กระแสต่อต้านคาทอลิกในฝรั่งเศสที่กลายเป็นการบุกรุกและทำลายสถานที่ทางศาสนา

ตั้งแต่สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ที่ผ่านมา มีความเสียหายเกิดกับโบสถ์คาทอลิกหลายแห่งทั่วโลก ถ้าจะนับเฉพาะที่เป็นข่าว ก็จะมี


วัดแซงค์ ซูลปีส กรุงปารีส ถูกไฟไหม้

- 14 เม.ย. (อาทิตย์ใบลาน) วัดคาทอลิกแห่งหนึ่งในเขตมาซิเด้ จังหวัดอูเดนเซ่ แคว้นกาลิเชีย ประเทศสเปน ถูกผู้บุกรุกพ่นสีสเปรย์ใส่หน้าประตูวัด ข้อความว่า “ศาสนาคือสิ่งมอมเมาประชาชน” นอกจากนี้ ยังพ่นรูปกากบาทใส่ไม้กางเขนด้วย

- 15 เม.ย. (จันทร์ศักดิ์สิทธิ์) อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส ถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ วันเดียวกันนี้ที่วัดนักบุญเกรโกรเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา มีผู้บุกรุกนำสีแดงไปสาดใส่รูปแม่พระ จนได้รับความเสียหายอย่างมาก

- 17 เม.ย. (พุธศักดิ์สิทธิ์) รูปแม่พระที่เขตมัลส์ (Marlhes) จังหวัดลัวร์ (Loire) ถูกผู้บุกรุกตัดศีรษะและตัดหน้าอก เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวบ้านที่นั่นเจ็บปวดมาก

- 18 เม.ย. (พฤหัสศักดิ์สิทธิ์) มีผู้บุกรุกเข้าไปในโบสถ์คาทอลิกในแซนอันโตนิโอ รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา และเข้าไปทุบทำลายรูปปั้นพระเยซูจนมือได้รับความเสียหาย

- 21 เม.ย. (อาทิตย์ปาสกา) เหตุการณ์ที่สร้างความเศร้าสลดไปทั่วโลกก็คือโบสถ์คาทอลิก 2 แห่งในศรีลังกาถูกโจมตีระหว่างพิธีมิสซาสมโภชปาสกา ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ส่วนฟากยุโรปที่เมืองเบลฟาสต์ ไอร์แลนด์เหนือ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู ถูกคนไม่ประสงค์ดีพ่นสีสเปรย์ใส่รอบกำแพงวัด ขณะที่เมืองเดย์ทั่น รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ผู้บุกรุกได้ทำลายกระจกของวัดครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ แตกไป 7 บาน

- 22 เม.ย. วัดนักบุญอันตนแห่งปาดัว เมืองเมาวี บนเกาะฮาวาย มีผู้บุกรุกเข้าไปทำลายไม้กางเขนและพระแท่นถวายมิสซาจนได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ยังทำลายประตูทางเข้าวัดอีกด้วย

- 23 เม.ย. ผู้บุกรุกเข้าไปทำลายกระจกสีและทำลายข้าวของต่างๆ ในอาสนวิหารนักบุญจอห์น แบ๊ปติสต์ สังฆมณฑลเฟรสโน่ แคลิฟอร์เนีย

- 25 เม.ย. กลุ่มต่อต้านคาทอลิก นำสีสเปรย์มาพ่นหน้าป้ายรถเมล์หน้าวัดครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ เมืองมอสเซนด์ ประเทศสกอตแลนด์ พร้อมเขียนข้อความคุกคามหลายประการ

- 26 เม.ย. หนึ่งในโรงเรียนคาทอลิกที่เก่าแก่สุดในรัฐมานิปูร์ ประเทศอินเดีย ถูกลอบวางเพลิง

ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น เมื่อไล่เรียงลำดับการบุกรุกโบสถ์และสถานที่สำคัญของพระศาสนจักรคาทอลิกซึ่งเป็นข่าวที่ถูกรายงานไปทั่วโลก

__________________________________

ปี 2018 มีประเทศหนึ่งที่พระศาสนจักรคาทอลิกถูกบุกรุกและเกิดความเสียหายอย่างต่อเนื่อง พูดแบบนี้แล้ว หลายคนอาจนึกถึงประเทศในตะวันออกกลางหรือแอฟริกา เปล่าเลย พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศเหล่านั้น น่าจะถูกบุกรุกน้อยกว่าพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศที่เราจะกล่าวถึง

พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศที่เราจะพูดถึงคือ “ฝรั่งเศส” ... ใช่แล้ว ฝรั่งเศส หนึ่งในประเทศที่เคยมีประวัติศาสตร์คาทอลิกอันยิ่งใหญ่

ตัวเลขโบสถ์คาทอลิกที่ขึ้นทะเบียนกับทางการฝรั่งเศสคือ 42,258 แห่ง เชื่อหรือไม่ว่า ปีที่แล้ว 2018 เจ้าหน้าที่ตำรวจฝรั่งเศสได้รับแจ้งความโบสถ์คาทอลิกถูกบุกรุกและเกิดความเสียหายถึง 875 แห่ง ถ้า 1 ปี มี 365 วัน เท่ากับว่า ใน 1 วัน โบสถ์คาทอลิกในฝรั่งเศสอย่างน้อย 2 แห่ง จะมีผู้บุกรุกเข้ามาสร้างความเสียหายทุกวัน

นอกจากโบสถ์คาทอลิก 875 แห่งจะถูกรุกราน กระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศสยังเปิดเผยตัวเลขด้วยว่า ปี 2018 มีคดีความที่เกี่ยวกับการทำร้ายสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ (ทั้งคนและสถานที่) 1,063 คดี นั่นหมายความว่า ใน 1 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รับการร้องเรียนคดีความที่สิ่งที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ถูกรุกราน อย่างน้อย 2-3 คดีต่อวัน เรียกได้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจพอจะคาดเดาได้แล้วว่า ใน 1 วัน ต้องมีคดีเกี่ยวกับศาสนาคริสต์เกิดขึ้นแน่นอน

นั่นคือสถิติที่เกิดเมื่อปีที่แล้ว ส่วนปีนี้ 2019 การถูกรุกรานและเรื่องร้ายๆ ที่เกิดกับพระศาสนจักรคาทอลิกในฝรั่งเศสก็ยังไม่หมดไป

เดือนกุมภาพันธ์ 2019 แค่เดือนเดียว เจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีโบสถ์คาทอลิกและสถานที่สำคัญของคาทอลิกถูกบุกรุกไปถึง 47 คดี เหตุการณ์ที่ทั่วฝรั่งเศสพูดกันมากได้แก่

- 4 กุมภาพันธ์ มีผู้บุกรุกเข้าไปทำลายรูปแม่พระจนตกแตกกระจายเต็มพื้น เหตุการณ์นี้เกิดที่วัดนักบุญนิโคลัส เขตอูเลส์ จังหวัดอีฟลีน

- 5 กุมภาพันธ์ มีผู้บุกรุกเข้าไปในอาสนวิหารนักบุญอแลง สังฆมณฑลลาวูร์ คนร้ายเผาผ้าคลุมพระแท่นมิสซา จุดไฟเผาไม้กางเขน และผลักรูปปั้นนักบุญต่างๆ ตกลงพื้นกระจัดกระจายไปทั่ว โชคดีที่ไฟไหม้แค่พระแท่นถวายมิสซาและกำแพง ไม่ลุกลามใหญ่โต เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ แบร์กนาร์ การายง นายกเทศมนตรีแห่งลาวูร์ ให้สัมภาษณ์ด้วยความโกรธจัดว่า “พระเจ้าจะให้อภัยคนร้าย แต่ผมไม่ให้อภัยพวกมันแน่”

