โป๊ปฟรังซิส "อย่าพูดจาก้าวร้าวและด่าทอพ่อแม่ของเรา และพ่อแม่ของคนอื่น"

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน เราต้องไม่พูดจาก้าวร้าวและด่าพ่อแม่ของเรา รวมทั้งพ่อแม่ของคนอื่น เพราะพ่อแม่คือผู้ให้กำเนิดชีวิตแก่เรา 
  • ทรงย้ำ พระบัญญัติประการที่สี่ "จงนับถือบิดามารดา" ไม่ได้บอกว่า พ่อแม่ต้องเป็นคนสมบูรณ์แบบ แต่พระบัญญัติประการที่สี่สอนลูกทุกคนว่า เรามีหน้าที่ต้องเคารพพ่อแม่
  • ทรงเตือนสติ เวลาผู้อภิบาลเผชิญหน้ากับ "จ้าวแห่งการกล่าวหา" ที่มาใส่ร้ายป้ายสี เฉพาะอย่างยิ่ง ใส่ร้ายโดยปลุกปั่นประชาชนจำนวนมากให้เป็นเครื่องมือ หน้าที่ของผู้อภิบาลคือต้องสงบนิ่งและสวดภาวนา เหมือนตอนที่พระเยซูถูกใส่ร้ายและถูกตะโกนให้นำไปตรึงกางเขน




อย่าพูดจาก้าวร้าวใส่พ่อแม่ของเรา รวมทั้งพ่อแม่คนอื่นด้วย

ช่วงสายวันพุธที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเทศน์สอนระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน วันนี้ พระองค์ทรงสอนเกี่ยวกับเรื่องพระบัญญัติประการที่สี่ "จงนับถือบิดามารดา"

พระสันตะปาปาชาวอาร์เจนไตน์ ตรัสสอนว่า พระบัญญัติประการที่สี่ ไม่ได้กำหนดว่าพ่อแม่ต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ แต่พระบัญญัติข้อนี้พูดถึงหน้าที่ของลูกที่ต้องเคารพพ่อแม่ ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนจะเป็นคนดี และก็ไม่ใช่ลูกทุกคนที่มีความสุขกับสิ่งที่เป็น แต่สิ่งที่ลูกๆ สามารถมีความสุขได้ เป็นเพราะการได้รับชีวิตและความสุขอย่างครบครันซึ่งเป็นผลมาจากบุคคลที่ให้กำเนิดพวกเขาต่างหาก

พร้อมกันนี้ พระสันตะปาปายังเชิญชวนคริสตชนทุกคน ให้หาเวลาไปเยี่ยมพ่อแม่ผู้ชราภาพด้วย ที่สำคัญ เราต้องไม่ด่าทอ พูดจาร้ายๆ หรือก้าวร้าวใส่พ่อแม่ และไม่ใช่พ่อแม่ของเราอย่างเดียว เราต้องอย่าพูดจาร้ายๆ พ่อแม่ของคนอื่นด้วย เพราะพวกท่านเหล่านั้นก็เป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตเหมือนกัน

ผู้อภิบาลต้องนิ่งและภาวนา เวลามีคนใส่ร้ายและใช้คนจำนวนมากเป็นเครื่องมือ

มิสซาเช้าวันอังคารที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา พระวรสารวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงปลุกบุตรของหญิงม่ายที่กำลังร้องไห้เสียใจ ให้กลับมีชีวิตอีกครั้ง พระสันตะปาปาจึงแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า ผู้อภิบาลที่ดีต้องเป็นแบบพระเยซูคือเมื่อเห็นคนทุกข์โศก ต้องเข้าไปช่วยเหลือ ไปใกล้ชิดสัตบุรุษ ไม่ใช่สนใจแต่เล่นการเมืองและอำนาจ

พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า พระเยซูใช้เวลาส่วนมากของพระองค์อยู่ตามท้องถนน ใช้เวลาไปกับการเยี่ยมและรักษาผู้คน พระองค์ใกล้ชิดพวกเขาและสิ่งนี้แหละที่ให้อำนาจกับพระองค์

พระเยซูทรงสอนเหมือนกับที่คนอื่นสอน แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปคือวิธีการสอนของพระองค์ พระเยซูทรงนอบน้อมและไม่เอ็ดตะโร พระเยซูไม่ลงโทษประชาชน พระเยซูไม่เคยป่าวประกาศว่าพระองค์นี่แหละคือพระผู้ช่วยให้รอด ในพระวรสาร เวลาที่พระเยซูไม่อยู่กับประชาชน ก็คือ เวลาที่พระองค์ทรงภาวนาต่อพระบิดา ความนอบน้อมที่พระเยซูมีต่อพระบิดาถูกเผยแสดงเมื่อตอนที่พระองค์เห็นพระวิหารกลายเป็นตลาด พระเยซูทรงโกรธและขับไล่ทุกคนออกไป พระองค์ทำเช่นนี้เพราะรักพระบิดา เพราะพระองค์ทรงสุภาพนอบน้อมต่อพระบิดา

พระเยซูทรงสัมผัสหญิงม่ายด้วยความอ่อนโยน และบอกเธอให้หยุดร้องไห้ นี่คือภาพลักษณ์ของผู้อภิบาล ผู้อภิบาลต้องมีพลังและอำนาจแบบพระเยซู นั่นคือ สุภาพนอบน้อม อ่อนโยน และใกล้ชิดกับสัตบุรุษ รวมทั้งมีความสามารถในการร่วมเป็นทุกข์และเห็นอกเห็นใจ

ตอนที่ประชาชนตะโกนให้นำพระองค์ไปตรึงกางเขน พระเยซูทรงนิ่งเงียบ เพราะประชาชนเหล่านั้นถูกหลอกลวงด้วยอิทธิพล แต่พระเยซูทรงนิ่งเงียบและภาวนา นี่คือสิ่งที่ผู้อภิบาลต้องทำเวลาที่เผชิญหน้ากับจ้าวแห่งการกล่าวหา (Great Accuser) ที่มาใส่ร้ายเรา โดยใช้ประชาชนจำนวนมากเป็นเครื่องมือ