CONNECT THE DOTS: หยุดทำ POPE REPORT เถอะ ให้เวลาลูกก่อน อีก 10 ปีกลับมาทำ ก็ไม่สาย (ตอนที่ 2)

เมื่อวานผมเขียนตอนอธิบายเรื่องกลับมาทำ Pope Report (ตอนที่ 1) วันนี้ ขอมาต่อตอนที่ 2 (ตอนจบ) ไฮไลท์จริงๆ อยู่ที่ตอนที่ 2 นี่แหละครับ มันยาวหน่อย แต่อยากแชร์ทุกท่านจริงๆ …


Dot ที่ 6: ธุรกิจพุ่งขึ้นฟ้า แต่ความเชื่อศรัทธาในพระพุ่งลงดิน


หลายท่านน่าจะรู้ว่าผมกับหุ้นส่วนธุรกิจเปิดบริษัทของตัวเองตั้งแต่ปี 2016 ธุรกิจผมไปได้ดีครับ เวลาเหมือนจะแย่ มันจะมี “มือวิเศษ” เข้ามาช่วยเสมอ ซึ่งผมมั่นใจว่าพระเจ้าช่วยผมจริงๆ


ปี 2019-2022 หรือช่วง 4 ปีนี้ ปัญหาคือธุรกิจผมพุ่งขึ้นฟ้า แต่ความเชื่อของผมเหมือนจะพุ่งลงดิน เปรียบได้กับกราฟ K-Shape (กราฟที่เปรียบการฟื้นตัวของธุรกิจเหมือนตัว K ที่ขีดตัวบนเจริญพุ่งขึ้นฟ้า ขีดตัวล่างเจริญฮวบๆ พุ่งลงดิน)


ปี 2019 ช่วงที่พระสันตะปาปา ฟรานซิส มาเมืองไทย ผมก็ไม่ได้ไปร่วมงานแม้แต่วันเดียว ผมโฟกัสไปที่การปั้นธุรกิจและแบ่งเวลาให้ลูก ผมยังไปวัดวันอาทิตย์หรือร่วมมิสซาออนไลน์ แต่ผมเริ่มสับสนว่า เราควรจะอ่านพระวรสารอย่างเดียว เพื่อฟังพระเยซูพูดกับเรา หรือเรายังควรไปวัด เพื่อยึดมั่นชุมชนความเชื่อ แต่ไปแล้ว เราเห็นหน้าบางคน เราก็รู้ว่าเบื้องหลังเขาทะเลาะกัน เราจะไปทำไม 


ยิ่งช่วงนั้นผมอ่านหนังสือธุรกิจเยอะ ผมได้เห็นนักธุรกิจระดับโลกที่ประสบความสำเร็จ ไม่นับถือศาสนา (ในใจผมยังเชื่อพระเจ้า แต่ความกระตือรือร้นมันลดลง) แต่เหมือนพระเจ้ารู้ อยู่ๆ ผมก็ไปเจอบทความของ “ปีเตอร์ ลินช์” (Peter Lynch) อดีตผู้จัดการกองทุนระดับโลกที่ผมติดตามมานาน ลินช์เป็นคาทอลิกที่ศรัทธามาก และแม้จะรวยหมื่นล้าน เขาก็ยังศรัทธาช่วยงานศาสนจักรเสมอมา นอกจากนี้ ผมยังได้อ่านเรื่องราวของ มิเคเล่ แฟร์เรโร่ (ผู้ล่วงลับ) เจ้าของโรงงานช็อกโกแล็ต เฟอร์เรโร่ ที่คนไทยรู้จักดี นี่ก็เป็นอีกคาทอลิกที่เคร่งครัด เขาศรัทธาในแม่พระเมืองลูร์ดมากๆ

ปีเตอร์ ลินช์ กับ มิเคเล่ แฟร์เรโร่ จึงเป็นสองคนที่ช่วย “พยุงความเชื่อ” ของผมในช่วงธุรกิจรุ่ง แต่ความเชื่อศรัทธาร่วง

