โป๊ปฟรานซิสร่วมพิธีตื่นเฝ้าปาสกาและโปรดศีลล้างบาปคริสตชนใหม่

  • คืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ร่วมพิธีตื่นเฝ้าปาสกาและโปรดศีลล้างบาปให้คริสตชนใหม่ 7 คนจากอิตาลี, สหรัฐอเมริกา, คิวบา และ อัลบาเนีย
  • พระสันตะปาปาไม่ได้เป็นประธานในพิธี เพราะมีอาการปวดสะโพกร้าวลงขา พระองค์ให้ คาร์ดินัล โจวานนี่ บัตติสต้า เร เป็นประธานในพิธีแทน
  • แต่ช่วงเทศน์ พระสันตะปาปาทรงเทศน์เองและให้ข้อคิดว่า หลายครั้งเราไม่มีที่ว่างในใจให้กับ “ข่าวดี” เรามองชีวิตด้วยความหดหู่ เราขีดฆ่าอนาคตเราทิ้งและฝังกลบความสุขไปจากหัวใจ เหมือนกับบรรดาศิษย์ที่หดหู่สิ้นหวัง เมื่อเห็นพระเยซูสิ้นพระชนม์ พวกเขาไม่ได้เตรียมที่ว่างให้กับ “ข่าวดี” ซึ่งคือข่าวการกลับคืนชีพจากความตายของพระองค์
  • ทรงสอน “เมื่อชีวิตสิ้นหวัง เราจึงแสวงหาพระเจ้า แต่ชีวิตดีมีความสุข เราหลงลืมพระองค์” ถ้าเป็นแบบนี้ เราดำเนินชีวิตแบบคนใกล้ตาย เพราะในความเป็นจริง พระเยซูทรงกลับคืนชีพและมาประทับอยู่ท่ามกลางเรา พระองค์ไม่ได้อยู่ในหมู่ผู้ตาย
  • ทรงหวังเห็นศาสนจักรป่าวประกาศการกลับคืนชีพของพระเยซูด้วยความชื่นชมยินดี เหมือนสตรีที่วิ่งกลับมาจากคูหาฝังศพพระเยซู เราต้องประกาศแบบไม่กลัว ไม่ห่วงภาพลักษณ์ ไม่มีความแตกแยก และไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ 
  • พิธีนี้ “อีวาน เฟโดรอฟ” ผู้ว่าเมืองเมลิโตโปลของยูเครน ซึ่งเคยถูกกองทัพรัสเซียลักพาตัว มาร่วมด้วย



Photo: Vatican Media


สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงร่วมพิธีตื่นเฝ้าปาสกา ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน พิธีนี้ พระสันตะปาปาไม่ได้เป็นประธาน เนื่องจากพระองค์ทรงมีอาการปวดสะโพกร้าวลงขา ทำให้ คาร์ดินัล โจวานนี่ บัตติสต้า เร เป็นประธานในพิธีแทนพระสันตะปาปา

อย่างไรก็ตาม ช่วงบทเทศน์ พระสันตะปาปาทรงเป็นผู้เทศน์ให้ข้อคิด และหลังจากนั้น พระองค์ทรงเป็นผู้ประกอบพิธีศีลล้างบาปให้กับคริสตชนใหม่ 7 คน โดยมาจากอิตาลี, สหรัฐอเมริกา, คิวบา และ อัลบาเนีย

พิธีนี้ “อีวาน เฟโดรอฟ” ผู้ว่าเมืองเมลิโตโปลของยูเครน ซึ่งเคยถูกกองทัพรัสเซียลักพาตัวไป ได้รับเชิญให้มาร่วมพิธีพร้อมกับครอบครัวด้วย โดยพระสันตะปาปาตรัสกับเขาว่า “พวกเรากำลังภาวนาให้ผู้ที่กำลังทนทุกข์ทรมาน พวกเราสามารถให้ท่านได้แค่การอยู่เคียงข้าง คำภาวนา และกล่าวกับท่านว่า ‘จงกล้า! เราเคียงข้างท่าน และขอกล่าวกับท่านด้วยสิ่งยิ่งใหญ่สุดที่เรากำลังเฉลิมฉลองในวันนี้ว่า Christòs voskrés! (ภาษายูเครน) แปลว่า พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพแล้ว!”

