ตรรกะ "+วิกาโน่" เมื่อโป๊ปเงียบ ก็เท่ากับยอมรับข้อกล่าวหา

  • พระอัครสังฆราช คาร์โล มารีอา วิกาโน่ อดีตสมณทูตวาติกันประจำสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ฉบับสอง ปกป้องตนเองว่ามีหน้าที่เป็นประจักษ์พยานถึงความจริง พร้อมโจมตีพระสันตะปาปา ฟรังซิส ว่า การนิ่งเงียบต่อข้อกล่าวหา เท่ากับยอมรับข้อกล่าวหานั้นว่าเป็นความจริง
  • วิกาโน่ สวนกลับ พระคาร์ดินัล มาร์ก อวยเล็ต ที่ออกมาตำหนิวิกาโน่ว่า "ก้าวร้าวและเป็นกบฏต่อพระสันตะปาปา" ด้วยว่า นิสัยเปลี่ยนไป 
  • พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรง "จับสึก" เฟร์นานโด การาดิม่า สงฆ์อาวุโสชาวชิลี ผู้เป็น "ศูนย์กลาง" ของปัญหาสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศในชิลี 

วิกาโน่ (ซ้าย) และ เธียร์ดอร์ แม็คแคร์ริค (ขวา) อดีตคาร์ดินัลผู้อื้อฉาว


POPE REPORT - "ใครเงียบ ก็เท่ากับยอมรับ" (ภาษาลาติน Qui tacet consentit) นี่คือคำพูดในแถลงการณ์ฉบับล่าสุดของ พระอัครสังฆราช คาร์โล มารีอา วิกาโน่ อดีตสมณทูตวาติกันประจำสหรัฐอเมริกา ที่ออกมาโจมตีสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส อีกระลอก

ถึงตอนนี้ พระอัครสังฆราช วิกาโน่ ยังเลือก "เก็บตัวและไม่บอกว่าตัวเองอยู่ที่ไหน" แต่เลือกวิธีประกาศผ่านสื่อคาทอลิกสายอนุรักษ์นิยมสุดขั้วที่เป็นพวกของตนเพื่อโจมตีพระสันตะปาปา ฟรังซิส อย่างไรก็ตาม ความพิเศษของแถลงการณ์ฉบับนี้ พระอัครสังฆราช วิกาโน่ ยังเลือกที่จะเปิดศึกกับ พระคาร์ดินัล มาร์ก อวยเล็ต (ประธานสมณกระทรวงเพื่อพระสังฆราช) หลังจาก พระคาร์ดินัลจากแคนาดาได้วิจารณ์ วิกาโน่ อย่างรุนแรงว่า "เป็นตัวอย่างที่แย่และเป็นกบฏต่อพระสันตะปาปา"

เนื้อหาในแถลงการณ์ฉบับที่สองนี้ พระอัครสังฆราช วิกาโน่ เริ่มต้นด้วยการนำเสนอว่า ตนเองเป็นเหมือนฮีโร่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการเรียกจากพระเจ้า ผ่านทางศีลล้างบาปและศีลบวช "เพื่อมาเป็นประจักษ์พยานถึงความจริง"

พระอัครสังฆราช วิกาโน่ ยังยืนกรานอีกครั้งว่า ตนเองเคยแจ้งพระสันตะปาปา ฟรังซิส ไปแล้วเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2013 เกี่ยวกับคดีของ "เธียดอร์ แม็คแคร์ริค" อดีตคาร์ดินัลชาวอเมริกันที่ก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศมานับไม่ถ้วน พร้อมกันนี้ วิกาโน่ปกป้องตัวเองจากการถูกกล่าวหาว่า "เป็นกบฏต่อพระสันตะปาปา และทรยศต่อคำมั่นสัญญาที่จะเก็บรักษาความลับ" เขาบอกว่า เรื่องความลับต้องไม่ถูกเหมารวมกับเรื่องนี้ เพราะนี่คือภัยร้ายแรงของพระศาสนจักร ตอนนี้ ตนเองกำลังเปิดโปงความจริงที่ทุกข์ระทม มันเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวดมากและน่าวิตกที่สุดในชีวิตของตน แต่มันจำเป็นต้องทำหลังจากต้องทนเห็นการเปิดโปงความอัปยศจากเหตุล่วงละเมิดทางเพศในพระศาสนจักรคาทอลิก โดยเฉพาะกรณีของ เธียดอร์ แม็คแคร์ริค

วิกาโน่ ยังกล่าวด้วยว่า เขารู้ถึงผลลัพธ์อย่างมหึมาจากการออกแถลงการณ์ฉบับแรกและฉบับที่สอง แต่ตนจำเป็นต้องออกมาพูด "เพื่อปกป้องพระศาสนจักรจากศัตรู ปกป้องพระศาสนจักรจากการปกปิดเรื่องอื้อฉาวที่เกิดจากฝีมือสมาชิกของตนเอง"

