไหน พระสันตะปาปาต้องการจะสอนว่า เราต้องระวังอย่าปล่อยให้ตัวเองอยู่ในความคิดด้านลบ ความสิ้นหวัง หรือความกลัว ที่จะทำให้เราห่างไกลจากความหวังและความไว้วางใจในพระเจ้า แต่ต้องเชื่อมั่นว่าพระองค์ทรงรักและพร้อมให้อภัยเราเสมอ ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบันของเราจะเป็นอย่างไร


พระสันตะปาปาย้ำว่า โลกทุกวันนี้ต้องการ “ความหวัง” ตามแบบคุณธรรมคริสตชนนี้เป็นอย่างยิ่ง และยังต้องการความอดทน ซึ่งเป็นคุณธรรมที่เดินเคียงข้างกับความหวังอย่างใกล้ชิด ผู้ที่อดทนคือผู้ถักทอความดี ผู้ปรารถนาสันติภาพอย่างแน่วแน่ แม้รอบตัวจะมีหลายคนยอมจำนนต่อความผิดหวัง แต่ผู้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความหวังและมีความอดทน ก็สามารถผ่านพ้นคืนที่มืดมิดที่สุดไปได้


ช่วงท้าย พระสันตะปาปาทรงสอนว่าความหวังเป็นคุณธรรมของผู้ที่มีจิตใจอ่อนเยาว์ แต่ความอ่อนเยาว์นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ แม้แต่ผู้สูงอายุก็สามารถมีความหวังและมองโลกในแง่ดีได้ หากพวกเขายังคงมุ่งมั่นและมองไปข้างหน้าเสมอ พระองค์ทรงยกตัวอย่าง ท่านซีเมโอนและอันนา ผู้สูงอายุที่ยิ่งใหญ่ในพระวรสาร ที่รอคอยพระเมสซิยาห์ด้วยความหวังมาตลอดชีวิต และในที่สุดก็ได้พบกับพระกุมารเยซูในวิหาร ทำให้ช่วงบั้นปลายชีวิตของพวกเขาเต็มไปด้วยพระพร 


พระสันตะปาปาจึงหวังว่าเราทุกคนจะเป็นเหมือนท่านซีเมโอนและอันนา กล่าวคือ เมื่อเราผ่านการเดินทางอันยาวนานของชีวิตมาจนถึงบั้นปลาย เราจะสามารถมองย้อนกลับไปด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดี เพราะเราได้พบกับความรอดของพระเจ้า และพร้อมที่จะจากโลกนี้ไปอย่างสงบ เหมือนอย่างที่ท่านซีเมโอนได้กล่าวไว้


หลังการเทศน์สอนจบลง พระสันตะปาปาทรงเชิญชวนทุกคนสวดสายประคำในเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นเดือนของแม่พระ โดยทรงเชิญสวดภาวนาเพื่อสันติภาพในยูเครน ปาเลสไตน์และอิสราเอล และเมียนมาร์


Sources


1. https://www.vatican.va/content/francesco/en/audiences/2024/documents/20240508-udienza-generale.html


2. https://www.vaticannews.va/en/pope/news/2024-05/pope-francis-entrusts-wars-to-the-blessed-mother.html 

 


Comments