ส่วนใจความสำคัญสิ่งที่พระสันตะปาปาเทศน์สอน พระองค์ใช้สรุปใน 3 หัวข้อคือ “พวกเขาเห็น พวกเขาได้ยิน และพวกเขาไปป่าวประกาศให้คนอื่นรู้”

สตรีเหล่านั้นได้เห็น

ข่าวการกลับคืนชีพของพระเยซูเป็นเหมือนข่าวดีที่บางครั้งในใจของเรายังไม่ได้เตรียมพื้นที่ให้กับมัน ก็เหมือนกับบรรดาสตรีในพระวรสาร ปฏิกิริยาตอนแรกของพวกเธอคือสงสัย กลัว และคิดว่ามันเป็นไปได้อย่างไร

ในชีวิตเราก็เช่นกัน บางครั้งเรามองชีวิตด้วยความหดหู่ และบางครั้งเราก็ขีดฆ่าอนาคตทิ้งไป เราคิดไปว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาให้ดีขึ้นได้ เราฝังกลบความชื่นชมยินดีในการดำเนินชีวิตทิ้งไป

แต่ความหวังแห่งการกลับคืนชีพของพระเยซู จะทำให้เรามองชีวิตด้วยสายตาที่ต่างออกไป มันทำให้เรากระโดดโลดเต้นด้วยความชื่นชมยินดีว่า ความกลัว ความเจ็บปวด และความตาย จะไม่ใช่สิ่งสุดท้ายในชีวิตของเรา แน่นอนว่า ความตายทำให้เรากลัวและเป็นทุกข์ แต่เราต้องจำไว้ว่า พระเจ้าทรงกลับคืนชีพจากความตายแล้ว


สตรีเหล่านั้นได้ยิน

“ทำไมท่านมองหาผู้เป็นในหมู่ผู้ตาย พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ทรงกลับคืนชีพแล้ว … พระองค์ทรงกลับคืนชีพแล้ว” ประโยคนี้สำหรับพวกเรา เวลาที่เราคิดว่าเราเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับพระเจ้า เราแสวงหาพระเจ้าเฉพาะเวลาที่เราต้องการพระองค์เท่านั้น และเราก็หลงลืมพระองค์ในเวลาอื่นของชีวิต เราทอดทิ้งพระเจ้าที่อยู่ในเพื่อนพี่น้องซึ่งต้องการความช่วยเหลือ

เราจำเป็นต้องหลุดพ้นจากวิธีคิดและความประพฤติแบบคนใกล้ตาย ซึ่งทำให้เราเป็นนักโทษของอดีตและขาดความกล้าที่จะได้รับการอภัยจากพระเจ้า เราจำเป็นต้องยอมรับและเผชิญกับพระเจ้าผู้ทรงชีวิตซึ่งปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงเราและโลก

สตรีเหล่านั้นป่าวประกาศให้คนอื่นรู้

พระสันตะปาปาเน้นว่า สตรีเหล่านั้นประกาศการกลับคืนชีพของพระเยซูให้คนอื่นรู้ด้วยความชื่นชมยินดี

ความชื่นชมยินดีไม่ใช่แค่การปลอบโยนแบบชื่นบาน แต่มันมีชีวิตชีวาที่ทำให้เกิดศิษย์แพร่ธรรมที่จะนำพระวรสารแห่งการกลับคืนชีพของพระคริสต์ไปบอกกับทุกคน

ลองคิดดูว่ามันจะงดงามเพียงใดที่ศาสนจักรวิ่งไปป่าวประกาศด้วยวิธีนี้บนถนนหนทางของโลก ประกาศแบบไม่กลัว ไม่มีความแตกแยก และไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ แต่ประกาศด้วยความปรารถนาล้วนๆที่จะนำความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสารไปบอกทุกคน

ขอให้เรานำพระองค์ไปในการดำเนินชีวิตทุกๆวัน ผ่านทางการแสดงออกถึงสันติในทุกวันที่เต็มไปด้วยความสยดสยองของสงคราม ขอให้เรานำพระองค์ไปในการดำเนินชีวิตทุกๆวัน ผ่านทางการแสดงออกของการคืนดีกันท่ามกลางความสัมพันธ์ที่แตกหัก และเหนือสิ่งอื่นใดผ่านทางงานของความรักและความเป็นพี่น้องกัน

Source

- https://www.vatican.va/content/francesco/en/homilies/2022/documents/20220416-omelia-veglia-pasquale.html













“อีวาน เฟโดรอฟ” ผู้ว่าเมืองเมลิโตโปลของยูเครน (ที่สองจากขวา) มาร่วมพิธีด้วย



Photo: Vatican Media

Comments