โป๊ปฟรานซิส "เราทุกคนมีความเป็นจูดาสอยู่ในตัว เมื่อต้องเลือกระหว่างความซื่อสัตย์กับความเห็นแก่ตัว"

  • สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงสอน เราทุกคนมีความเป็นจูดาสอยู่ในตัว เมื่อถึงเวลาต้องเลือกระหว่างความซื่อสัตย์กับความเห็นแก่ตัว ความเป็นจูดาสคือความสามารถที่จะทรยศหรือขายสิ่งที่เรารัก เพื่อแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัว 
  • ทรงแบ่งปัน ลูกที่คิดถึงแต่ความสบายของตัวเอง ด้วยการพาพ่อแม่ไปอยู่บ้านพักคนชราและไม่เคยไปเยี่ยมเลย ก็มีพฤติกรรมจูดาสเช่นกัน 
  • ทรงชี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะรับใช้พระเจ้าและเงินไปพร้อมกัน คนที่ทำแบบนี้คือคนที่เอาเปรียบแบบหลบๆซ่อนๆ เขาคล้ายคนที่ดูไม่มีรอยด่างพร้อยทางสังคม แต่ใต้โต๊ะนั้น เขากำลังเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์
  • ทรงย้ำ คนที่รักเงินมากเกินไป จะทรยศคนอื่นเพื่อให้ตัวเองมีมากขึ้นกว่าเดิมเสมอ นี่คือความจริง
  • ทรงเชิญภาวนาเพื่อพระเจ้าจะได้เปลี่ยนจิตใจของบรรดามาเฟียและนายทุนหน้าเลือดซึ่งค้ากำไรบนรายจ่ายของคนที่กำลังเดือดร้อน

Copyright: Vatican Media



ช่วงเช้าวันพุธที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซานตา มาร์ธา ช่วงเริ่มพิธี พระสันตะปาปาทรงเชิญทุกคนภาวนาเพื่อคนที่ค้ากำไรบนรายจ่ายของคนยากจน คนที่หาผลกำไรจากคนที่กำลังเดือดร้อน คนที่ทำตัวแบบนี้เป็นเหมือนมาเฟียและนายทุนหน้าเลือด ดังนั้น เราต้องภาวนาขอพระเจ้าโปรดสัมผัสและเปลี่ยนจิตใจของพวกเขาด้วย

สำหรับพระวรสารประจำมิสซานี้ จูดาส อิสคาริโอท ไปพบบรรดาหัวหน้าสมณะ เพื่อขายพระเยซู ค่าทรยศครั้งนี้คือเงิน 30 เหรียญ

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า "วันพุธในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ เราเรียกวันนี้ว่า 'วันพุธแห่งการทรยศ' (Mercoledì del tradimento) เมื่อจูดาสขายอาจารย์ของตนให้หัวหน้าสมณะ สิ่งนี้ทำให้เราคิดถึงการค้าทาสจากแอฟริกาไปอเมริกา มันอาจดูเนิ่นนานมาแล้วและห่างไกลจากทุกวันนี้ ทว่าในปัจจุบัน ในทุกวันนี้ คนเราก็ยังขายคนอื่นอยู่ เช่นบรรดาหญิงชาวยาซิดี้ที่ถูกขายให้กับกลุ่มทหารดาเอช (เหตุการณ์ปี 2014 หญิงสาวชาวยาซิดี้กว่า 400 คน ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อสายเคิร์ดที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือของอิรัก ถูกกลุ่มไอเอสจับกุมตัวและนำไปขายเป็นทาสทางเพศให้กับทหารดาเอช)

"นี่คือจูดาสที่ขายพี่น้องของตน เอาเปรียบพวกเขาในหน้าที่การงานด้วยการไม่จ่ายค่าจ้าง ไม่เห็นคุณค่าหน้าที่ของพวกเขา คนเหล่านี้ขายได้แม้กระทั่งสิ่งที่ตนรักมากที่สุด ... มันทำให้พ่อนึกถึงคนที่คิดแต่ความสะดวกสบายด้วยการย้ายพ่อแม่ของตัวเองไปอยู่บ้านพักคนชราและไม่ไปเยี่ยมพวกท่าน คนพวกนี้คิดแต่ว่าไปอยู่บ้านพักคนชราดีแล้ว ปลอดภัยแล้ว แต่นี่คือการขายพ่อแม่ของตน"

จากนั้น พระสันตะปาปาทรงย้ำเตือนเรื่องการเลือกบูชาพระเจ้าหรือเงิน พระองค์ตรัสว่า "พระเยซูสอนว่า 'ท่านไม่สามารถรับใช้พระเจ้าและเงินไปพร้อมกัน' พระเยซูให้เราเลือกระหว่างรับใช้พระเจ้าและท่านจะเป็นอิสระผ่านทางการรับใช้ หรือจะรับใช้เงินและท่านจะเป็นทาสของมัน ... หลายคนยังคงเลือกรับใช้ทั้งสองอย่างไปพร้อมกัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ขณะที่เราแสร้งทำเป็นรับใช้พระเจ้าและเงินไป เราได้กลายเป็นคนเอาเปรียบแบบหลบๆซ่อนๆ เป็นคนที่ดูไม่มีรอยด่างพร้อยทางสังคม แต่ใต้โต๊ะนั้น เรากำลังเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์"

พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงจูดาส ซึ่งในพระวรสารได้ขายพระเยซูเพื่อเงิน พระองค์ตรัสว่า "ชีวิตในอดีตของจูดาสเป็นอย่างไร เราไม่รู้ แต่แน่นอนเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไป บางทีอาจเป็นคนขี้กังวล แต่พระเจ้าทรงเรียกเขามาเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ อย่างไรก็ตาม จูดาสไม่เคยจัดการตัวเองให้มีปากและหัวใจของการเป็นศิษย์ ... แม้จูดาสจะอ่อนแอในความเป็นศิษย์พระเยซู แต่พระองค์ยังรักเขา ตั้งแต่ที่บ้านของลาซารัสที่ มารีอา ชโลมน้ำหอมราคาแพงที่พระบาทของพระเยซู พระวรสารทำให้เราเข้าใจเลยว่าจูดาสรักเงิน นักบุญจอห์นอธิบายเพิ่มเติมว่าจูดาสเศร้าใจที่ต้องเห็นน้ำหอมราคาแพงถูกนำไปใช้แบบนี้ เขาเศร้าใจไม่ใช่เพราะเขารักคนยากจน แต่เพราะเขาเป็นขโมย ความรักที่มีต่อเงินนำพาจูดาสให้ก้าวออกจากกฎเกณฑ์ต่างๆ ... คนที่รักเงินมากเกินไป ก็จะทรยศคนอื่นเพื่อให้ตัวเองมีมากขึ้นกว่าเดิม มันเป็นเช่นนี้เสมอ นี่คือความจริง

"สิ่งหนึ่งที่ดึงความสนใจของพ่อคือพระเยซูไม่เคยเรียกจูดาสเป็นการส่วนตัวว่า 'ไอ้คนทรยศ' พระองค์ตรัสว่าจูดาสจะทรยศ แต่ไม่เคยพูดกับเขาว่า 'ไปให้พ้น ไอ้คนทรยศ' ตรงกันข้าม พระองค์เรียกเขาว่า 'เพื่อน' จริงอยู่ พระเยซูตรัสอย่างชัดเจนว่า 'วิบัติจงเกิดแก้คนที่ทรยศต่อบุตรแห่งมนุษย์ ถ้าเขาไม่เกิดมาจะดีกว่า' (มธ 26:24) ตอนจบของจูดาส เขาตกนรกหรือไม่ พ่อไม่รู้ แต่พ่ออยากให้เราตั้งใจดูคำพูดที่พระเยซูเรียกจูดาสว่า 'เพื่อน' ให้มากๆ

"เรื่องราวของจูดาสชี้ให้เราเห็นความจริงว่า ปีศาจคือคนจ่ายเงินที่แย่มาก เขาไม่น่าเชื่อถือ เขาสัญญาทุกอย่างกับเรา แต่ตอนจบ เขาปล่อยให้เราอยู่คนเดียวแบบสิ้นหวังและไปแขวนคอตาย ความกระวนกระวายและความทุกข์ระทมระหว่างความโลภและความรักต่อพระเยซู ทำให้จูดาสกลับไปหาพวกสมณะ แต่พอเจอคนเหล่านั้น พวกเขากลับพูดกับจูดาสว่า 'แล้วเราจะทำอะไรได้ล่ะ นี่มันเรื่องของคุณแล้ว' คำพูดแบบนี้แหละคือแนวทางที่ปีศาจพูดกับเรา มันปล่อยให้เราอยู่ในความสิ้นหวัง

"ยังมีอีกหลายองค์กรแบบจูดาสในโลกนี้ที่เอาเปรียบมนุษย์คนอื่นๆ มันยังมีประเภทของจูดาสตัวน้อยๆ อยู่ในเราแต่ละคน เฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เราต้องเลือกระหว่างความซื่อสัตย์กับความเห็นแก่ตัว เราแต่ละคนมีความสามารถที่จะทรยศ ขาย และเลือกสิ่งต่างๆ เพื่อความต้องการของตัวเอง เราแต่ละคนมีโอกาสที่จะปล่อยตัวเองให้ถูกดึงดูดด้วยความรักที่มีต่อเงิน วัตถุสิ่งของ และความเป็นอยู่ที่ดีในอนาคต

"คำถามที่พ่ออยากถามเราแต่ละคนก็คือ 'จูดาสตัวน้อยๆ ที่อยู่ในตัวของเรา เจ้าอยู่ไหนกัน'" พระสันตะปาปาตรัสปิดท้าย

Comments