โป๊ปฟรังซิส - วิธีเผชิญหน้าและชนะความแตกแยกคือเราต้องสุภาพถ่อมตน

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ วิธีเผชิญหน้าและชนะความแตกแยกคือเราต้องสุภาพถ่อมตน เหมือนที่นักบุญเปาโลแสดงให้เห็นเวลาอภิบาลคริสตชนเมืองโครินธ์ ซึ่งท่านเคยมีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับพวกเขา 

  • ทรงสอน การเป็นคนสุภาพถ่อมตนเวลาประกาศข่าวดี หมายถึง เราต้องไม่ทำให้ตนเองเป็นจุดสนใจ แต่ต้องตระหนักว่างานนี้ขึ้นกับพระเจ้า เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นที่พระเจ้าจะทำงานในตัวเรา 

  • ทรงเน้น คริสตศาสนสัมพันธ์ไม่มีวันบรรลุผลถ้าคุยกันแต่เชิงเทวศาสตร์ แต่มันจะสำเร็จถ้าคาทอลิกและแองกลิกันร่วมมือกันทำงานในสังคม




ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปยังโบสถ์นักบุญทั้งหลาย (Anglican Parish of All Saints) ซึ่งเป็นโบสถ์แองกิลกันในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เพื่อร่วมงานฉลอง 200 ปีของการก่อตั้งชุมชนแองกลิกันในกรุงโรม นอกจากนี้ การมาเยือนครั้งนี้ ทำให้พระสันตะปาปา ฟรังซิส เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกในประวัติศาสตร์ที่มาเยือนโบสถ์แองกลิกันในกรุงโรมด้วย

โอกาสนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวแบ่งปันกับทุกคนว่า

- สองศตวรรษที่ผ่านมา หลายสิ่งได้เปลี่ยนไปมากระหว่างแองกลิกันกับคาทอลิก ในอดีต เรามองกันและกันด้วยความเคลือบแคลงใจและเป็นศัตรูกัน แต่วันนี้ ด้วยความสำนึกต่อพระเจ้า เรายอมรับว่าแท้จริงแล้วเราเป็นพี่น้องกันในพระคริสต์โดยผ่านทางศีลล้าง

- นักบุญเปาโลไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายกับกลุ่มคริสตชนเมืองโครินธ์ ในจดหมายของท่านก็บอกแบบนั้น มันมีการไปเยี่ยมเยียนแบบเจ็บปวดด้วย แต่เนื้อหาในนั้นแสดงให้เห็นว่า เปาโลเอาชนะความยากลำบากที่เกิดได้ด้วยการดำเนินชีวิตในการอภิบาลอยู่ในความสว่างของความเมตตาที่ได้รับ ท่านไม่เคยยอมแพ้เวลาเผชิญหน้าความแตกแยก แต่ท่านอุทิศตนเองให้กับการคืนดีกัน เมื่อเรากลุ่มคริสตชนที่ได้รับศีลล้าง พบว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับความไม่ลงรอยกัน ขอให้เราหันหน้าเข้าหาพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาของพระเยซูเพื่อจะได้เอาชนะความแตกแยกนี้

- นักบุญเปาโลดิ้นรนสู้กับงานนี้อย่างไร ท่านเริ่มจากจุดไหน คำตอบคือด้วยความสุภาพถ่อมตนนั่นเอง เปาโลมองว่าตนเป็นผู้รับใช้ ท่านไม่ได้ประกาศตนเองแต่ท่านประกาศพระเยซูคริสต์ การเป็นคนสุภาพถ่อมตนหมายความว่า การนำความสนใจต่างๆ ออกไปจากตนเอง และตระหนักว่าเราขึ้นกับพระเจ้า รวมทั้งตระหนักว่าเราเป็นผู้วอนขอความเมตตาจากพระองค์ นี่แหละคือจุดเริ่มต้นที่พระเจ้าจะทำงานในตัวเรา

- ถ้าเราตระหนักถึงความอ่อนแอและวอนขอการอภัยโทษจากพระเจ้า เมื่อนั้นแหละ พระเมตตาของพระเจ้าจะรักษาและส่องแสงในตัวเรา นอกจากนี้ คนภายนอกจะสัมผัสได้ถึงความงดงามของพระพักตร์พระคริสตเจ้าอีกด้วย

หลังการเทศน์แบ่งปันจบลง พระสันตะปาปาทรงตอบคำถามที่คริสตชนแองกลิกันถามพระองค์

หนึ่งในคำถามสำคัญคือ "คริสตศาสนสัมพันธ์ควรเน้นไปที่การทำงานร่วมกันในสังคม มากกว่าจะเสาะหาความแตกต่างทางเทวศาสตร์ใช่หรือไม่"

พระสันตะปาปาตรัสตอบว่า "ควรทำคู่กันไป แต่จำไว้ว่า งานคริสตศาสนสัมพันธ์ไม่สามารถบรรลุผลได้ในห้องทดลอง มันจะสำเร็จได้บนถนนจริงเท่านั้น"

ตอนท้าย พระสันตะปาปาทรงกล่าวด้วยว่า พระองค์กำลังดูความเป็นไปได้ที่จะไปเยือน "ประเทศซูดานใต้" ตามคำเชิญของคาทอลิกและแองกิลกันที่นั่น โดยกำลังพิจารณาจะไปพร้อมกับ "ดร.จัสติน เวลบี้" อาร์คบิช็อปแห่งแคนเทอบิวรี่