แน่นอนว่า ในแถลงการณ์ฉบับแรก วิกาโน่ได้พูดถึงการล่วงละเมิดทางเพศหลายครั้งที่ เธียดอร์ แม็คแคร์ริค อดีตคาร์ดินัลชาวอเมริกันได้กระทำ ซึ่งมันเกิดตั้งแต่สมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2, สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 และ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส

ใช่ มันเกิดขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 2000 ในสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 แต่ วิกาโน่ "จงใจ" ไม่เน้นและพยายามเลี่ยงไปด้วยการบอกว่า "ตอนนั้น พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เริ่มป่วยแล้ว" (ในความเป็นจริง ไม่ใช่แบบนั้น เริ่มป่วยจริง แต่ปี 2000 พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ยังมีสติและรู้สึกตัวเป็นอย่างดี) ส่วนกรณีของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 วิกาโน่พยายามบอกว่า พระองค์ทรงสั่งลงโทษ แม็คแคาร์ริค ไม่ให้ปรากฏตัวและปฏิบัติศาสนกิจอภิบาล (เรื่องนี้ นักข่าวสายวาติกันหลายคนที่เชื่อถือได้ รายงานว่า ในความเป็นจริงแล้ว พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ไม่เคยสั่งลงโทษ แต่ทรง "ขอร้อง" ไม่ให้แม็คแคร์ริคปฏิบัติงานอภิบาล เพียงแต่ว่า แม็คแคร์ริค ไม่เชื่อฟังและไม่ทำตามคำขอร้องนั้น) แต่พอเป็นพระสันตะปาปา ฟรังซิส วิกาโน่เลือกเปิดหน้าโจมตีทันที โดยอ้างว่า ตนเคยบอกไปแล้วว่า พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ สั่งลงโทษแม็คแคร์ริค แต่ทำไมพระสันตะปาปา ฟรังซิส ถึงมา "ยกเลิกโทษที่เคยถูกกำหนดไว้" (เรื่องนี้ นักข่าวสายวาติกัน ยืนยันว่า ข้อกล่าวหาของวิกาโน่ ไม่เป็นความจริง และจงใจใส่ร้ายพระสันตะปาปา ฟรังซิส)

ในเมื่อออกแถลงการณ์ฉบับแรกกล่าวหาพระสันตะปาปา ฟรังซิส แบบตรงๆ เรียกร้องให้พระองค์ลาออก แต่พระสันตะปาปาไม่ตอบโต้ เลือกจะนิ่งเงียบ วิกาโน่จึงสรุปทันทีว่า Qui tacet consentit ภาษาไทยคือ "ใครเงียบ ก็เท่ากับยอมรับว่ามันเป็นความจริง" วิกาโน่ บอกว่า ถ้าพระสันตะปาปาหรือพวกคาร์ดินัลในวาติกันออกมาปฏิเสธ พวกเขาต้องหาหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหา แต่ในเมื่อเงียบ มันคือการยอมรับชัดๆ

เมื่อเป็นแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยแล้วว่า นี่คือเกมการเมืองและการกล่าวหากัน วิกาโน่ ระบุชัดแล้วว่า ศัตรูของตนคือสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส นั่นเอง งานนี้ วิกาโน่ เลือก เธียดอร์ แม็คแคร์ริค มาเป็น "เครื่องมือในการโจมตีพระสันตะปาปาว่า นิ่งเฉย ไม่ลงโทษคนก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศ และหาความชอบธรรมให้ตัวเองว่าเป็นฮีโร่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่มาเปิดโปงเรื่องร้ายๆ" (ทั้งที่ความจริง ทุกคนรู้อยู่แล้ว และพระสันตะปาปาก็กำลังจัดการแก้ปัญหาในชิลี ก่อนที่เรื่องร้ายๆ จะมาปะทุที่อเมริกาอีกระลอก ยิ่งไปกว่านั้น สมัยยังเป็นสมณทูตอยู่ที่อเมริกา วิกาโน่ เอง ก็เคยออกมาชื่นชม แม็คแคร์ริค ต่อหน้าสาธารณชนว่าเป็นคนดีคนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า คนนี้ก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศ นักข่าวหลายคนจึงไม่ค่อยเข้าใจตรรกะของวิกาโน่เท่าไหร่)

นอกจากนี้ พระอัครสังฆราช วิกาโน่ "ยังโกรธ" พระสันตะปาปาที่พระองค์ทรงเทศน์ในมิสซาเช้าที่ซานตา มาร์ธา ด้วยการพูดถึง "จ้าวแห่งการกล่าวหา" (Great Accuser) ว่าเป็นต้นตอให้เกิดความแตกแยกในพระศาสนจักร วิกาโน่มองว่า นี่คือการ "กล่าวหาตัววิกาโน่ ราวกับว่า เขาคือฆาตกร"

