สัมภาษณ์โป๊ปบนเครื่องบิน - ส่วนตัวแล้ว พ่อสงสัยเรื่องแม่พระประจักษ์ที่เม็ดจูร์กอร์เร่

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงยอมรับ โดยส่วนตัว พระองค์สงสัยมากเรื่องแม่พระประจักษ์ที่เม็ดจูร์กอร์เร่ เพราะแม่พระในความคิดของพระองค์คือคนที่เป็นมารดาของพระเยซู ไม่ใช่คนที่เป็นเหมือนหัวหน้าสำนักโทรเลขที่ต้องส่งสารมาในเวลาต่างๆ 

  • ทรงชี้แจงสาเหตุที่การสอบสวนเรื่องนี้เป็นแบบล่าช้า เพราะตอนแรกรายงานการสอบสวนเรื่องเม็ดจูร์กอร์เร่เป็นไปด้วยดี แต่ต่อมา สมณกระทรวงหลักความเชื่อส่งเอกสารแย้งรายงานดังกล่าวหลายประเด็น จนพระองค์ต้องขอให้ส่งเอกสารแย้งนี้มาให้ดูด้วย 

  • ทรงเผย ความสัมพันธ์กับกลุ่มเล็อแฟ๊บวร์เป็นไปแบบพี่น้อง เรื่องนี้ ไม่มีคนชนะหรือคนแพ้ มีแต่ต้องเดินไปข้างหน้าร่วมกัน 

  • ทรงอธิบาย สาเหตุที่มีการพิจารณาคดีความสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศล่าช้า เป็นเพราะมีคดีถูกส่งมาที่วาติกันกว่า 2,000 คดี และพนักงานที่ดูแลเรื่องนี้ก็มีน้อยมาก 

  • ทรงย้ำ กังวลเรื่องคนเกลียดพระสงฆ์คาทอลิก แต่หน้าที่ของพระองค์คือเตือนสติสงฆ์คาทอลิกทั้งหลายว่า อย่าแสวงหาความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์ เพราะสิ่งนี้ทำให้คนถอยห่างจากพระศาสนจักร และยังเป็นโรคระบาดร้ายแรงในพระศาสนจักรด้วย 

  • ทรงยืนยัน ไม่ตัดสิน "โดนัลด์ ทรัมพ์" จนกว่าจะได้พูดคุยกันในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ แม้จะมีความเห็นต่างกันหลายเรื่องก็ตาม






สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงให้สัมภาษณ์บรรดานักข่าวสายวาติกันที่ตามเสด็จไปทำข่าวการแสวงบุญที่ฟาติมา ประเทศโปรตุเกส การสัมภาษณ์นี้เกิดบนเที่ยวบินกลับจากไปยังโปรตุเกสไปอิตาลี รายละเอียดของการสัมภาษณ์มีดังต่อไปนี้

นักข่าว: ยังมีสารใดเหลือให้พระศาสนจักรและโลกบ้างจากการประจักษ์ที่ฟาติมา และสิ่งใดบ้างที่พวกเราสามารถคาดหวังจากการที่พระองค์จะพบกับ โดนัลด์ ทรัมพ์ ในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้

พระสันตะปาปา: "ฟาติมาคือสารแห่งสันติที่นำมาสู่มนุษยชาติโดยผู้ถ่ายทอดที่ยิ่งใหญ่ 2 คนซึ่งอายุน้อยกว่า 13 ปี การสถาปนาเด็กผู้เลี้ยงแกะเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรก เพราะกระบวนการเกี่ยวกับอัศจรรย์เป็นไปแบบช้ามาก จากนั้น ถึงจะเข้าสู่การประเมินรายงานและสำหรับพ่อนี่คือช่วงเวลาแห่งความสุขอันยิ่งใหญ่ โลกสามารถมีความหวังถึงสันติภาพ ก่อนพ่อจะออกจากกรุงโรม(เพื่อมาฟาติมา) พ่อได้ต้อนรับบรรดานักวิทยาศาสตร์จากหลากหลายศาสนาที่มาเข้าร่วมการประชุมที่หอดาราศาสตร์วาติกัน รู้ไหม มีนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่นับถือศาสนาคนหนึ่งพูดกับพ่อว่า 'ผมไม่เชื่อพระเจ้า แต่ผมอยากขอร้องพระองค์อย่างหนึ่ง นั่นคือ ช่วยบอกคริสตชนให้รักชาวมุสลิมมากๆ' นี่แหละคือสารแห่งสันติภาพ!"

