โป๊ปฟรานซิสชวนสงฆ์เพ่งตามองไปที่พระเยซู อย่าหลงกับเรื่องทางโลก
มิสซาเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ โป๊ปฟรานซิสเชิญชวนบรรดาสงฆ์ “เพ่งตามองไปที่พระเยซู” เพื่อจะได้รักและรับใช้ได้ดียิ่งขึ้น
ทรงเตือนสงฆ์อย่าหลงใหล 3 สิ่ง อันแรกคือ “จิตตารมณ์ทางโลก” สงฆ์ที่สนใจสิ่งของทางโลก เขาก็คือคนไม่เชื่อพระเจ้าที่ใช้การเป็นสงฆ์เพื่อแสวงหาสิทธิพิเศษ
อันที่สอง “การหลงอยู่กับผลลัพธ์ซึ่งดูแต่ตัวเลข” สงฆ์บางคนเอาแต่สถิติมายันกัน คริสตชนไม่ควรถูกลดคุณค่ามองเป็นตัวเลข
อันที่สาม “การหลงใหลในหน้าที่” (Functionalism) สงฆ์ที่คิดแบบหน้าที่นิยมจะใช้ “อีโก้” หล่อเลี้ยงชีวิต เขาให้ความสำคัญกับแผนงานของตนมากกว่าการสรรเสริญพระเจ้า

Photo: Vatican Media
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ (Chrism Mass) ช่วงเช้าของวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน
มิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเชิญชวนบรรดาสงฆ์ให้เพ่งตามองไปที่พระเยซู เพื่อที่พวกเขาจะได้รับใช้พระเจ้าและประชากรของพระองค์ได้ดียิ่งขึ้น
พระสันตะปาปาตรัสว่า การได้เป็นสงฆ์นั้นถือเป็นพระหรรษทานที่ดี แต่มันไม่ใช่พระหรรษทานสำหรับเราเป็นหลัก แต่นี่คือพระหรรษทานสำหรับบรรดาคริสตชน
พระสันตะปาปาผู้ทรงพระชนมายุ 85 ชันษา ตรัสอีกว่า คริสตชนจำเป็นต้องได้รับการรับใช้จากสงฆ์ด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอย่างชัดแจ้ง พระองค์เชิญชวนบรรดาสงฆ์ให้ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าด้วยการยอมมอบตนเองให้ได้รับความรักและการให้อภัยจากพระเจ้า
พระวรสารในมิสซานี้จากนักบุญลูกา มีประโยคหนึ่งเขียนว่า “พวกเขาเพ่งตามองไปที่พระเยซู” พระสันตะปาปาจึงใช้คำนี้ สอนว่า “การเพ่งตามองไปที่พระเยซูคือพระหรรษทานที่เราในฐานะสงฆ์ จำเป็นต้องฝึกเข้าไว้” จงขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระหรรษทานที่พระองค์มอบให้ และแสดงให้พระองค์เห็นถึงการประจญล่อลวงที่เราพบเจอ เพื่อที่เราจะเอาชนะมันได้
พระสันตะปาปายังตรัสถึง “การหลงใหลบางสิ่งอย่างลับๆ” (Hidden Idols) ซึ่งสามารถทำร้ายกระแสเรียกการเป็นสงฆ์
สิ่งแรกคือ “จิตตารมณ์ทางโลก” นี่คือวัฒนธรรมที่ไม่ยั่งยืน มันคือชัยชนะที่ปราศจากไม้กางเขน สงฆ์ที่สนใจสิ่งของทางโลก เขาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าคนไม่เชื่อพระเจ้าที่ใช้การเป็นสงฆ์เพื่อแสวงหาสิทธิพิเศษ (A clericalised pagan)
การประจญที่สองคือการหลงอยู่กับผลลัพธ์ซึ่งดูแต่ตัวเลขว่าเป็นสิ่งสำคัญสุด (The kind of pragmatism where numbers become the most important thing) เราได้เห็นสงฆ์หลายคนถูกครอบงำด้วยสถิติ อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถลดความหมายของคริสตชนให้กลายเป็นเหมือนตัวเลข วิธีการเช่นนี้ไม่สามารถนำมาใช้เป็นบรรทัดฐานในศาสนจักรของพระคริสต์
การหลงใหลเรื่องที่สามเกี่ยวกับเรื่องที่สอง มันคือการหลงใหลในหน้าที่ (Functionalism) วิธีคิดแบบหน้าที่นิยมมุ่งหวังแต่เรื่องประสิทธิภาพ สงฆ์ที่มีวิธีคิดแบบหน้าที่นิยมจะใช้ “อีโก้” หล่อเลี้ยงตนเอง ในวิถีหน้าที่นิยมเช่นนี้ เรากันที่เล็กๆให้กับพระบิดา และไปให้ความสำคัญกับชีวิต รวมถึงการพึงพอใจในประสิทธิภาพของแผนงานตนเอง
ตอนท้าย พระสันตะปาปาทรงจบบทเทศน์ด้วยการวอนขอนักบุญโจเซฟ บิดาผู้บริสุทธิ์และเป็นอิสระจากการหลงใหลบางสิ่งอย่างลับๆ ได้โปรดช่วยบรรดาสงฆ์ให้เป็นอิสระจากการยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ และให้พวกเขาได้รับพระหรรษทานที่จะรักษาหน้าที่ของการแยกแยะความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
Reference
- https://www.vatican.va/content/francesco/en/homilies/2022/documents/20220414-omelia-crisma.html
Comments
Post a Comment