ช่วงท้ายของจดหมาย วิกาโน่ ไม่ลืมฝากไปยัง พระคาร์ดินัล มาร์ก อวยเล็ต ประธานสมณกระทรวงเพื่อพระสังฆราช หลังจาก พระคาร์ดินัลจากแคนาดาได้วิจารณ์ วิกาโน่ อย่างรุนแรงว่า "เป็นตัวอย่างที่แย่และเป็นกบฏต่อพระสันตะปาปา"

วิกาโน่ บอกว่า ตนเคยทำงานกับ พระคาร์ดินัล อวยเล็ต และยังคงเคารพรักคาร์ดินัลคนนี้เสมอ ช่วงแรกในสมณสมัยของพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระคาร์ดินัลอวยเล็ตก็ดูรักษาความดีได้อยู่ แต่หลังจากได้เป็นประธานสมณกระทรวงเพื่อพระสังฆราช พระคาร์ดินัล อวยเล็ต ก็ดูเปลี่ยนไป หลังจากมีการเสนอชื่อพระสังฆราชใหม่แบบเสนอตรงไปยังพระสันตะปาปา ฟรังซิส โดยที่พระคาร์ดินัลอวยเล็ต ยังไม่ได้อนุมัติใดๆ ที่สำคัญคนเสนอชื่อนั้นคือ "เพื่อนที่เป็นคนรักร่วมเพศ(เป็นพระสังฆราชหรือพระสงฆ์)" ในสมณกระทรวงเพื่อพระสังฆราช หน่วยงานของพระคาร์ดินัลอวยเล็ตเอง สิ่งนี้ทำให้พระคาร์ดินัลเปลี่ยนไป เหมือนยอมๆ ไปแบบนั้น

ก่อนจบ วิกาโน่ ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไปยัง พระคาร์ดินัล อวยเล็ต ใจความว่า ก่อนที่ตนเองจะพ้นวาระสมณทูตที่อเมริกา พระคาร์ดินัลอวยเล็ตคือคนพูดกับตน (วิกาโน่) เองว่า พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงลงโทษ แม็คแคร์ริค แต่ตอนนี้ ท่านกลับกลายเป็นคนที่ช่วยปกปิดเรื่องอื้อฉาวเสียเอง ดังนั้น ตนจึงอยากข้อร้อง พระคาร์ดินัล อวยเล็ต ให้กล้าเป็นประจักษ์พยานถึงความจริงเสียทีเถอะ

ทั้งหมดนี้คือแถลงการณ์ฉบับที่สองของ พระอัครสังฆราช คาร์โล มารีอา วิกาโน่ ที่พุ่งเป้าโจมตีอย่างหนักใส่พระสันตะปาปา แน่นอนว่า วิกาโน่ เลือกจะไม่พูดความจริงที่ว่า พระสันตะปาปา ฟรังซิส เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกของพระศาสนจักรในรอบ 91 ปี ที่ "สั่งถอดถอน" พระคาร์ดินัลออกจากตำแหน่ง (ถอด เธียดอร์ แม็คแคร์ริค ออกจากการเป็นพระคาร์ดินัล) พระสันตะปาปาองค์ล่าสุดที่สั่งถอดถอนคาร์ดินัลออกจากตำแหน่งคือ สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 11 ที่ถอดถอน พระคาร์ดินัล หลุยส์ บีโญ่ ชาวฝรั่งเศส ออกไปหลังจากขัดแย้งกับพระองค์

ก่อนจบบทความ ผมมีข่าวใหญ่อีกข่าวมาฝาก นั่นคือ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส "ทรงสั่งถอดถอนความเป็นสงฆ์" (จับสึก) ต่อ "เฟร์นานโด การาดิม่า" สงฆ์อาวุโสชาวชิลี อย่างเป็นทางการแล้ว การาดิม่าคือ "ศูนย์กลาง" ของปัญหาสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศในชิลีครั้งล่าสุด นอกจากถูกจับสึกแล้ว เขายังต้องติดคุกอีกด้วย


เฟร์นานโด การาดิม่า อดีตสงฆ์จอมล่วงละเมิดทางเพศ

งานนี้ เรียกได้ว่า พระสันตะปาปาเอาจริงกับการแก้ปัญหาสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ พระองค์ลงมือทำทั้ง "ถอดถอนคาร์ดินัลออกจากตำแหน่ง, จับสงฆ์ตัวต้นเหตุสึกออกไป และประกาศชำระล้างพระศาสนจักรคาทอลิกในชิลีจากปัญหาสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ"

แต่สำหรับกรณีของ วิกาโน่ ผมคิดว่า วิกาโน่ จงใจเล่นคนมากกว่า นี่คือเกมการเมืองที่ วิกาโน่ สร้างขึ้น โดยมีกลุ่มสื่อสายอนุรักษ์นิยมสุดขั้วที่เกลียดพระสันตะปาปา ฟรังซิส มาช่วยกระพือข่าวออกไป งานนี้ จะจบอย่างไรไม่รู้ แต่ผมเชื่อว่า การนิ่งเงียบไม่ใช่การยอมรับแบบที่ วิกาโน่ กล่าวหาก็แล้วกัน