นักข่าว: เมื่อวานนี้ พระองค์ขอร้องให้ 'ทลายกำแพง' แต่อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ พระองค์จะพบกับผู้นำประเทศอย่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ คนที่อยากจะสร้างกำแพงและไม่เห็นกับพระองค์ อาทิ เรื่องผู้อพยพ ก่อนจะถึงวันที่ทรัมพ์จะมาเข้าเฝ้า พระองค์คิดอย่างไรกับนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และพระองค์คาดหวังอะไรจากการได้พบกับเขา

พระสันตะปาปา: "พ่อไม่เคยตัดสินคนโดยไม่ฟังเขาก่อน สิ่งต่างๆ จะเกิดขึ้นจากการสนทนาระหว่างเราทั้งสอง เขาจะพูดสิ่งที่เขาคิดและพ่อจะพูดสิ่งที่พ่อคิด ในเรื่องของผู้อพยพ ... สันติภาพคืองานที่ถักทอขึ้นด้วยมือและต้องถักทอทุกวัน มิตรภาพระหว่างผู้คน ความรู้ต่อกัน ความเคารพต่อกัน ล้วนเป็นสิ่งที่ถักทอด้วยมือทั้งนั้น การเคารพคนอื่น ก็คือการพูดสิ่งที่คุณคิดบนวิถีทางที่ซื่อสัตย์ที่สุด"

นักข่าว: พระองค์คาดหวังไหมว่า หลังจากพบกับประธานาธิบดีทรัมพ์แล้ว เขาจะมีท่าทีอ่อนลงเชิงนโยบาย

พระสันตะปาปา: "นี่คือการคิดคำนวณทางการเมือง พ่อจะไม่ยอมให้ตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยว พวกท่านรู้อยู่แล้วว่า พ่อจะไม่บังคับคนอื่นเปลี่ยนความคิดบนพื้นฐานศาสนาเด็ดขาด"

นักข่าว: ที่ฟาติมา พระองค์นำสวดภาวนาต่อหน้ารูปแม่พระ โดยกล่าวถึงพระองค์เองว่า 'พระสังฆราชในชุดสีขาว' นี่คือคำพูดเดียวกับที่ซิสเตอร์ลูซีอากล่าวในความลับข้อที่สาม จนถึงตอนนี้ คำพูดนี้ได้มีการใช้กับสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ในตอนที่พระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์และเรื่องมรณสักขีในศตวรรษที่ 20 เรื่องพระสังฆราชในชุดสีขาวยังบอกอะไรกับเราบ้างในทุกวันนี้

พระสันตะปาปา: "พ่อไม่ได้เขียนบทภาวนาต่อแม่พระที่พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเองนะ บทภาวนานี้ถูกเขียนขึ้นโดยสักการะสถานแม่พระแห่งฟาติมา ในบทภาวนานี้ มันมีการเชื่อมโยงกันของพระสังฆราชในชุดสีขาว แม่พระในชุดสีขาว และชุดสีขาวที่ใส่โดยเด็กผู้บริสุทธิ์ในวันรับศีลล้างบาป พ่อเชื่อว่า พวกเขาคงพยายามสื่อว่า สีขาวคือสีแห่งสันติ ความบริสุทธิ์ และไม่ทำให้เกิดสงคราม ส่วนเรื่องความลับข้อที่สาม พระคาร์ดินัล โยเซฟ รัตซิงเกอร์ (สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16) เคยอธิบายทุกอย่างไว้ชัดเจนหมดแล้ว"

นักข่าว: วันที่ 13 พฤษภาคมยังเป็นวันพิเศษสำหรับพระองค์ด้วย เพราะ 13 พฤษภาคม ค.ศ.1992 พระอัครสังฆราชคาลาเบรซี่ สมณทูตวาติกันประจำอาร์เจนตินา ได้ประกาศเรื่องการแต่งตั้ง คุณพ่อฆอร์เค่ แบร์โกโญ่ (พระสันตะปาปา ฟรังซิส) เป็นพระสังฆราชผู้ช่วยแห่งบัวโนสไอเรส พระองค์คิดไหมว่า เรื่องนี้มีความเชื่อมโยงกับฟาติมา

