เมื่อวาติกันและ ++อวยเล็ต ตอบโต้ "+วิกาโน่"

ช่วงหลังมานี้ หลายท่านน่าจะเห็นกันอยู่แล้วว่า Pope Report มารายงานข่าวแบบ "ไม่สม่ำเสมอ" เหตุผลเพราะอย่างที่ทราบกันคือแบ่งเวลาหลักให้งานบริษัท เลี้ยงลูกตอนกลางคืน และศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่ผมสนใจ อย่างไรก็ตาม ผมพยายามปรับสไตล์การทำงานของตัวเองใหม่ จากเดิมเป็นแนวบุกแหลก "เน้นพละกำลัง" ด้วยการแปลข่าวทุกข่าวแบบทุกวัน การทำข่าวแบบนี้ใช้ร่างกายหนักมาก ตอนนี้ ด้วยอายุที่มากขึ้นและความรับผิดชอบส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น ผมขอปรับสไตล์เป็นแนวใช้สมองวิเคราะห์มากขึ้น และจะเลือกรายงานพวกข่าว Breaking News หรือพวกข่าวด่วนข่าวเด่นทั้งหลายแทน 

เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมขอกำหนดตารางเวลาทำ Pope Report ขึ้นมาใหม่ ผมจะเขียนบทความสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และจะพยายามโพสต์ทุกวันพุธ (เริ่มพุูธที่ 10 ตุลาคม ... อาจมีปรับเปลี่ยน ยังไงรอติดตาม) ส่วนข่าวพวก Breaking News ถ้ามันร้อนแรงและด่วนจริงๆ ผมจะรายงานเหมือนเดิมนะครับ

จบจากการประกาศให้ทราบ ก็ถึงคิวของข่าวเด่นในพระศาสนจักรคาทอลิกตามเดิม ...


พระคาร์ดินัล มาร์ก อวยเล็ต


หลังปล่อยให้ พระอัครสังฆราช คาร์โล มารีอา วิกาโน่ อดีตสมณทูตวาติกันประจำสหรัฐอเมริกา กล่าวหาและโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวมาเป็นเวลานาน 40 วัน (26 สิงหาคม 2018) วาติกัน รวมถึง พระคาร์ดินัล มาร์ก อวยเล็ต ก็ออกแถลงการณ์โต้กลับแบบ "แพ็คคู่" แล้ว โดยวาติกันออกแถลงการณ์วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม ส่วนพระคาร์ดินัล มาร์ก อวยเล็ต ออกแถลงการณ์วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม

ไปดูเนื้อหาของวาติกันก่อนเลย

วาติกันชี้แจงว่า สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสั่งให้มีการสอบสวนหาความจริงครั้งใหญ่เกี่ยวกับกรณีของ เธียร์ดอร์ แม็คแคร์ริค "อดีตพระคาร์ดินัล" ผู้อื้อฉาวชาวอเมริกันที่ถูกแฉว่า ก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อสงฆ์และผู้เข้ารับการอบรมเตรียมเป็นสงฆ์คาทอลิก มานับไม่ถ้วน

วาติกันยอมรับถึง "ความผิดพลาด" ที่ปล่อยให้ แม็คแคร์ริค ก่อคดีมามากมายในอดีต เริ่มตั้งแต่ค.ศ.1981 สมัยที่ แม็คแคร์ริค ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสังฆราช มาจนถึงปี 2000 ที่ แม็คแคร์ริค ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัล โดย สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2
 
วาติกันอธิบายว่า เดือนกันยายน 2017 อัครสังฆมณฑลนิวยอร์ก ได้แจ้งต่อสันตะสำนักว่า มีชายคนหนึ่งแจ้งความกล่าวหา อดีตพระคาร์ดินัลแม็คแคร์ริค ว่าเคยล่วงละเมิดทางเพศใส่ตนเมื่อปี 1970 ทันทีที่พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงทราบ พระองค์ทรงสั่งให้มีการสอบสวนครั้งใหญ่ และเมื่อสมณกระทรวงหลักความเชื่อ ได้ข้อสรุปชัดเจนว่า แม็คแคร์ริค ก่อคดีจริง พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงอนุมัติการลาออกของ แม็คแคร์ริค จากการเป็นสมาชิกคณะพระคาร์ดินัล พร้อมสั่งห้ามไม่ให้เขาปฏิบัติงานอภิบาลในที่สาธารณะ และสั่งให้ใช้โทษบาปตลอดชีวิตด้วยการสวดภาวนาและสำนึกผิดในสิ่งที่ทำ (การลาออกจากการเป็นพระคาร์ดินัล ทำให้ แม็คแคร์ริค กลายเป็นพระอัครสังฆราช)

