โป๊ปฟรานซิส "อย่าเป็นคนเกียจคร้าน บ่นเรื่องคนอื่น แต่ไม่ลงมือทำสิ่งใดๆ"

  • สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงสอน อย่าเป็นคนเกียจคร้าน บ่นเรื่องคนอื่น แต่ไม่ลงมือทำสิ่งใดๆ เหมือนชายที่นอนป่วยริมสระน้ำมา 38 ปี 
  • ทรงย้ำ อย่าทำตัวเหมือนชายคนนี้ที่พระเจ้ารักษาให้หายจากความพิการ แต่ไม่คิดแม้แต่จะขอบคุณพระเยซู ทั้งที่เจอพระองค์ถึง 2 ครั้ง 
  • พร้อมกันนี้ ทรงเชิญภาวนาเพื่อคุณหมอและพยาบาลที่มอบชีวิตตนเอง เพื่อดูแลผู้ป่วยโควิด-19 

พระสันตะปาปาถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซานตา มาร์ธา/ Photo: Vatican Media


ช่วงเช้าวันอังคารที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงถวายมิสซาเช้าภายในวัดน้อยประจำหอพักซานตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเชิญภาวนาเพื่อบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่ได้มอบชีวิตของตนในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 บางคนถึงขั้นเสียชีวิตเพราะติดเชื้อต่อจากผู้ป่วย พระสันตะปาปาทรงขอบคุณพระเจ้าที่ประทานแบบอย่างที่ดีให้เราได้เห็นผ่านทางคุณหมอและพยาบาลที่ดูแลคนไข้เหล่านี้

พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูทรงรักษาชายพิการคนหนึ่งข้างสระน้ำ ชายคนนี้นอนป่วยเฉยๆ มา 38 ปี โดยไม่คิดจะช่วยพยุงตัวเองลงไปในสระน้ำ เขาเอาแต่โทษคนอื่น ไม่มีใครช่วยจุ่มเขาลงไปในสระน้ำ

พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า "เรื่องนี้ทำให้เราต้องคิดจริงๆ เกี่ยวกับทัศนคติของชายคนนี้ เขาอาจจะพิการ แต่เขาก็ป่วยทางใจ เจ็บป่วยในจิตวิญญาณ เจ็บป่วยในการหมดอาลัยตายอยาก ป่วยในความเกียจคร้าน เขาเป็นคนที่ต้องรอให้คนอื่นมาจัดการทุกอย่างให้ เพื่อที่คนอื่นจะได้มาช่วยเขา

"การเจ็บป่วยของเขาไม่ได้เป็นบาป แต่บาปของเขาคือการเอาแต่บ่นเรื่องคนอื่น คำตอบที่ชายคนนี้ตอบพระเยซู ที่จริงแล้ว เขาควรตอบพระองค์ว่า 'ใช่ ผมอยากได้รับการรักษาให้หาย' แต่เขาดันบ่นว่าคนอื่นไม่ช่วยเขา การมองชีวิตคนอื่นแล้วบ่นด้วยความไม่พอใจ และพูดว่า 'คนอื่นไปก่อนเราแล้ว เรากลายเป็นเหยื่อแล้วจริงๆ' มันไม่ถูกต้อง

"มันมีคริสตชนหลายคนที่ดำเนินชีวิตด้วยความเกียจคร้าน ไม่มีความสามารถที่จะทำสิ่งต่างๆ แต่เลือกจะบ่นต่อว่าทุกอย่าง ความเกียจคร้านคือยาพิษ มันคือหมอกที่ปกคลุมจิตวิญญาณ ความเกียจคร้านคือยาเสพติด เพราะถ้าเราเสพมันแล้ว เราจะติดมัน จะชอบมัน และบทสรุปคือเราจะกลายเป็นคนเสพติดความเศร้าและเสพติดความเกียจคร้าน

"ดังนั้น พ่ออยากเชิญเราไตร่ตรองพระวรสารวันนี้ว่า ชายคนนี้ไม่แม้แต่จะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจและประกาศให้โลกรู้ว่าเขาได้รับการรักษาให้หายแล้ว เขาไม่แม้แต่จะขอบคุณพระเยซูเมื่อได้พบพระองค์อีกครั้ง มันมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเขาล่ะเนี่ย พ่ออยากให้เราไตร่ตรองกันดู" พระสันตะปาปาตรัสปิดท้าย

Comments