โป๊ปฟรังซิส – “เวลาเจอคนจ้องหาเรื่องหรือทำให้แตกแยก จงนิ่งเงียบเข้าไว้”

วันนี้ 3 กันยายน 2018 เป็นวันแรกที่สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเริ่มถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซานตา มาร์ธา อีกครั้ง หลังจากหยุดพักไปหลายเดือนเนื่องจากช่วงพักร้อนของชาวอิตาเลี่ยน ผมจึงขอใช้โอกาสนี้ เป็นโอกาสดีในการเริ่มรายงานข่าวพระสันตะปาปาอีกครั้ง หลังจากหยุดไปหลายเดือนเหมือนกัน





หากใครติดตามข่าวพระศาสนจักรคาทอลิกระดับโลก ช่วงนี้ ท่านน่าจะเห็นผ่านตากันว่า “ดุเดือดราวกับสงคราม” ก็ว่าได้ หลังจาก พระอัครสังฆราช คาร์โล มารีอา วิกาโน่ อดีตสมณทูตวาติกันประจำสหรัฐอเมริกา ออกมาเรียกร้องให้ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส “ลาออก” จากการเมินเฉยต่อการลงโทษ พระคาร์ดินัล เธียดอร์ แม็คแคร์ริค อดีตพระอัครสังฆราชแห่งวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา จากกรณีที่พระคาร์ดินัลคนนี้ก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อสงฆ์และเณรในอเมริกา (ปัจจุบัน แม็คแคร์ริค ถูกลงโทษจากวาติกันเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2018 และเขาได้ยื่นจดหมายลาออกจากการเป็นพระคาร์ดินัลเมื่อวันที่ 27 กรกฏาคม 2018 ซึ่งพระสันตะปาปาทรงรับการลาออกครั้งนี้)

จะว่าไป เธียร์ดอร์ แม็คแคร์ริค ถือเป็น “พระคาร์ดินัลคนแรกในประวัติศาสตร์” ที่ลาออกจากการเป็นพระคาร์ดินัลด้วยข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ และยังเป็นพระคาร์ดินัลคนแรกนับตั้งแต่ ค.ศ.1927 ที่ลาออกจากการเป็นพระคาร์ดินัล (คนสุดท้ายที่ลาออก คือ พระคาร์ดินัล หลุยส์ บีโญ่ ชาวฝรั่งเศส ซึ่งขัดแย้งกับพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 11)

สำหรับเรื่องที่ พระอัครสังฆราช วิกาโน่ ออกมาเรียกร้องให้พระสันตะปาปาลาออก พร้อมกล่าวหาว่าพระองค์ทรงปกปิดความอื้อฉาวของแม็คแคร์ริค ตัวผมเองขอติดท่านผู้อ่านไว้ก่อน แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง แต่ถ้าจะเอาแบบสรุปสั้นๆ คือกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดขั้วในพระศาสนจักร ไล่ตั้งแต่พระคาร์ดินัล พระสังฆราช รวมไปถึงนักข่าวคาทอลิกฝั่งอนุรักษ์นิยม ออกมาโจมตีและกล่าวหาพระสันตะปาปา ฟรังซิส แบบแรงมาก ขณะที่พระสันตะปาปาเอง ทรงเลือกที่จะ “นิ่งเงียบ” และบอกว่า ให้นักข่าวไป “อ่านและตีความ”จดหมายที่พระอัครสังฆราชวิกาโน่ ตีพิมพ์ออกมา 11 หน้า เพื่อกล่าวหาพระองค์กันเอง เพราะพระองค์เชื่อว่า นักข่าวจะตีความความจริงกันได้อย่างแน่นอนว่ามันเป็นอย่างไร ซึ่งในส่วนนี้ Pope Report ก็ได้ตามข่าวนี้ตลอด แต่ขอเวลาอีกสักพัก ผมจะเรียบเรียงให้ทุกท่านได้อ่านกัน

วันนี้ ขอกลับมาสู่บทเทศน์มิสซาเช้าของพระสันตะปาปากันก่อน อย่างที่บอกไปว่า เป็นมิสซาแรกหลังจากหยุดพักร้อนไปนาน พระวรสารวันนี้ พระเยซูเสด็จกลับไปที่เมืองนาซาเร็ธ แต่คนที่นั่นต่อต้านพระองค์ พวกเขาตั้งใจจะขับไล่พระเยซูออกไปด้วยการพาไปที่เนินหน้าผาและหวังจะผลักพระองค์ให้ตกลงไป แต่พระเยซูทรงนิ่งและเดินฝ่าคนกลุ่มนั้นออกไป

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า คนพวกนี้ตะโกนด่าพระเยซู แต่พระองค์นิ่งเงียบ ความสง่างามของพระเยซูปรากฏออกมาด้วยการนิ่งเงียบต่อสิ่งเหล่านี้ แล้วค่อยเดินจากไป

อาศัยความเงียบนี้แหละ พระเยซูทรงเอาชนะพวกหมาป่า ชนะปีศาจที่หว่านเมล็ดพันธุ์ของการโกหก อากัปกิริยาการแสดงออกของพระเยซูในวันนี้ ช่วยเราให้ไตร่ตรองถึงแนวทางการดำเนินชีวิตประจำวันในเวลาที่เราเจอเรื่องยากลำบาก

ความจริงคือความสุภาพ ความจริงคือความเงียบ ความจริงไม่โหวกเหวก ดังนั้น พวกที่แสวงหาแต่เรื่องอื้อฉาวและความแตกแยก หนทางเดียวที่เราจะรับมือก็คือการเงียบ ลองคิดดูซิ ในครอบครัวของเรา มันก็มีช่วงเวลาแห่งความแตกแยก เพราะเรามัวแต่มาเถียงกันเรื่องการเมือง เงินทอง หรือกีฬา และเมื่อความแตกแยกเกิดขึ้น ครอบครัวก็ถูกทำลาย การเถียงกันเรื่องพวกนี้ทำให้เราได้เห็นปีศาจ มันต้องการทำลายเรา
 
ฉะนั้น การเงียบนี่แหละคือสิ่งที่เราพูดออกไป มันไม่ง่ายที่จะทำแบบที่พระเยซูทรงทำ กับคนที่คิดร้าย กับคนที่จ้องแต่เรื่องอื้อฉาว กับคนที่มองหาแต่ความแตกแยก กับคนที่จ้องแต่การทำลาย สิ่งเดียวที่เราต้องทำกับคนพวกนี้คือเงียบและสวดภาวนา

พระสันตะปาปาทรงสรุปปิดท้ายบทเทศน์ว่า “ขอพระเจ้าประทานพระหรรษทานแก่เราในการแยกแยะเมื่อเราควรจะพูดอะไรออกไป รวมถึงเวลาที่เราควรนิ่งเงียบด้วย”