แถลงการณ์ของวาติกันย้ำว่า งานนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่นอน และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม สันตะสำนักจะสรุปทุกอย่างให้ทุกฝ่ายทราบอีกครั้งเกี่ยวกับคดีของแม็คแคร์ริค

ตอนท้าย วาติกันย้ำว่า เราไม่สามารถอดทนอดกลั้นต่อการล่วงละเมิดทางเพศและการปกปิดเรื่องพวกนี้อีกต่อไป พระสังฆราชคาทอลิกที่มีส่วนรู้เห็นกับพวกนี้และปกปิด พฤติกรรมแบบนี้เป็นรูปแบบของการแสวงหาความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์ และมันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

แน่นอน อย่าลืมว่า งานนี้ พระสันตะปาปาเอาจริง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 พระองค์ทรงเชิญประธานสภาพระสังฆราชคาทอลิกทั่วโลกมาประชุมพร้อมกันที่วาติกัน เพื่อหารือปัญหาสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศในประเทศต่างๆ

ต่อข้อกล่าวหาของ พระอัครสังฆราช วิกาโน่ ที่อ้างว่า พระสันตะปาปา ฟรังซิส "ทรงยกเลิกการลงโทษ" ที่พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 สั่งลงโทษแบบทางการต่อ แม็คแคร์ริค อันนี้ก็ "ไม่เป็นความจริง" เพราะในความเป็นจริง พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ไม่เคย "ลงโทษแบบประกาศทางการ" พระองค์แค่ "ขอร้องแบบส่วนตัว" ให้แม็คแคร์ริคหยุดเดินทางไปประเทศต่างๆ หยุดทำตัวให้เป็นที่รู้จัก แต่ทั้งหมดนี้ แม็คแคร์ริค ไม่ฟังและไม่ทำตาม เขายังคงเดินสายไปประเทศต่างๆ ทำตัวให้ทุกคนสนใจ ซึ่งปัญหานี้ พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ก็ไม่ได้ลงโทษต่อ เพราะเห็นว่า แม็คแคร์ริค อายุมากแล้ว

ข้อกล่าวหาแบบ "ไร้ความจริง" เช่นนี้นี่แหละที่ทำให้ พระสันตะปาปา ฟรังซิส เลือกที่จะเงียบไม่โต้ตอบ และเชิญชวนบรรดานักข่าวสายวาติกันที่ตามเสด็จไปไอร์แลนด์ "ตัดสินข้อกล่าวหาของวิกาโน่ ด้วยวิจารณญาณของนักข่าวกันเอง" พระองค์กล้าพูดเช่นนี้ เพราะรู้ดีว่า ข้อกล่าวหานี้ ไร้สาระ มันคือการกล่าวหาแบบสกปรกมากๆ กล่าวหาโดยมีจุดประสงค์ร้ายแอบแฝงนั่นเอง
 
..............

จบการแถลงการณ์ของสันตะสำนัก วันต่อมา พระคาร์ดินัล มาร์ก อวยเล็ต ก็จัดต่อทันที หากจำกัดได้ ในแถลงการณ์ฉบับที่สอง พระอัครสังฆราช วิกาโน่ ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ใส่ พระคาร์ดินัล อวยเล็ต ว่า ก่อนที่ตนเองจะพ้นวาระสมณทูตที่อเมริกา พระคาร์ดินัลอวยเล็ตคือคนพูดกับตนว่า พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงลงโทษ แม็คแคร์ริค แต่ตอนนี้ ท่านกลับกลายเป็นคนที่ช่วยปกปิดเรื่องอื้อฉาวเสียเอง ดังนั้น ตนจึงอยากข้อร้อง พระคาร์ดินัล อวยเล็ต ให้กล้าเป็นประจักษ์พยานถึงความจริงเสียทีเถอะ ....

