โป๊ปฟรังซิส 'พระศาสนจักรต้องการประกาศก ไม่ได้ต้องการนักวิจารณ์ที่ติอย่างเดียว'

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ พระศาสนจักรอยากให้เราเป็นประกาศก ไม่ใช่นักวิจารณ์ที่ติไปเรื่อยและไม่เคยยินดีกับเรื่องใดๆ เพราะคนแบบนี้ ไม่ใช่ประกาศก 
  • ทรงย้ำ ประกาศกตัวจริงคือคนที่พูดความจริง รู้จักจังหวะตำหนิสั่งสอน พร้อมร่ำไห้เมื่อเห็นคนอื่นทำผิด และสำคัญสุด รู้จักวิธีมอบความหวังให้กับคนอื่น 



ช่วงเช้าวันอังคารที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่สตีเฟ่นถูกชาวยิวทุ่มหินเข้าใส่จนถึงแก่ความตาย เพราะเขาพูดความจริง จนทำให้ประชาชน ผู้อาวุโส และธรรมาจารย์ ขุ่นเคืองใจแบบสุดๆ

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า "คนเหล่านี้ไม่เปิดใจ พวกเขาไม่ต้องการรับฟังสตีเฟ่น และพวกเขาไม่จดจำประวัติศาสตร์ของอิสราเอล(ว่าเคยเบียดเบียนประกาศกอย่างไรบ้าง) พระเยซูก็เหมือนกับบรรพบุรุษประกาศกที่พวกเขาเคยเบียดเบียน เมื่อประกาศกพูดความจริงและความจริงไปโดนใจคนเหล่านี้ หรือความจริงไปทำให้หัวใจของพวกเขาเปิดออกและมันกลายเป็นหิน พวกเขาจึงโกรธและการลงมืออย่างโหดร้ายจึงเกิดขึ้น นี่แหละชีวิตที่ต้องตายของประกาศก

"บางครั้ง มันไม่ง่ายที่จะฟังความจริงจากประกาศก ประกาศกต้องถูกเบียดเบียนเพราะพูดความจริง ประกาศกตัวจริงคือคนที่ไม่ได้พูดแต่ความจริงเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่สามารถร่ำไห้ให้กับประชาชนที่หันหลังให้กับความจริง เหมือนกับที่พระเยซูทรงร้องไห้ให้กับกรุงเยรูซาเล็ม ประกาศกตัวจริงคือคนที่สามารถร่ำไห้ต่อประชาชนของตน แต่ขณะเดียวกันยังสามารถพูดความจริงแบบชัดแจ้งแบบตรงๆ ได้อีกด้วย

"นอกจากนี้ ประกาศกที่แท้จริงยังสามารถมอบความหวังให้กับคนอื่น กล่าวคือ เปิดประตูหัวใจของเขา และรักษาจากรากลึก รวมไปถึงเสริมสร้างพละกำลังของการเป็นประชากรของพระเจ้าให้กับพวกเขา เพื่อจะได้ก้าวเดินไปข้างหน้า ประกาศกรู้จักจังหวะที่จะตำหนิต่อว่า แต่ขณะเดียวกัน ก็รู้วิธีเปิดประตูหัวใจให้พบกับความหวังด้วย

"พระศาสนจักรต้องการประกาศก ยิ่งไปกว่านั้น พระศาสนจักรต้องการให้เราแต่ละคนเป็นประกาศก ไม่ใช่เป็นนักวิจารณ์ สองสิ่งนี้มันต่างกันนะ คนที่เอาแต่วิจารณ์ไปเรื่อยและไม่เคยยินดีกับอะไรเลย คนแบบนี้ไม่ใช่ประกาศก แต่ประกาศกคือคนที่ภาวนาและมองไปยังพระเจ้า มองไปยังประชาชน เมื่อประชาชนทำผิด เขาร่ำไห้เสียใจ

"ดังนั้น ขอให้การรับใช้แห่งการเป็นประกาศกจะไม่จางหายไปจากพระศาสนจักร ทั้งนี้ เพื่อเราจะได้ก้าวไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย