สรุปสาระสำคัญ 11 ข้อในสมณโองการเรื่องปีศักดิ์สิทธิ์ 2025 (Jubilee Year)
โป๊ปฟรานซิส ทรงเลือก “ความหวัง” เป็นหัวข้อหลักของปีศักดิ์สิทธิ์ 2025 โดยคริสตชนแสดงเครื่องหมายแห่งความหวังได้หลายทาง เช่น “การมีบุตร” อย่าคิดว่าโลกไม่มีความหวังจนทำให้ไม่อยากมีบุตร ทรงเรียกร้องให้ศาสนจักรดูแลเยาวชนเป็นพิเศษ พวกเขาคือ “ตัวแทนของความหวัง” แต่ดูเหมือนถูกครอบงำด้วย “อนาคตที่ไม่แน่นอนและความสิ้นหวัง” ทรงตั้งข้อสังเกต Jubilee Year 2025 เป็นพระญาณสอดส่องของพระเจ้าที่ทำงานและทำให้คริสตชนทั้งคาทอลิกและออโธด็อกซ์ จะได้ฉลองปาสกาในวันเดียวกัน นั่นคือ 20 เมษายน 2025 ซึ่งปกติแล้ว เราจะฉลองไม่ตรงกัน
![]() |
Photo: Vatican Media |
เย็นวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา พระสันตะปาปา ฟรานซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทำวัตรเย็นโอกาสสมโภชพระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์ ซึ่งจัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ความพิเศษของวันนี้อยู่ในช่วงเริ่มพิธีที่มีการประกาศสมณโองการ (Bull of Indiction) ชื่อ “ความหวังไม่ทำให้ผิดหวัง” (Spes non confundit) และพระสันตะปาปาทรงประกาศปีศักดิ์สิทธิ์ 2025 อย่างเป็นทางการ
รายละเอียดที่ผมอ่านและสรุปได้ มีดังนี้
1. คริสตชนต้องเปี่ยมด้วยความหวัง จึงจะเป็นพยานที่น่าเชื่อถือถึงความรักของพระเจ้า และพวกเขาสามารถแสดงเครื่องหมายแห่งความหวังนั้นได้ โดยการมีบุตร ต้อนรับผู้อพยพ เยี่ยมเยียนผู้ต้องขัง ทำงานเพื่อสันติภาพ คัดค้านโทษประหารชีวิต ช่วยเหลือเยาวชนให้มีงานทำ กดดันประเทศร่ำรวยให้ยกหนี้ให้ประเทศยากจน สวดภาวนาเพื่อวิญญาณในไฟชำระ และผลักดันให้เปลี่ยนการใช้เงินจากการใช้จ่ายทางทหารไปเป็นความช่วยเหลือด้านอาหาร
2. ในโลกที่เต็มไปด้วยสงคราม ความแตกแยก การทำลายสิ่งแวดล้อม และความท้าทายทางเศรษฐกิจ ความหวังอาจดูเหมือนเป็นสิ่งที่หายากยิ่ง แต่ความหวังของคริสตชนไม่หลอกลวงหรือทำให้ผิดหวัง เพราะมันตั้งอยู่บนความแน่ใจที่ว่าไม่มีสิ่งใดหรือใครจะสามารถแยกเราจากความรักของพระเจ้า
3. ความต้องการสันติภาพของผู้คนและความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น ล้วนเป็นเครื่องหมายที่แสดงว่าความหวังยังคงมีอยู่
4. ความปรารถนาของคนหนุ่มสาวที่จะให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาว เป็นเครื่องหมายแห่งความอุดมสมบูรณ์ของความรักของพวกเขา นี่เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายแห่งความหวังที่รับประกันอนาคตให้กับทุกสังคม
5. แต่การลดลงของอัตราการเกิดอย่างน่าตกใจในหลายประเทศ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลและชุมชนต้องร่วมมือกันเพื่อสนับสนุนคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวที่ต้องการมอบเครื่องหมายแห่งความหวังนี้ให้กับโลก
6. พระสันตะปาปาบอกว่า “ผู้ต้องขัง” คือคนกลุ่มแรกที่ต้องการความหวัง พระองค์อยากให้มีการเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ในเรือนจำ แม้จะไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม แต่พระองค์ขอให้รัฐบาลทั่วโลกพิจารณาโครงการอภัยโทษและนิรโทษกรรมในปีศักดิ์สิทธิ์ และกระตุ้นให้มีความพยายามมากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่พ้นโทษแล้วจะได้รับความช่วยเหลือในการกลับคืนสู่สังคม