คราวนี้ เรามาดู แถลงการณ์ของพระคาร์ดินัล อวยเล็ต กันบ้างว่า ชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร

พระคาร์ดินัลอวยเล็ต กล่าวว่า "วิกาโน่ ท่านพูดว่า ท่านทูลพระสันตะปาปา ฟรังซิส เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2013 เกี่ยวกับเรื่องของแม็คแคร์ริคในระหว่างที่พระสันตะปาปาให้ท่านเข้าเฝ้า ... แต่ผมสงสัยมากๆ ว่า พระสันตะปาปาจะสนใจเรื่องแม็คแคร์ริค ตามที่ท่านเชื่อว่าพระองค์ต้องสนใจเหรอ เพราะอย่าลืมซิ ตอนนั้น แม็คแคร์ริค อายุ 82 ปีแล้ว และยังเป็นพระอัครสังฆราชกิตติคุณที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งหน้าที่ใดๆ มานานกว่า 7 ปีแล้ว นอกจากนี้ ในรายงานที่ตัวท่านเอง (วิกาโน่) ส่งมายังสมณกระทรวงเพื่อพระสังฆราช ในตอนที่ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมณทูตที่อเมริกาเมื่อปี 2011 ตัวท่านเอง (วิกาโน่) ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับ แม็คแคร์ริค เลยแม้แต่น้อย มันมีแต่ตัวผมมากกว่าที่บอกท่านเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับสถานการณ์ของแม็คแคร์ริค ซึ่งเราเชื่อกันว่า เขาจะน้อมรับเงื่อนไขและข้อจำกัดต่างๆ (ที่พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16) สั่งไว้ อันเป็นผลจากข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมในอดีตของเขา"

พระคาร์ดินัล อวยเล็ต ยังบอกอีกว่า ข้อกล่าวหาของ พระอัครสังฆราช วิกาโน่ "ผิดเต็มๆ" ที่อ้างว่า แม็คแคร์ริค ถูก "สั่งลงโทษจากพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ และเป็นพระสันตะปาปา ฟรังซิส ที่สั่งยกเลิกโทษ" เพราะในความเป็นจริง พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ทรง "ขอร้องเป็นการส่วนตัว" ต่างหาก

พร้อมกันนี้ พระคาร์ดินัล อวยเล็ต ยืนยันว่า ตนไปค้นเอกสารทุกฉบับแล้ว มั่นใจมากว่า ไม่มีเอกสารใดๆ ที่พระสันตะปาปาทรงลงนามสั่งลงโทษ แม็คแคร์ริค เหตุผลก็เพราะในช่วงเวลานั้น ยังไม่มีหลักฐานปรากฏเด่นชัดว่า แม็คแคร์ริค กระทำผิดจริงดังเช่นทุกวันนี้

มาถึงตรงนี้ พระคาร์ดินัล อวยเล็ต ถามกลับ พระอัครสังฆราช วิกาโน่ ว่า "ผู้อภิบาลความจริงควรเป็นคนแรกไม่ใช่เหรอที่ต้องหลีกเลี่ยงการใส่ร้าย"

"ผมไม่เข้าใจเลยว่า ท่านปล่อยให้ตัวเองหลงเชื่อไปกับการกล่าวหาใหญ่โตโดยไม่มีหลักฐานได้อย่างไร พระสันตะปาปา ฟรังซิส ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ กับการแต่งตั้ง แม็คแคร์ริค เป็นพระอัครสังฆราชเลย ตรงกันข้าม พระสันตะปาปา ฟรังซิส นี่แหละที่เป็นคนปลดแม็คแคร์ริค ออกจากการเป็นพระคาร์ดินัล หลังจากข้อกล่าวหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศเป็นความจริง"

หากใครติดตามข่าววาติกันเจาะลึกจริงๆ น่าจะทราบว่า คนที่เป็น "สมณทูตวาติกันประจำสหรัฐอเมริกา" หลังจากหมดวาระนี้แล้ว เขาคนนั้น "มีโอกาสได้เป็นพระคาร์ดินัล" สูงมากๆ แต่กับกรณีของ วิกาโน่ ไม่เป็นเช่นนั้น พระสันตะปาปา ฟรังซิส ไม่ได้แต่งตั้งเขาเป็นพระคาร์ดินัลหลังจากเขาหมดวาระ สิ่งนี้ น่าจะสร้างความผิดหวังให้กับ วิกาโน่ เป็นอย่างมาก

พระคาร์ดินัล อวยเล็ต ทราบเรื่องนี้ดี จึงระบุในแถลงการณ์นี้ว่า "ผมเข้าใจความขมขื่นและการหลงคิดไปเองที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานรับใช้สันตะสำนัก แต่ท่านไม่สามารถสรุปชีวิตสงฆ์ของท่านด้วยแนวทางเช่นนี้ ด้วยการเป็นกบฏอย่างอื้อฉาวซึ่งสร้างความบาดแผลสุดเจ็บปวดให้กับเจ้าสาวของพระคริสตเจ้า (พระศาสนจักร)"

ถึงตอนนี้ พระอัครสังฆราช วิกาโน่ ออกแถลงการณ์โจมตีพระสันตะปาปามาแล้วสองฉบับ แต่น่าแปลกที่ วิกาโน่ ไม่กล้าจะบอกว่า ตัวเองอยู่ที่ไหน และก็ไม่มีใครรู้ด้วย มีเพียงพวกนักข่าวคาทอลิกสายอนุรักษ์นิยมเช่นพวก Lifesite ที่บอกว่า วิกาโน่ "กลัวว่าชีวิตตนจะไม่ปลอดภัย" จึงเลือกจะไม่เปิดเผยว่า อยู่ที่ไหน

พระคาร์ดินัล อวยเล็ต จึงบอกว่า "ผมขอให้ท่าน (วิกาโน่) ออกมาจากการหลบๆ ซ่อนๆ ได้แล้ว ขอให้ท่านสำนึกผิดจากการกระทำอันน่ารังเกียจต่อพระสันตะปาปา ขอให้สร้างความรู้สึกดีๆ แทนทีที่จะสร้างแต่ความเป็นศัตรูต่อพระองค์ วิกาโน่ ท่านยังจะถวายมิสซาและเอ่ยชื่อของพระสันตะปาปาในมิสซาอีกเหรอ ท่านยังสามารถสวดสายประคำอีกเหรอ ท่านยังสวดภาวนาต่ออัครเทวดาไมเคิ่ลและแม่พระอีกเหรอ ทั้งที่ท่านประณามพระสันตะปาปา ผู้ที่แม่พระทรงปกป้องและเดินร่วทางไปกับพระองค์ในแต่ละวัน

"ถ้าพระสันตะปาปาไม่ได้เป็นบุรุษแห่งการภาวนา ถ้าพระสันตะปาปาเป็นพวกเห็นแก่เงิน ถ้าพระสันตะปาปาเป็นคนที่รักคนรวยและรังเกียจคนจน ถ้าพระสันตะปาปาไม่แสดงออกถึงการต้อนรับคนจน ทั้งคำพูดและการกระทำ ถ้าพระสันตะปาปาไม่ได้ยื่นมือไปสัมผัสครอบครัวต่างๆ สัมผัสคนแก่ที่ถูกทอดทิ้ง สัมผัสคนป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ เหนือสิ่งอื่นใด สัมผัสเยาวชนในการแสวงหาความสุข แต่ในมุมของตัวท่าน (วิกาโน่) ท่านมองพระองค์ด้วยทัศนคติทางการเมืองและการทูตที่แตกต่างออกไป แต่ผมรู้จักพระสันตะปาปาเป็นอย่างดี ผมไม่สามารถตั้งแง่ ตั้งคำถามเกี่ยวกับความซื่อตรง ความศักดิ์สิทธิ์ต่อพันธกิจ และเหนือสิ่งอื่นใด ต่อพระพรและสันติสุขที่อยู่ในตัวพระสันตะปาปา โดยอาศัยพระหรรษทานและฤทธานุภาพของพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพ

"วิกาโน่ ต่อการกระทำที่ไม่ยุติธรรมและไม่ชอบธรรมของท่าน ผมขอสรุปตรงนี้เลยว่า การกล่าวหาของคุณมันคือแผนทางการเมืองที่ไม่มีความจริงอยู่ในนั้น และมันไม่สามารถพิสูจน์ว่าพระสันตะปาปาทำผิด ผมขอกล่าวซ้ำตรงนี้ว่า สิ่งที่ท่านทำนั้น มันกำลังสร้างบาดแผลกรีดลึกมากๆ ต่อความเป็นหนึ่งเดียวในพระศาสนจักร" พระคาร์ดินัล อวยเล็ต กล่าวในตอนท้าย