พระสันตะปาปา: "พ่อไม่คิดว่ามันเกี่ยวข้องกันนะ แต่เมื่อวานนี้ ขณะที่พ่อภาวนาต่อหน้ารูปแม่พระ พ่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 25 ปีที่แล้ว วันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ.1992 พ่อได้รับโทรศัพท์จากสมณทูตเรื่องประกาศแต่งตั้งพ่อเป็นพระสังฆราช พ่อขอแม่พระโปรดยกโทษต่อความผิดที่พ่อได้ทำและวิธีการที่ไม่ดีของพ่อในการเลือกคนด้วย"

นักข่าว: สมาคมนักบุญปีโอ ที่ 10 (กลุ่มเลอแฟ๊บวร์) มีความศรัทธาอย่างยิ่งต่อแม่พระฟาติมา มันมีการพูดคุยกันถึงข้อตกลงที่กำลังจะเกิดขึ้น (การอภัยโทษและรับกลุ่มเลอแฟ๊บวร์กลับเข้ามาในพระศาสนจักรคาทอลิก) บางคนเดาว่าจะมีการประกาศบางอย่างในวันนี้ ข้อตกลงนี้จะทำให้เกิดความรู้สึกคืนดีกันหรือไม่ พวกเขาจะได้กลับเข้ามาในพระศาสนจักรด้วยชัยชนะหรือไม่

พระสันตะปาปา: "พ่อขอปฎิเสธคำว่าชัยชนะทุกรูปแบบ หลายวันก่อน สมณกระทรวงหลักความเชื่อจะมีการประชุมที่จัดในวันพุธเดือนละครั้ง พวกเขาเรียกการประชุมนี้ว่า 'เฟเรีย ควอร์ต้า' (Feria IV - วันที่สี่ในสัปดาห์ นับจากวันอาทิตย์ซึ่งก็คือวันพุธ) การประชุมนี้มีการศึกษาเอกสารซึ่งพ่อยังไม่เห็นเอกสารนี้นะ ความสัมพันธ์ในตอนนี้(กับกลุ่มเลอแฟ๊บวร์) เป็นไปแบบพี่น้อง ปีที่แล้ว พ่ออนุญาตให้พระสงฆ์ของพวกเขาโปรดศีลอภัยบาปเช่นเดียวกับสามารถถวายมิสซาแต่งงานได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดนั้นมันมีมายาวนาน กรณีต่างๆ ต้องได้รับการแก้ไขจากสมณกระทรวงหลักความเชื่อ อาทิ กรณีล่วงละเมิดทางเพศ ส่วน พระสังฆราช เฟลเลย์ (ผู้นำกลุ่มเลอแฟ๊บวร์) พ่อมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา พ่อพูดคุยกับเขาหลายครั้ง พ่อไม่ชอบไปเร่งเรื่องต่างๆ เราจะดูกันว่าจะเป็นอย่างไร สำหรับพ่อ มันไม่มีคนชนะหรือคนแพ้ มีแต่พี่น้องที่กำลังเดินไปข้างหน้า"

นักข่าว: คริสตชนนิกายเอวันเจลิคั่ล กับ คริสตชนคาทอลิก สามารถเดินร่วมถนนสายเดียวกันได้ไหม พวกเขาสามารถร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณเดียวกันได้หรือไม่

พระสันตะปาปา: "ก้าวที่ยิ่งใหญ่ได้เริ่มไปข้างหน้าแล้ว ให้เราคิดถึงแถลงการณ์ร่วม(ตอนที่พระสันตะปาปาเยือนสวีเดน) การไปสวีเดนครั้งนั้นถือว่าสำคัญมาก งานคริสตศาสนสัมพันธ์คือการเดินไปด้วยกันในการภาวนา การเป็นมรณสักขี และในงานแห่งความเมตตา พระเจ้าคือพระเจ้าแห่งความประหลาดใจ พวกเราต้อไม่หยุดนิ่ง เราต้องภาวนาด้วยกัน เป็นประจักษ์พยานร่วมกัน ทำงานแห่งความเมตตาร่วมกัน นักเทวศาสตร์ก็ศึกษาหาทางต่อไป ส่วนเราต้องก้าวไปข้างหน้าและเดินไปร่วมกัน"


นักข่าว: ที่ฟาติมา เราได้เห็นการเป็นประจักษ์พยานอันยิ่งใหญ่ของความเชื่ออันแพร่หลาย มีเรื่องแบบนี้เหมือนกันที่เมดจูร์กอร์เร่ พระองค์คิดอย่างไรต่อการประจักษ์ที่นั่นและความศรัทธาในศาสนาที่ได้เกิดขึ้น

พระสันตะปาปา: "พ่อรู้ว่ามันมีประเด็นและการสืบสวน(แม่พระประจักษ์ที่เม็ดจูร์กอร์เร่)ยังดำเนินต่อไป เพื่อความจริงจะได้ปรากฏ สำหรับเม็ดจูร์กอร์เร่ หรือทุกการประจักษ์ หรือทุกครั้งที่คาดว่ามีการประจักษ์ ทั้งหมดเป็นเรื่องของพื้นที่นั้น มันไม่ได้เป็นส่วนของทั้งหมด(พระศาสนจักรสากล) เรื่องเม็ดจูร์กอร์เร่ สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนนำโดยพระคาร์ดินัล คาร์โล รูอินี่ รายงานของคณะกรรมการชุดนี้จัดว่าดีมากๆ จากนั้น มันมีข้อสงสัยบางประการที่เกิดในสมณกระทรวงหลักความเชื่อ ซึ่งความเห็นของพวกเขาขัดแย้งกับรายงานของพระคาร์ดินัลรูอินี่ พ่อจำได้ว่า เย็นวันเสาร์หนึ่งพ่อได้รับการแจ้งเตือน(จากสมณกระทรวงหลักความเชื่อ)เกี่ยวกับรายงานของพระคาร์ดินัลรูอินี่ พ่อคิดว่ามันไม่ถูกต้อง มันเหมือนกับการประมูลแข่งกัน(ว่าพระสันตะปาปาจะเลือกฟังรายงานของใคร) ขอโทษที่พ่อใช้คำนี้ รายงานของพระคาร์ดินัลรูอินี่จัดว่าทำได้ดีมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ วันอาทิตย์พ่อจึงส่งจดหมายไปหาสมณมนตรีแห่งสมณกระทรวงหลักความเชื่อ เพื่อบอกว่า แทนที่จะส่งเอกสารที่เห็นแย้งนี้ไปให้ที่ประชุมเฟเรีย ควอร์ต้า (การประชุมในวันพุธของสมณกระทรวงหลักความเชื่อ) พวกเขาควรจะส่งเอกสารความเห็นแย้งนี้มาให้พ่อเป็นการส่วนตัว

"ส่วนใหญ่ มันมีสามสิ่งที่ต้องแยกแยะ ได้แก่ การประจักษ์ช่วงแรกๆ ตอนที่พวกเขายังเป็นเด็ก(หมายถึงเด็กๆ ที่เห็นแม่พระประจักษ์ที่เม็ดจูร์กอร์เร่) รายงานกล่าวว่าเรื่องนี้ต้องได้รับการศึกษาต่อไป การประจักษ์ที่ยังมีการกล่าวว่ายังเกิดขึ้นถึงทุกวันนี้ สิ่งนี้แหละคือเรื่องที่รายงาน(จากสมณกระทรวงหลักความเชื่อ) มีข้อสงสัยหลายประการ โดยส่วนตัวพ่อสงสัยอย่างมาก พ่อชอบแม่พระที่เป็นมารดา ไม่ใช่เป็นสตรีที่เป็นหัวหน้าของสำนักงานโทรเลขที่ทุกวันต้องส่งสารมาในเวลาต่างๆ นี่ไม่ใช่แม่ของพระเยซู การทึกทักเอาเองถึงการประจักษ์แบบนี้ไม่มีคุณค่าเลย นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของพ่อ แต่มันชัดเจน คนที่คิดว่าแม่พระตรัสว่า 'มาวันพรุ่งนี้นะ เวลานี้นะ แล้วเราจะพูดกับคนที่เห็นแม่พระประจักษ์' มันเป็นแบบนี้เหรอ ไม่เลย การประจักษ์สองช่วงต้องแยกออกจากกัน ส่วนเรื่องที่สาม เนื้อหาหลักของรายงานจากพระคาร์ดินัลรูอินี่ เรื่องความจริงฝ่ายจิตและความจริงทางด้านการอภิบาล ผู้คนไปที่นั่นและกลับใจ ผู้ที่ได้พบกับพระเจ้า ก็เปลี่ยนแปลงชีวิตของตน ... แต่เรื่องนี้ ... ไม่มีไม้กายสิทธิ์เวทมนตร์ที่นั่นนะ ความจริงฝ่ายจิตและการอภิบาลต้องไม่ถูกมองข้าม ตอนนี้ การมองสิ่งต่างๆ ด้วยข้อมูลทั้งหมด ด้วยคำตอบที่นักเทวศาสตร์ส่งมาให้พ่อ พ่อยังได้แต่งตั้งพระสังฆราชที่ดีที่มีประสบการณ์ในการทำงานอภิบาลเรื่องแบบนี้ให้ไปทำงานที่นั่น สุดท้าย พวกท่านคงจะได้ยินอะไรบ้างแหละ"

นักข่าว: แมรี่ คอลลินส์ สมาชิกคนสุดท้ายของคณะกรรมการปกป้องผู้เยาว์ได้ลาออกจากหน้าที่ โดยให้เหตุผลว่า เจ้าหน้าที่ในวาติกันไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่คณะกรรมการเสนอแนะ ใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้ และพระองค์จะทำอย่างไรเพื่อให้ข้อเสนอแนะนี้ได้รับการปฏิบัติ

พระสันตะปาปา: "พ่อพูดกับ แมรี่ คอลลินส์ แล้ว และแมรี่ก็อธิบายให้พ่อเข้าใจถึงสถานการณ์ต่างๆ เป็นอย่างดี แมรี่เป็นผู้หญิงที่ดี  เธอยังคงทำงานกับพระสงฆ์เกี่ยวกับการอบรมเรื่องพวกนี้อยู่ แมรี่พูดถึงข้อกล่าวหาที่เจ้าหน้าที่ในวาติกันไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของเธอ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ มันมีหลายคดีที่ยังคงล่าช้า ที่มันล่าช้าเพราะคดีมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ ... แต่คนทำงานตรงนี้มีน้อย มันจำเป็นต้องมีพนักงานที่มีความสามารถพร้อมในการทำคดีเหล่านี้ด้วย ... มันยังมีปัญหาอีกอย่างก็คือบางครั้งพระสังฆราชส่งคดีเข้ามา ถ้ามันตรงกับแนวทางที่วางไว้ เรื่องจะเข้าสู่การประชุมของสมณกระทรวงหลักความเชื่อทันที แต่ถ้าไม่ตรงกับแนวทางที่วางไว้ มันจะถูกตีกลับ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงเกิดแนวคิดที่ให้บางท้องถิ่นเข้ามาช่วย เมื่อที่ประชุมของสมณกระทรวงหลักความเชื่อจับสงฆ์ที่กระทำผิดสึกไปเป็นฆราวาส ถ้าสงฆ์คนนั้นอุทธรณ์ ก็เป็นที่ประชุมของสมณกระทรวงหลักความเชื่ออีกนั่นแหละที่ต้องมาสอบสวนอีกครั้ง พ่อจึงแต่งตั้งอีกหน่วยงานขึ้นมา โดยให้พระอัครสังฆราช ชาร์ลส์ สคลิคลูน่า แห่งมองตา หนึ่งในคนที่ยืนหยัดต่อต้านสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศอย่างแข็งขัน มาดูแลหน่วยงานนี้ ถ้าบทลงโทษแรกได้รับการอนุมัติ มันก็หมายความว่าคดีสิ้นสุดทันที สงฆ์คนนี้มีทางเดียวก็คืออุทธรณ์ต่อพระสันตะปาปาเพื่อขอความเมตตาเท่านั้น แต่ตอนนี้ พ่อยังไม่เคยอนุมัติเรื่องแบบนี้ให้ใคร แมรี่ถูกต้องแหละ แต่เราอยู่บนถนนสายนี้ ถนนที่คดีความกว่า 2,000 คดีรออยู่"

นักข่าว: ในโปรตุเกส กฎหมายเรื่องการแต่งงานของชาวเกย์และการยกเลิกโทษการทำแท้ง รวมไปถึงการุณยฆาต กำลังจะได้รับการอนุมัติ พระองค์คิดอย่างไร

พระสันตะปาปา: "มันเป็นปัญหาทางการเมือง ... เบื้องหลังของสิ่งนี้คือการขาดสอนคำสอนอย่างดี ในบางพื้นที่ อาทิ อิตาลีและลาตินอเมริกา มีคาทอลิกจำนวนมากและในเวลาเดียวกัน ก็มีพวกต่อต้านพระสงฆ์และเกลียดชังพระสงฆ์จำนวนมากเช่นกัน พ่อกังวลเรื่องนี้ แต่พ่อจะบอกกับพระสงฆ์เสมอว่า การแสวงหาความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์นี่แหละที่ทำให้คนถอยห่างจากพระศาสนจักร การแสวงหาความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์คือโรคระบาดร้ายแรงในพระศาสนจักร"