7. พระสันตะปาปาขอให้คาทอลิกทุกคน โดยเฉพาะบรรดาบิช็อปเป็นหนึ่งเดียวกันในการเรียกร้องสภาพความเป็นอยู่ที่มีศักดิ์ศรีสำหรับผู้ต้องขัง การเคารพสิทธิมนุษยชนของพวกเขา และที่สำคัญที่สุดคือการยกเลิกโทษประหารชีวิต ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ขัดแย้งกับความเชื่อคริสตชนและกำจัดความหวังในการอภัยโทษและการกลับใจ
8. พระสันตะปาปายังเรียกร้องให้ศาสนจักรดูแลเยาวชนเป็นพิเศษ ซึ่งควรจะเป็น “ตัวแทนของความหวัง” แต่มักจะดูเหมือนถูกครอบงำด้วย “อนาคตที่ไม่แน่นอนและไม่มีความหวัง”
9. เช่นเดียวกับผู้อพยพ ที่ออกจากบ้านเกิดเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่าสำหรับตนเองและครอบครัว ก็ต้องการการสนับสนุนเพื่อรักษาความหวังของพวกเขาไว้ พระสันตะปาปาเสริมว่า ความคาดหวังของพวกเขาต้องไม่ถูกทำลายด้วยอคติและการปฏิเสธ
10. พระสันตะปาปาทรงขอร้องคริสตชนช่วยเหลือวิญญาณในไฟชำระด้วยผ่านการภาวนาเพื่อพวกเขา นอกจากนี้ ทรงเชิญชวนทุกคนรับศีลอภัยบาป และขอให้ศาสนจักรท้องถิ่นทั่วโลกให้เตรียมสงฆ์ที่จะโปรดศีลอภัยบาปให้พร้อมบริการตลอดทั้งปีศักดิ์สิทธิ์
11. พระสันตะปาปาบอกว่า ค.ศ.2025 ครบรอบ 1,700 ปีของสังคายนานีกายา (Nicaea) พระองค์ทรงกระตุ้นให้คริสตชนทุกคนเป็นหนึ่งเดียว และเป็นที่น่าสังเกตว่าปี 2025 โดยพระญาณสอดส่องของพระเจ้า คริสตชนทั้งคาทอลิกและออโธด็อกซ์ จะได้ฉลองปาสกาในวันเดียวกัน นั่นคือ 20 เมษายน 2025 (ตามปกติ จะสมโภชปาสกาไม่ตรงกัน)
ส่วนวันเวลาเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ในปีจูบิลี 2025 รายละเอียดในสมณโองการนี้ ระบุว่า
1. ปีศักดิ์สิทธิ์จะเริ่มต้นด้วยการเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ของมหาวิหารนักบุญเปโตรในคืนวันที่ 24 ธันวาคม 2024
2. จากนั้นในวันที่ 29 ธันวาคม พระสันตะปาปาจะเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ของมหาวิหารซานโจวานนี่ อิน ลาเตราโน่ (จอห์น ลาเตรัน) ซึ่งเป็นอาสนวิหารของกรุงโรม และในวันเดียวกันนี้เอง ทุกอาสนวิหารท้องถิ่นทั่วโลกจะมีพิธีมิสซาโดยบิช็อปท้องถิ่น เพื่อเริ่มต้นปีศักดิ์สิทธิ์ในเขตปกครองของตน
3. วันที่ 1 มกราคม 2025 วันสมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเจ้า พระสันตะปาปาจะเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ที่มหาวิหารซานตา มารีอา มาจจอเร่
4. วันที่ 5 มกราคม 2025 วันสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์ พระสันตะปาปาจะเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ที่มหาวิหารนักบุญเปาโล นอกกำแพงกรุงโรม
5. ทั้งนี้ ในระดับศาสนจักรท้องถิ่นทั่วโลก ปีศักดิ์สิทธิ์จะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 ธันวาคม 2025 โดยประตูศักดิ์สิทธิ์ของมหาวิหารซานโจวานนี่ อิน ลาเตราโน่, มหาวิหารซานตา มารีอา มาจจอเร่, มหาวิหารนักบุญเปาโล นอกกำแพงกรุงโรม จะปิดในวันเดียวกันนี้
6. วันที่ 6 มกราคม 2026 ปีศักดิ์สิทธิ์ จะจบลงอย่างเป็นทางการในวันสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์ และจะปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ที่มหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน
Source
Comments
Post a Comment