(ปี 2020-2022 ผมเคยพยายามกลับมาทำข่าว​ Pope Report หลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ มันไม่ต่อเนื่อง บางทีท้อถึงขั้นอยากลบเพจทิ้งเลิกไปเลย หรือบางทีลบเพื่อสร้างเพจใหม่ อารมณ์นั้นเหมือนนักฟุตบอลที่ บาดเจ็บมานาน แต่พอลงสนาม ก็เจ็บซ้ำ พักอีกเป็นปี แต่ไม่รู้ว่าอะไรเตือนสติผมว่า “จะลบไปทำไม บางที เก็บ Digital Footprint เหล่านั้นไว้ เพื่อเตือนสติเราเรื่องความผิดพลาดในอดีต ก็ดีเหมือนกัน” สุดท้าย ผมจึงไม่ลบเพจ Pope Report)


Dot ที่ 7: พี่กระทิง พูลผล กับ CXO หลักสูตรธุรกิจที่พระเจ้ายังตามมาหาในห้องเรียน


CXO หรือ Chief Exponential Officer เป็นหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจที่สอนโดย “พี่กระทิง พูลผล” คนในวงการธุรกิจน่าจะรู้จักกันดี


แรกๆ ผมยังไม่รู้สึกว่าพระเจ้าตามมาหาผมในคอร์สนี้ แต่พอนานเข้า ความรู้สึก “พระเจ้าอยู่ทุกที่” ก็เกิดขึ้น จนผมเริ่มรู้สึกแปลกๆว่าพระเจ้ายังตามมาหาผมในคอร์สนี้อีกเหรอก็ตอนที่พี่กระทิงพูดสอนย้ำๆตลอดว่า “บางคนเหลิงจัด คิดว่าเดินบนน้ำได้ เปลี่ยนน้ำเป็นไวน์ได้” คำพูดเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่ศาสนาคริสต์ จะไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่นี่คือสิ่งที่พระเยซูทำในไบเบิ้ล

จังหวะที่คอนเฟิร์มผมว่า CXO ดึงสติดึงความเชื่อในศาสนาผมกลับมาคือวันที่ พี่กระทิงสอนว่า “พระเยซูคือผู้นำที่เก่งที่สุดในการเปลี่ยนแปลงคน เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม ท่านรู้ว่าคนประเภทไหนต้องคุยแบบไหน บางคนฉลาด บางคนเป็นพวกเจ้าอารมณ์ ถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ภาษาของพระเยซูจะเป็นการ lead by example ถ้าคนฟังเข้าใจ พวกเขาจะทำตาม และทำต่อๆกันไป”

พระเยซูอยู่กับบรรดาสาวกตลอด เมื่อผู้นำลงมาอยู่กับลูกทีม และทำตนเป็นตัวอย่างให้เห็น (Lead by example) บรรดาลูกทีมก็ซึมซับแบบอย่างที่ดีและมี passion นำไปปฏิบัติส่งต่อกันไปจนกลายเป็นวัฒนธรรมของการช่วยเหลือกัน

มาถึงตรงนี้ ผม connect the dots ได้ว่า “พี่กระทิงคือประกาศกคนที่ 3 ที่พระเจ้าส่งมาเตือนสติผมเรื่องความสำเร็จ อย่ามีอีโก้ คิดว่าตัวเองเก่ง เพราะจริงๆแล้ว พระเจ้าช่วยคุณต่างหาก” แม้จะเป็นพุทธศาสนิกชน แต่พี่กระทิงมีความรู้เรื่องพระเยซูพอสมควรเลยทีเดียว Dot ที่ 8: พระเจ้าส่ง “ประกาศกคนที่ 4” มาปิดเกม


เหมือนเป็นสิ่งที่พระเจ้าวางไว้ เมื่อธุรกิจไปได้ดี ก็มีกลุ่มนักลงทุนที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยเข้าเจรจาร่วมลงทุนในบริษัทของผม

คุณจะเชื่อไหมว่า คนที่มีอำนาจสูงสุดที่มาเจรจากับพวกผม “เขาเป็นคาทอลิกที่ศรัทธา” แค่คุยครั้งแรก ผมสัมผัสได้ว่าเขาคือคาทอลิก และเซ้นส์ของผมก็ถูก เพราะหลังออกจากห้องประชุม ผมถามพี่เขาไปตรงๆว่า “พี่เป็นคาทอลิกใช่ไหม” และคำตอบคือ “ใช่” 


CXO ว่าแปลกแล้วที่พระเจ้ายังตามมาหา แต่นี่ในการเจรจาธุรกิจที่สำคัญสุดในชีวิต คนที่มาเจรจาด้วย ก็เป็นคาทอลิกศรัทธาอีก ถึงตอนนี้ ผมเชื่อและยอมรับแล้วว่า พระเจ้าอยู่กับผมและช่วยผมจริงๆ 


การเจรจาธุรกิจก็สำเร็จไปตามกระบวนการของมัน แต่สิ่งที่ผมอยากบอกมากกว่านั้น ช่วงนี้ ลูกของผม อายุ 8 และ 6 ขวบตามลำดับ มันถึงเวลาต้องเรียนคำสอนและรับศีลมหาสนิท

ตอนแรก ผมตั้งใจให้ลูกไปเรียนคำสอนกับคุณพ่อมิเกล แต่คุณพ่อไม่ว่างจริงๆ ผมเริ่มสับสนว่าเอาไงดี เพราะลูกผมเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ เวลาไปมิสซาภาษาไทย เขาจะงงคำศัพท์เยอะมาก แต่ถ้าอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ เขาจะเข้าใจ 


ประกอบกับพี่คนที่ผมเจรจาธุรกิจ ถามผมว่า “เอาลูกไปเรียนคำสอนหรือยัง” ผมบอกว่ายัง เขาจึงบอกผมว่าพาลูกไปเรียนคำสอนได้แล้ว ไปเรียนที่วัดมหาไถ่เหมือนลูกเขาก็ได้ เรียนเป็นภาษาอังกฤษ เข้าใจชัวร์

** ผมเขียน Dot ที่ 8 แล้วกดดัน เพราะพี่คนนี้ก็กด Follow Pope Report ด้วย ถ้าผ่านมาเห็น ก็ถือว่าผมแชร์ประสบการณ์ความเชื่อแล้วกัน (ผมปิดชื่อพี่เขาไว้ เพื่อความลับทางธุรกิจ)

นอกจากพี่คนนี้แล้ว ยังมีเรื่องน่าประหลาดใจคือครูต่างชาติบางคนที่สอนลูกผมก็เป็นคาทอลิกที่ศรัทธา พอคุยไปเรื่อยๆ ครูต่างชาติท่านนี้ก็จะชวนผมไปเข้าเงียบ หรือกระตุ้นให้ผมเอาลูกไปเรียนคำสอนด้วย เหมือนพระเจ้าจะส่งคนมาตาม หลายๆทาง


Dot ที่ 9: วัดมหาไถ่ คุณลุงพอลแมรี่ และพี่ที่เจรจาธุรกิจ


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ จากไม่เคยคิดว่าจะต้องมาวัดมหาไถ่ทุกอาทิตย์ ตอนนี้กลายเป็นผมมาที่นี่ทุกอาทิตย์ (เริ่มตั้งแต่ตุลาคม 2023) เพราะลูกต้องเรียนคำสอนที่นี่ นอกจากนี้ การมาวัดมหาไถ่ ผมยังได้เจอคุณลุงพอลแมรี่เป็นประจำ ซึ่งคุณลุงก็บอกว่า “หลานของลุงก็เรียนคำสอนรอบเดียวกันนี่แหละ” และผมก็ยังได้เจอพี่ที่ดีลธุรกิจเกือบทุกอาทิตย์ เพราะต้องรอลูกเรียนคำสอนเหมือนกัน


Dot ที่ 10: For God so loved the world, He gave us His only Son

วันนั้นคือวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2024 บทอ่านที่สองของวันนั้น มีประโยคที่ว่า For God so loved the world, He gave us His only Son ซึ่งเป็นประโยคในเพลง Tell the world of HIS Love หรือ “บอกความรักพระองค์ให้โลกรู้” ใน Dot ที่ 1 ที่ผมเขียนไป

พอกลับมาบ้าน ผมเอาเพลงบอกความรักพระองค์ให้โลกรู้ มาใส่ในโทรศัพท์ของผมและฟังวนไปวนมา แล้วผมก็คิดได้ว่า ตอนวิกฤติความเชื่อครั้งแรกในชีวิต เพลงนี้โผล่เข้ามาหาผม และตอนนี้ วิกฤติความเชื่อครั้งที่สอง เพลงนี้ก็กลับมาหาผมอีกครั้ง บางที Dot ที่ 1 กับ Dot ที่ 10 ก็มาพบกันแบบงงๆ เหมือนกัน

จากนั้น ผมก็มาไตร่ตรอง Dot ที่ 2 ที่เป็นคำพูดของคุณพ่อประมวล พุฒตาลศรี (ผู้ล่วงลับ) ที่กล่าวว่า “สิ่งดีที่สุดในโลกอยู่ที่ไหน เราไม่รู้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา พระเจ้าจัดวางใกล้เราเสมอ” เมื่อลองเอาทุก Dot มาเชื่อมต่อกัน ผมว่ามันใช่เลย พระเจ้าจัดวางสิ่งที่ดีที่สุดไว้ข้างตัวเราจริงๆ สิ่งที่เกิดกับผมนี่แหละคือคำตอบของทุกอย่าง


ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาว่า ทำไม Pope Report ถึงกลับมา เพราะ “ปริศนาคาใจ” ทุกอย่างถูกแก้หมดภายในเวลา 7 ปี จากที่เคยคิดว่า 10 ปีจะต้องหยุด Pope Report แต่เมื่อ connect the dots ได้ ผมกลับมาได้เร็วกว่ากำหนด 3 ปี (มันเป็น 7 ปีที่คุ้มค่า เพราะความเชื่อผมกลับมาอีกครั้ง)


วิกฤติความเชื่อครั้งที่ 1 ของผมเกิดในปี 2000 ตอนผมอายุ 17 ปี ตอนนี้ พระเจ้าส่งพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 มาช่วยแก้ไข 


วิกฤติความเชื่อครั้งที่ 2 เกิดระหว่างปี 2017-2024 ครั้งนี้ ผมอายุ 41 ปี พระเจ้าส่งประกาศกมาช่วยแก้ถึง 4 คน (คุณลุงพอลแมรี่, คุณพ่อมิเกล, พี่กระทิง พูนผล และพี่คนนั้นที่เจรจาธุรกิจ)


ตอนจบของเพลง “บอกความรักของพระองค์ให้โลกรู้” จอห์น รัตนเวโรจน์ และ มาร์ติน่า แอนตัวเน็ท (ถ้าผมจำชื่อพี่ผู้หญิงคนนี้ไม่ผิดนะครับ) ร้องว่า “ให้เราพูดถึงความรักพระองค์” ยังดังในหัวผมตลอด ขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่ง พระเจ้าอยู่เคียงข้างและอยู่กับผมในทุกเวลาของชีวิตจริงๆ ตอนนี้ ภรรยาบอกว่า ผมต้องเล่าเรื่องพวกนี้ให้ลูกฟัง ต้องถ่ายทอดความเชื่อให้เขาเยอะๆ แต่ผมก็ยังไม่ได้ทำ (แต่เดี๋ยวคงต้องทำ)


นี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากแบ่งปัน และชวนทุกคนร่วมกัน Tell the world of HIS Love ครับ

Comments