- 6 กุมภาพันธ์ ผู้บุกรุกบุกเข้าไปทำลายข้าวของในวัดคาทอลิกที่เมืองนีมส์ ครั้งนี้ ร้ายแรงถึงขึ้นเปิดตู้ศีลและทุบทำลายจนร่วงหล่นมาบนพื้น นอกจากนี้ นำอุจจาระมาป้ายเป็นรูปไม้กางเขนบนกำแพงวัด

- 9 กุมภาพันธ์ เหตุการณ์ทำลายตู้ศีลเกิดซ้ำอีกครั้งที่วัดคาทอลิกในเมืองดิฌง สิ่งที่เกิดคือตู้ศีลถูกเปิดออก คนร้ายโยนศีลมหาสนิทไปทั่วพื้นและยังนำผ้าคลุมพระแท่นมิสซาไปเช็ดคราบสกปรกต่างๆ ส่วนหนังสือมิสซาถูกฉีกเละเทะ


ผู้บุกรุกเข้ามาทำลายตู้ศีลและศีลมหาสนิทที่วัดในเมืองดิฌง


ถัดมา เดือนมีนาคม เกิดเหตุเพลิงไหม้วัดแซงค์ ซูลปีส วัดคาทอลิกสร้างในสมัยศตวรรษที่ 17 และเป็นวัดคาทอลิกที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกรุงปารีส รองลงมาจากอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส เพลิงไหม้ที่ประตูวัดซึ่งทำจากไม้ทั้งบาน งานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสอบสวนอยู่ว่าสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากอะไร แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมั่นใจมากว่า “นี่คือการลอบวางเพลิงอย่างแน่นอน”



ไฟไหม้วัดแซงค์ ซูลปีส 

ส่วนเดือนเมษายน ก็อย่างที่ทราบกัน เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่กับอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส แต่ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง สรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ

อย่างไรก็ตาม เรื่องร้ายแรงสุดของพระศาสนจักรคาทอลิกฝรั่งเศสในช่วง 2-3 ปีหลังนี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก คุณพ่อฌักส์ อาเมล สงฆ์แห่งสังฆมณฑลรวง ถูกคนร้ายลัทธิไอเอส ฆ่าปาดคอระหว่างท่านถวายมิสซาเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2016

_____________________________________

ทางด้านปฏิกิริยาจากฝ่ายบริหารประเทศ เช่น เอดัวร์ ฟิลิปป์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์ว่า “สำหรับประเทศที่แยกศาสนาออกจากอำนาจรัฐ แต่ศาสนสถานก็ยังเป็นสถานที่ควรค่าแก่การเคารพ ผมจึงช็อกมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด และมันต้องประณามการกระทำแบบนี้อย่างไม่มีข้อแม้”

ส่วนสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งฝรั่งเศส ก็เลือกวิธีอดทนอดกลั้น ไม่โวยวาย หรือประณามแบบแรงๆ เพราะตอนนี้ พระศาสนจักรคาทอลิกในฝรั่งเศส “มีแผลขนาดใหญ่” นั่นคือ พระคาร์ดินัลปกปิดคดีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ และสงฆ์ก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศก็เยอะ หากเลือกใช้วิธีตอบโต้ด้วยการประณามแบบแรงๆ กระแสสังคมในประเทศฝรั่งเศส จะยิ่งต่อต้านพระศาสนจักรคาทอลิกมากขึ้นไปอีก เพราะคนที่นั่นแบ่งแยกศาสนากับการดำเนินชีวิตออกจากกันอย่างชัดเจน ศาสนาไม่มีบทบาทใดๆ ต่อการตัดสินใจของพวกเขา

ปัจจุบัน จำนวนคาทอลิกในฝรั่งเศสลดลงอย่างต่อเนื่อง ผู้สมัครเข้ารับการอบรมเป็นสงฆ์ลดลง และต้อง “นำเข้า” สงฆ์คาทอลิกจากแอฟริกามาช่วยทำงานอภิบาล

ผลสำรวจในฝรั่งเศส ปรากฏว่า ชาวฝรั่งเศส 60 เปอร์เซ็นต์ ยังบอกว่าตนเป็นคาทอลิก แต่ 1 ใน 10 เท่านั้นที่สวดภาวนาทุกวัน ขณะที่ผลสำรวจอื่น บอกว่า ผลกระทบจากคดีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้คาทอลิกฝรั่งเศส ไม่ไว้วางใจพระศาสนจักร พวกเขามาร่วมมิสซา เพื่อพูดคุยกับพระเจ้าโดยตรง แต่พวกเขาไม่เชื่อสงฆ์คาทอลิกอีกต่อไป

คุณพ่อฟิลิปป์ บอร์เดยเน่ อธิการมหาวิทยาลัยคาทอลิกแห่งปารีส ยอมรับว่า เยาวชนฝรั่งเศสหลายคนที่บอกว่าตนเป็นคาทอลิกนั้น พวกเขาเชื่อพระเจ้า แต่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระศาสนจักรในเรื่องเพศ อย่างไรก็ตาม ชาวปารีสที่เป็นคาทอลิก ไปร่วมมิสซา ก็ยังมีอยู่ ไม่ได้ล้มหายไปไหน

“แต่การมีอยู่นี้ มันอยู่แบบชนกลุ่มน้อยแล้ว พ่อเชื่อว่ามันถึงเวลาที่ต้องเริ่มกระบวนแล้ว เราจะไม่สร้างวัดอีกแล้ว แต่เราถูกบีบให้ซ่อมแซมมากกว่า” คุณพ่อบอร์เดยเน่ กล่าว

____________________________________

เรื่องราวในบทความนี้ บอกอะไรเราบ้าง

1) กระแสเกลียดชังอย่างรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นกับพระศาสนจักรคาทอลิกฝรั่งเศส ถ้าเป็นชีวิตเราถูกเกลียดแรงๆ แบบนี้ เราควรทำความดีไปเรื่อยๆ อย่าตอบโต้แรงๆ การทำดีเพื่อเปลี่ยนใจคน เปลี่ยนความคิดของคน มันต้องใช้เวลานานมาก แต่จงทำ ถ้าคุณมุ่งมั่นแน่วแน่ ความคิดคนมันเปลี่ยนกันได้ ขอแค่แสดงความตั้งใจจริงให้เขาเห็น

2) การ “ถูกทิ้ง” ถูกประชากรคาทอลิกของตนทิ้งไป หรือถอยตัวออกห่าง เพราะหมดศรัทธาในตัวเรา หน้าที่เราคือต้องกลับมาสำรวจตัวเองว่า เราทำผิดตรงไหน มีจุดอ่อนตรงไหนที่ต้องแก้ เราสำนึกในบาปผิดและพร้อมปรับปรุงตัวหรือไม่ หรือว่าเรายังจะลอยหน้าลอยตาต่อไปแบบไม่ละอายใจ ... ชีวิตคนเราก็เช่นกัน หากเราสูญเสียคนที่เคยสนับสนุนเราไปทีละคนสองคน เราต้องพิจารณาตัวเองแล้ว ไม่ใช่เดินหน้าโทษคนอื่นไปเรื่อย โดยไม่ดูตัวเองว่าทำอะไรลงไป

การกลับมาพิจารณาตัวเองและปรับปรุงตัวนี่แหละ คือการซ่อมแซมพระศาสนจักรที่ดีที่สุด ซ่อมแซมจากจิตใจของเรา และเมื่อนั้น เราจะเป็นแบบอย่างที่ดี และขึ้นชื่อว่า “เป็นคาทอลิกที่ดี” ให้ทุกคนได้เห็นอย่างแน่นอน